กลับมาสวิสอีกครั้ง เริ่มทริปที่ซูริคเหมือนเดิม
สวิตเซอร์แลนด์ คือประเทศในฝันของหลายๆ คนเพราะความสวยงามของบ้านเมืองและธรรมชาติที่พบเห็นได้ทั่วทั้งประเทศ ดินแดนสวรรค์แห่งนี้น่าไปเที่ยวทุกฤดู โดยแต่ละฤดูให้บรรยากาศและอารมณ์ที่แตกต่างกัน
ทริปนี้เราเลือกมาสวิสต้นเดือนมิถุนาเพราะอยากทำกิจกรรมเอาท์ดอร์ที่ควรทำในฤดูร้อน ชอบบรรยากาศเขียวขจีแต่ยังเห็นหิมะอยู่บนยอดเขาแบบเต็มๆ ก่อนที่จะละลายหมด และอยากเที่ยวแก้ตัวเมืองและสถานที่ที่อากาศไม่ดีเมื่อครั้งที่แล้วด้วย
โดยจัดแพลนเที่ยวทั้งหมด 8 วัน ใช้ Swiss Travel Pass แบบ 8 วัน ขึ้นรถไฟ รถเมล์ และเรือ ฟรี จ่ายค่ารถไฟบางสายและกระเช้าขึ้นยอดเขาต่างๆ ที่ตั๋วเหมาจ่ายนี้ไม่ครอบคลุมเพิ่ม
ในแพลนนี้มีทั้งเมืองที่เคยไปแล้วอยากไปอีกและสถานที่ธรรมชาติที่ยังไม่เคยไป เรียกว่าครบทุกฟีลของสวิสเลย ทั้งเมืองสวย หมู่บ้านเล็กๆ รีสอร์ทหรู ยอดเขา ธารน้ำแข็ง ทุ่งหญ้า ทะเลสาบ และรถไฟสายชมวิว ดังนี้
วันที่ 1: บินโดย Swiss International Air Lines ถึงสนามบิน Zürich ตอนเย็น
วันที่ 2: Zürich – Luzern – Bürgenstock
ใช้ Swiss Travel Pass วันแรก
วันที่ 3: Bürgenstock – Lungern – Interlaken – Schilthorn – Mürren – Interlaken
ใช้ Swiss Travel Pass + จ่ายค่ากระเช้าขึ้นยอดเขา Schilthorn เพิ่ม
วันที่ 4: Interlaken – Jungfraujoch – Iseltwald – Harder Kulm – Interlaken
ใช้ Swiss Travel Pass + จ่ายค่ากระเช้าและรถไฟขึ้นยอดเขา Jungfrau และ Harder Kulm เพิ่ม
วันที่ 5: Interlaken – Kandersteg – Oeschinensee – Eggishorn (Aletsch Glacier) – Bellwald (Goms Bridge) – Fieschertal
ใช้ Swiss Travel Pass + จ่ายค่ากระเช้าขึ้นไปยังทะเลสาบ Oeschinen และยอดเขา Eggishorn เพิ่ม
วันที่ 6: Fieschertal – Saas-Fee
ใช้ Swiss Travel Pass + จ่ายค่ากระเช้าขึ้นสถานี Spielboden และ Längfluh เพิ่ม
วันที่ 7: Saas-Fee – Zermatt
ใช้ Swiss Travel Pass + จ่ายค่ากระเช้าขึ้นไปยัง Matterhorn Glacier Paradise เพิ่ม
วันที่ 8: Zermatt – St. Moritz
ใช้ Swiss Travel Pass + จ่ายค่าจองที่นั่งรถไฟขบวน Glacier Express เพิ่ม
วันที่ 9: St. Moritz – Diavolezza – Tirano (อิตาลี)
ใช้ Swiss Travel Pass วันสุดท้าย + จ่ายค่ากระเช้าขึ้นไปยัง Berghaus Diavolezza และค่าจองที่นั่งรถไฟขบวน Bernina Express เพิ่ม
ออกเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์โดยสายการบิน Swiss International Air Lines กันเลย
ช่วงฤดูร้อนไฟลท์ LX 181 ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 13.05 น. และเดินทางถึงสนามบิน Zürich (Flughafen Zürich) 19.35 น. เวลาสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เวลาบิน 11 ชั่วโมงครึ่ง
เย็นนี้ยังไม่ใช้ Swiss Travel Pass นั่งรถไฟเข้าเมือง Zürich จึงเลือกค้างคืนที่ Hotel Radisson Blu ซึ่งเดินจากสนามบินไปได้เลยก่อน 1 คืน
