หากคุณเป็นฟู้ดดี้ผู้หลงใหลในวัฒนธรรมการกินดื่มแต่ยังไม่เคยมาปักหมุดที่ ‘สิงคโปร์’ เราอยากเชื้อเชิญให้ลองมาตะลุยกินแบบจัดหนักดูสักครั้ง แล้วจะติดใจจนอยากกลับซ้ำให้ฉ่ำกระเพาะ เพราะที่นี่มีตั้งแต่อาหารข้างทางรสเด็ดระดับ
มิชลินสตาร์ไปจนถึงร้านเก๋ไก๋ซึ่งเสิร์ฟทั้งความอิ่มท้อง อิ่มใจ นำพาเราเข้าสู่ห้วงเวลาแห่งการพักผ่อนอันสมบูรณ์แบบ และนี่คือ 5 ร้านหลากสไตล์ที่ขอหยิบยกมาแนะนำพอเป็นน้ำจิ้ม
Breakfast
Nanyang Old Coffee สาขาไชน่าทาวน์
แขกไปใครมาสิงคโปร์ต่างก็ต้องมาลิ้มลอง Kaya Toast ขนมปังสังขยาสไตล์สิงคโปร์ที่ไส้ทำจากไข่และกะทิ รสชาติใกล้เคียงสังขยาบ้านเรา แต่มีความข้นหนืดกว่าและนิยมทาบนขนมปังร่วมกับเนยสดหอมมัน นอกจาก Kaya Toast แล้ว ร้านอาหารเช้าแนวนี้ก็ยังมีขนมจีบ ซาลาเปา และของว่างจานชิ้นพอดีคำให้เลือกชิมอีกหลายอย่าง ส่วนเมนูในดวงใจของเราคือ Chee Cheong Fun ก๋วยเตี๋ยวหลอดแป้งบางเฉียบนุ่มละมุนราดซอสซีอิ๊วดำรสกลมกล่อมซึ่งมีส่วนผสมของหมูสับและเห็ดหอม จานนี้เป็นลูกผสมระหว่างจีนกวางตุ้งกับฮกเกี้ยน ทีแรกมาวางบนโต๊ะไม่มีใครแตะเพราะหน้าตาดูไม่น่าตื่นเต้นเท่าขนมจีบอวบอั๋น แต่พอมีคนเปิดประเดิมแล้วพูดขึ้นมาว่าอร่อยมาก! เท่านั้นแหละ แย่งกันหนุบหนับจนหมดก่อนเพื่อน
เปิดทุกวัน 07.00-18.00 น.
ชุดอาหารเช้า Kaya Toast ไข่ลวก และเครื่องดื่ม ราคาเริ่มต้นที่ 4.30 S$, Chee Cheong Fun 2.90 S$
สถานีรถไฟใต้ดิน Chinatown
Michelin Star ริมทาง
ปกติเวลาพูดถึงร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ สิ่งแรกที่คนทั่วไปนึกถึงคงหนีไม่พ้นความหรูหราและราคาที่ชาวบ้านทั่วไปจับต้องยาก แต่ล่าสุด มิชลินไกด์ สิงคโปร์ 2016 ได้มอบหนึ่งดาวแก่ร้านอาหารริมทางเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยมีร้านอร่อยราคาไม่แพงที่เข้ารอบ 2 ร้านด้วยกัน
Hawker CHAN Liao Fan
เมนูดังที่อร่อยล้ำจนนำพาเชฟชาน ฮอง เหม็ง (Chan Hong Meng) ไปปักธงชัยในเวทีระดับโลกคือ ‘บะหมี่ไก่’ ซึ่งมีทีเด็ดอยู่ที่ความอวบนุ่มชุ่มฉ่ำของเจ้าไก่ชิ้นโตหนังบางลื่นเป็นมันเงา เส้นลวกสุกกำลังพอเหมาะพอดีที่ซ่อนซอสถั่วเหลืองแสนอร่อยไว้ข้างใต้ ส่วนหมูกรอบ หมูแดง และซี่โครงหมูก็รสชาติเฉียบเนี้ยบนิ้งไม่แพ้กัน ใครอยากสัมผัสบรรยากาศ Feel like a local สาขาแรกของร้านอยู่ที่ Chinatown Complex โซนฟู้ดคอร์ท แต่ถ้าอยากนั่งสบายๆ ในร้านโล่งโปร่งสบายติดแอร์เย็นฉ่ำ ขอแนะนำสาขาบนถนน Smith Street ในย่านไชน่าทาวน์ และล่าสุดเขาเพิ่งเปิดสาขาเพิ่มที่ Tai Seng Street ด้วย
