“ระหว่างทางสำคัญกว่าจุดหมาย” ประโยคง่ายๆ ที่ฟังดูเท่ๆ นี้คงเป็นสิ่งที่เคยได้ยินกันมาเยอะแล้ว จริงอยู่ว่าการเดินทางทุกครั้งต้องมีจุดหมาย แต่การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างทางย่อมมีคุณค่าไม่แพ้กัน ความคาดไม่ถึงว่าตลอดการเดินทางของเราจะต้องเจออะไรบ้างจะช่วยเติมเต็มและแต่งแต้มให้ทริปนั้นน่าจดจำอย่างแน่นอน
ความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากได้ดูหนังสั้น #TokyoUnexpected ของ VISA ที่โด่งดังจนเป็นกระแสในโลก
โซเชียลด้วยยอดวิวเกิน 5 ล้านในอาทิตย์เดียว หนังเรื่องนี้เล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งถูกแฟนบอกเลิกเลยต้องมาเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวเพราะจองทุกอย่างไว้หมดแล้ว สุดท้ายเธอก็ค้นพบว่าการได้ทำอะไรที่อยากทำให้ได้สัมผัสประสบการณ์ล้ำค่าที่คาดไม่ถึง แม้ระหว่างทางอาจจะต้องเจอกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ก็ตาม
ดูหนังได้ในลิงค์ด้านล่างนี้ #TokyoUnexpected
ลองมานั่งนึกย้อนไปถึงประสบการณ์ไม่คาดฝันที่ยังอยู่ในความทรงจำของพวกเราก็มีมากมายเหมือนกัน จึงขอเล่าความ #unexpected ระหว่างเดินทางที่ต้องออกไป “เที่ยวเอง” เท่านั้นถึงจะได้รับรู้ความหมายของมัน
เด็กวัยรุ่นที่รัสเซีย
ขึ้นรถเมล์ออกนอกเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไปหมู่บ้านพุชกิ้น บนรถคนแน่นมาก พอดีมีเด็กอายุประมาณ 13-14 ยืนอยู่ใกล้ๆ จึงลองถามดูว่ารถคันนี้ไปพระราชวังแคทเธอรีนใช่มั้ย? หนุ่มน้อยผมบลอนด์มาดกวนหน่อยๆ ตอบด้วยภาษาอังกฤษที่ดีกว่าคนรัสเซียปกติว่า “ใช่แล้ว พระราชวังอยู่ไม่ไกลจากบ้านเค้าเลย” และชวนเราคุยเพราะอยากฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง ยืนคุยกันไปตลอดทาง พอลงรถเมล์ก็อาสาพาเราเดินเที่ยวพระราชวังพร้อมอธิบายข้อมูลเหมือนเป็นไกด์เลยทีเดียว เดินเที่ยวจนค่ำ พ่อโทรมาตามให้กลับบ้านกินข้าวเย็นก็ไม่ยอมกลับ เราจะเลี้ยงตอบแทนก็ไม่เอา ถ้าไม่มีหนุ่มน้อย “Jura” เราก็คงเสียเวลาเดินหาอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน จากวันนั้นถึงวันนี้เราก็ยังคงติดต่อสื่อสารเป็นเพื่อนต่างวัยกันอยู่เลย
เดินลงเขาที่นอร์เวย์