เปิด 10.00-20.00 น. หยุดทุกวันพุธ (สำหรับสาขา Smith Street)
ข้าวหน้าไก่ 3.80 S$ ข้าวหน้าหมู 4 S$ บะหมี่หน้าไก่ 4.50 S$ บะหมี่หน้าหมู 4.80 S$
สถานีรถไฟใต้ดิน Chinatown
Hill Street Tai Hwa Pork Noodle
ร้านนี้ตั้งอยู่ใต้อพาร์ทเมนต์ย่านที่พักอาศัยของชาวสิงคโปร์ในศูนย์อาหารเล็กๆ ชื่อ Tai Hwa Eating House ขายเมนูเดียวเลยคือบะหมี่หมูสับสูตรแต้จิ๋ว มีเส้นให้เลือก 2 แบบ กลมกับแบน จุดเด่นที่แตกต่างจากบะหมี่บ้านเราชัดเจนคือเขาจะใส่ซอสจิ๊กโฉ่วเปรี้ยวๆ มาจนชุ่ม ทำให้รสชาติออกเปรี้ยวๆ ช่วยตัดเลี่ยน ถ้าใครไม่ชอบสามารถสั่งแบบไม่ใส่ได้ ในชามก็จะมีเส้น ผักกวางตุ้ง ปลากรอบ หมูสับ เกี๊ยว ตับ สิ่งที่เซอร์ไพรส์สุดๆ คือตับนุ่มมากและน้ำซุปกระดูกหมูก็หวานหอมกลมกล่อมเคี่ยวมาอย่างดี ติดกับร้านบะหมี่มีร้านขายน้ำ แนะนำให้ลองน้ำส้มใส่บ๊วยแก้วละ 1.50 S$ หวานๆ หอมกลิ่นส้มปนบ๊วย สดชื่นดีงาม แต่อาจจะหวานไปนิดนึงสำหรับคนไม่นิยมหวานมาก
เปิดทุกวัน 09.30-21.00 น.
ราคาเริ่มต้นที่ 5 S$ แบบใส่ตับชามละ 6 S$ ถ้าชอบปลากรอบสามารถสั่งเพิ่มแยกต่างหากได้
สถานีรถไฟใต้ดิน Lavender
Dempsey Hill
ในยุค 1970s สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของค่ายทหารมาก่อน แต่ปัจจุบัน Dempsey Hill คือแหล่งรวมไลฟ์สไตล์สุดชิคใจกลางเมืองอันแสนร่มรื่น ภายในอาณาบริเวณมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ แกลเลอรี่ สปา ร้านบูติกเก๋ๆ และร้านเฟอร์นิเจอร์ให้เลือกชม ชิม ช้อป ได้ตามอัธยาศัย หากมีโอกาสได้มาเที่ยวสิงคโปร์แบบไม่รีบร้อน อยากให้ลองแวะมานั่งพักผ่อนในร้านอาหารที่ถูกใจและเดินเล่นสำรวจย่านนี้ดู โดยสามารถจัดโปรแกรมคู่ไปกับ Singapore Botanic Gardens ได้ เพราะอยู่ใกล้กันมากๆ
ทริปสิงคโปร์รอบนี้ เรามีลิสต์ร้านอาหารต้องไปชิมยาวเป็นหางว่าว จึงแบ่งเวลาให้ Dempsey Hill ได้เพียง 2 ร้านซึ่งคัดสรรมาแล้วว่านี่แหละไฮไลต์เด็ดจริงๆ แนะนำโดย ‘คุณโจ’ เจ้าแม่ไลฟ์สไตล์จากการท่องเที่ยวสิงคโปร์ เจ้าถิ่นตัวจริงผู้ตระเวนกินเที่ยวมาแล้วรอบเกาะ
The White Rabbit
ใช้คำว่าตกหลุมรักจะเว่อร์ไปไหม? แต่ The White Rabbit คือร้านที่ดีที่สุดของเราในทริปนี้จริงๆ ตั้งแต่บรรยากาศภายในร้านที่ดูหรูหรา โรแมนติก เจือกลิ่นอายมนตร์ขลังนิดๆ เนื่องจากดัดแปลงมาจากโบสถ์เก่าอายุเกือบร้อยปี เมนูที่นี่เน้นเสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสสไตล์โมเดิร์นรสชาติยอดเยี่ยม ราคาค่อนข้างสูงสักหน่อย แต่คุณเคลวินผู้จัดการร้านแอบกระซิบมาว่าแวะมื้อกลางวันเขาเสิร์ฟ Set Lunch ในราคาสุดคุ้ม เริ่มต้นที่ 34 S$ ++