ทริปนั้นไปเดินเขากับเพื่อนที่ Preikestolen หน้าผาชื่อดังเหนือแนวฟยอร์ดของนอร์เวย์ เตรียมตัวทุกอย่างมาพร้อมหมดทั้งเสื้อผ้ากันลม กระเป๋าสะพายหลังที่มีอาหารเครื่องดื่ม รวมทั้งรองเท้าเดินเขา แต่ขึ้นชื่อว่า “การเดินทาง” เรื่องไม่คาดฝันย่อมเกิดขึ้นได้ตลอด ในขณะที่กำลังเพิ่งเดินลงเขาที่ต้องใช้เวลาทั้งหมดราว 2 ชั่วโมงก็รู้สึกได้ว่าพื้นรองเท้าทั้งสองข้างเริ่มเปิดและหลุดออกเกือบหมดจากการทิ่มของหินแหลม ทำให้เดินลำบากมากเพราะพื้นไม่มีดอกยาง ผมค่อยๆ เดินลงอย่างระมัดระวังในเส้นทางที่ทางค่อนข้างชันและลื่นจากฝนตกโดยมีเพื่อนคอยช่วยดูทางและช่วยเหลือในบางช่วงที่ลื่นมาก ความรู้สึกตอนนั้นคือ “ทำไมต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วย” แต่พอก้าวสุดท้ายที่ถึงพื้นด้านล่างซึ่งพื้นรองเท้าหลุดออกมาหมดพอดี ความรู้สึกไม่ดีทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะว่าอย่างน้อยเราก็เอาชนะอุปสรรคที่เกิดขึ้นได้ และยังได้รับรู้ความหมายของมิตรภาพที่แท้จริงอีกด้วย ว่าไปแล้วหนัง #TokyoUnexpected มันก็ชีวิตเราจริงๆ นี่แหละ
คนไทยในหมู่เกาะแฟโร
ระหว่างยืนคุยกันตอนรอรถเมล์ที่หน้าสนามบิน Vágar ของ Faroe Islands หมู่เกาะไกลโพ้นกลางมหาสมุทรแอตแลนติกที่คนไทยแทบไม่เคยได้ยินชื่อ อยู่ๆ ดีก็มีเสียงภาษาไทยว่า “คนไทยหรอคะ?” เรางงๆ หันไปเจอหญิงไทยหน้าตาดีใจสุดๆ ที่เจอคนไทยมาเที่ยว เราก็ดีใจและแปลกใจมากที่เจอคนไทยอาศัยอยู่ที่นี่ ยืนคุยกันพักใหญ่เลย
พี่อิ๋วอาสาไปส่งเราที่ที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบิน ให้สามีชาวแฟโรขับรถพาไปเที่ยวหมู่บ้าน Gásadalur ที่ไม่มีรถสาธารณะไปได้ พาไปบ้านพี่สาวเลี้ยงข้าวเย็น พาไปเจอรุ่นน้องคนไทยซึ่งให้สามีลางานขับรถเที่ยวทั่วหมู่บ้านในวันรุ่งขึ้น ทำกับข้าวเลี้ยงมื้อเย็นอีก วันสุดท้ายให้สามีมารับที่ที่พักไปส่งถึงสนามบิน เราจะให้เงินตอบแทนน้ำใจอันงดงามก็ไม่ยอมรับแถมยังให้ของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านอีก อะไรจะใจดีเว่อร์ขนาดนั้น 🙂
ไฟลท์ดีเลย์จนได้ไปเที่ยวเมืองใหม่
ทริปนั้นจุดหมายอยู่ที่กรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก ตามโปรแกรมคือไฟลท์ออกจากเมืองไทยดึกแล้วไปถึงเมืองแฟรงก์เฟิร์ตของเยอรมนีช่วงเช้าตรู่เพื่อต่อเครื่องในช่วงสาย เนื่องจากไฟลท์จากสุวรรณภูมิออกดีเลย์ไปชั่วโมงกว่าจากเหตุขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ไปต่อเครื่องไม่ทัน เช็คไฟลท์ไปโคเปนเฮเกนมีอีกทีช่วงบ่ายกว่าๆ เลย เราจึงดูว่ามีที่ไหนใกล้ๆ ไปได้บ้างเพื่อใช้เวลาให้คุ้มค่า สุดท้ายเลยตัดสินใจขึ้นรถบัสไปเมือง Darmstadt ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ตอนแรกในใจไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นอย่างไร แม้สภาพอากาศไม่ดี มีฝนตกปรอยๆ ตลอด แต่ความมีน้ำใจของชาวเมืองที่สัมผัสได้ตั้งแต่เดินทางถึงบวกกับเสน่ห์ของอาคารดีไซน์สวยงามก็ทำให้รู้สึกประทับใจเมืองนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
หนุ่มคาซัคน้ำใจงาม
คาซัคสถานเป็นประเทศที่ดูเหมือนจะไม่ได้ปลอดภัยมากนัก จากสนามบินเรานั่งรถเมล์เข้าเมืองเพื่อต่อรถเมล์อีกสายที่ป้ายหน้าสถานีรถบัสกลางซึ่งจอแจด้วยผู้คนเพราะเป็นชุมทางรถใหญ่ ฝนตกลงมาและท้องฟ้ากำลังจะมืด สภาพตอนนั้นทุลักทุเลไม่เบา พอดีมีหนุ่มลุคเอเชียหน้าตาเป็นมิตรยืนรอรถอยู่ใกล้ๆ เราจึงลองถามว่าจะขึ้นรถเมล์เพื่อไปลงที่สถานี
เมโทร Abay (อาบาย) จากป้ายนี้ใช่มั้ย? หนุ่มคาซัคคงได้ยินอะไรเมโทรๆ สักอย่างจึงบอกให้เราเดินตามเค้าไปพร้อมพยายามอธิบายว่ากำลังจะพาเราไปสถานีรถไฟใต้ดินนะ เราก็นึกว่าจะพาไปส่งแค่ที่สถานี แต่พ่อหนุ่มกลับช่วยเรายกกระเป๋าหนักๆ ลงไปซื้อตั๋วให้ พาขึ้นรถไฟใต้ดินไปยังสถานีที่เราบอก ต่อด้วยเดินถามทางคนแถวนั้นจนพาเราไปส่งถึงโรงแรม ตอนแรกเราคิดว่าเค้าต้องเรียกค่าช่วยเหลือแน่นอน แต่ปรากฏว่าแม้แต่ค่าตั๋วรถไฟใต้ดินยังไม่ยอมเอาเลย แถมตัวเค้ายังต้องกลับไปที่ป้ายรถเมล์เดิมอีกต่างหาก เรานี่ซึ้งน้ำใจคนคาซัคตั้งแต่แรกเลย
เชื่อว่าหลายคนที่เคยไปเที่ยวเองคงต้องวางแผนว่าจะไปเที่ยวไหนบ้างและกำหนดงบประมาณที่จะใช้ในทริปแน่นอน แต่เวลาไปเที่ยวจริงมันอาจไม่เป็นไปตามแผนทุกอย่าง เหมือนในเรื่อง #TokyoUnexpected บางครั้งเราก็ต้องปรับแผนให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด บางทีก็เกิดอยากไปนู่น นี่ นั่น อยากกินอะไรแพงๆ หรืออยากได้ของเซลโดยเฉพาะเวลาไปญี่ปุ่นนี่ประจำเลย ทำให้ต้องใช้เงินออกนอกแผน เรียกได้ว่า #TokyoUnexpected ตามเรื่องในหนังสั้นเลย แต่ยังไงก็ไม่ต้องกังวลอะไรให้มาก แค่แลกเงินไปตามแผนที่วางไว้ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดจริงๆ ก็รูดบัตรไปเลย สะดวก ง่าย ไม่ต้องหาที่แลกเงินเพิ่มให้วุ่นวาย ทริปของเราจะได้ราบรื่น สนุก และถูกใจ ถ้าตั้งใจจะไปเที่ยวแล้วก็ไม่ต้องกลัวเรื่อง Unexpected ที่จะเกิดขึ้นเพราะนั่นคือสิ่งน่าจดจำของทุกการเดินทาง
ทุกการเดินทางมีความสวยงามรออยู่
Sponsored by Visa