สำหรับใครที่จัดงบมาแบบไม่อั้น อยากให้ลอง 36-hour Brandt Short ribs ซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ปรุงเนื้อซี่โครงให้สุกด้วยไฟอ่อนนานถึง 36 ชั่วโมง เนื้อนุ่มหยุดโลกและรสชาติดีมาก ส่วนของหวานนั้นถ้าโต๊ะไหนสั่ง Crepes Suzette เชฟจะเข็นเตามาโชว์ปรุงแบบไฟลุกให้ตื่นตาตื่นใจถึงโต๊ะเลยทีเดียว แต่ส่วนตัวเราแอบเทใจให้สองเมนูช็อกโกแลตอย่าง Fudge Brownie และ Warm Chocolate Mousse มากกว่า
ด้วยความครบเครื่องเรื่องคาวหวานและบรรยากาศอันน่าประทับใจ ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่เปิดทำการ The White Rabbit จึงกวาดรางวัลมามากมายและติดท็อปลิสต์ในสื่อไลฟ์สไตล์หลายหัวของสิงคโปร์ ทั้งยังมีการเหมาร้านเพื่อจัดปาร์ตี้ อีเวนต์ หรืองานแต่งงานอยู่บ่อยๆ เพื่อความชัวร์ควรจองล่วงหน้าทาง facebook.com/TWRsg
วันอังคาร-ศุกร์ เปิด 12.00-14.30 น. และ 18.00-22.30 น.
วันเสาร์-อาทิตย์ เปิด 10.30-15.00 น. และ 18.00-22.30 น. (ปิดทุกวันจันทร์)
ที่ตั้ง 39C Harding Road
PS. Café
คาเฟ่ชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งในสิงคโปร์ แต่ถ้าอยากมาพักผ่อนในวันสบายๆ สูดกลิ่นอายธรรมชาติให้เต็มปอด
ขอบอกว่าสาขา Harding Road เด็ดสุด ตัวร้านตั้งอยู่บนเนินเขาเขียวขจี มีมุมให้เลือกนั่งทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ มองออกไปเห็นต้นไม้ใหญ่ดกครึ้มได้อารมณ์เหมือนกำลังชิลล์อยู่กลางป่าเขตร้อน แต่เป็นป่าที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แถมยังมีอาหารและเครื่องดื่มแสนอร่อยให้บริการด้วย ที่นี่เสิร์ฟคอมฟอร์ทฟู้ดง่ายๆ กินสบายๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากนัก เมนูแนะนำคือ PS. Burger เป็นเบอร์เกอร์ที่ผสมระหว่างวากิวและเนื้อวัว US พวกพาสต้าต่างๆ ก็รสชาติเข้าที ถ้ามากันหลายคนอย่าลืมสั่ง Truffle Fries จานโตมาแบ่งกันชิมและเผื่อท้องไว้สำหรับของหวานจานอร่อยด้วย แนะนำว่าถ้าไม่อยากเจอผู้คนล้นหลามควรหลีกเลี่ยงการมาในวันหยุด
วันจันทร์-ศุกร์ เปิด 08.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เปิด 09.30 น.
วันจันทร์-พฤหัสบดี และอาทิตย์ ปิด 24.00 น. วันศุกร์และเสาร์ ปิด 02.00 น.
ที่ตั้ง 28b Harding Road
Content by PondJaa