วันที่ 2 ในสวิส (วันเที่ยววันแรก)
วันนี้เราจะใช้ Swiss Travel Pass เดินทางไปยังเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ตามแพลนเป็นวันแรก
Swiss Travel Pass (ไม่ใช่ Swiss Pass เฉยๆ นะ) คือตั๋วเหมาจ่ายใช้แทนค่าโดยสารรถไฟ รถเมล์ เรือ และกระเช้าลอยฟ้าบางสาย ล่าสุดมีให้เลือกแบบ 3, 4, 6, 8 และ 15 วัน โดยต้องใช้เดินทางต่อเนื่องทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ใช้ก็จะเสียวันไปเปล่าๆ และแบ่งเป็นตั๋วชั้น 1 (1st class) หรือชั้น 2 (2nd class) ให้เลือกตามใจชอบ
ถ้าไม่อยากใช้ตั๋วเดินทางทุกวันให้เลือกซื้อ Swiss Travel Pass Flex ที่มีแบบ 3, 4, 6, 8 และ 15 วัน เช่นกัน ใช้เดินทางวันไหนก็ได้จนครบตามจำนวนวันที่ซื้อภายใน 1 เดือน แต่ราคาก็จะแพงกว่า Swiss Travel Pass ธรรมดา
อ่านรายละเอียดและอัพเดทราคาได้ที่ Swiss Travel Pass Prices
ตั๋วเหมาจ่ายนี้ใช้เป็นส่วนลดค่ากระเช้าลอยฟ้า เคเบิ้ลคาร์ รถรางไฟฟ้า และรถไฟ ขึ้นยอดเขา ส่วนใหญ่ได้ 50% และบางสายได้ 25% แต่ก็มีบางสายใช้ลดราคาไม่ได้ นอกจากนี้ยังใช้แทนค่ารถไฟชมวิวสายพิเศษ เช่น Glacier Express, Bernina Express โดยเสียค่าจองที่นั่งเพิ่มเติมเท่านั้น
ดาน์โหลดแผนที่แสดงเส้นทางรถไฟ รถเมล์ เรือ กระเช้าลอยฟ้า และรถรางไฟฟ้า ที่ใช้ Swiss Travel Pass โดยสารฟรี ได้รับส่วนลด และต้องจ่ายราคาเต็ม ได้ที่ Swiss Travel System map
แพลนวันแรกนี้แน่นนิดนึง โดยนั่งรถไฟจากสนามบิน (Flughafen Zürich) เข้าตัวเมือง Zürich ตั้งแต่เช้า ใช้เวลา 10-15 นาที มีรถไฟบ่อย เลือกขบวนเวลาไหนก็ได้ ใช้ Swiss Travel Pass ขึ้นฟรีหมด
เช็คตารางเวลารถไฟสวิตเซอร์แลนด์ได้ที่ www.sbb.ch
เดินเที่ยวในเมือง Zürich และกินข้าวเที่ยง จากนั้นนั่งรถไฟขบวนไหนก็ได้ไป Luzern เที่ยวลูเซิร์นแป๊บนึง แล้วนั่งเรือไปต่อรถรางไฟฟ้าขึ้นเขาไปยัง Bürgenstock Hotels & Resort
เราเคยมาเที่ยวซูริคและลูเซิร์นแล้ว จำเส้นทางเดินได้ แวะมาแป๊บเดียวเพื่อเก็บมุมถ่ายรูปที่คราวก่อนยังไม่ได้ไป
ครึ่งวันเช้า เดินเที่ยว Zürich
Zürich คือเมืองหลวงของรัฐ Zürich และเมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Limmat ที่ไหลลงสู่ Zürichsee หรือทะเลสาบซูริค
ซูริคได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางหลายด้านของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น การคมนาคมทั้งทางบกและอากาศ ธุรกิจ การลงทุน การเงินการธนาคาร ถือเป็นหนึ่งในเมืองแหล่งรวมสถาบันการเงินที่สำคัญที่สุดของโลก

เริ่มต้นที่สถานีรถไฟกลาง Zürich Hauptbahnhof (Zürich HB) ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของศูนย์กลางเมือง ข้างในสถานีมีตุ๊กตา “L’ange protecteur” ผลงานของ Niki de Saint Phalle ศิลปินชาวฝรั่งเศส เป็นสัญลักษณ์
สถานีรถไฟค่อนข้างใหญ่และมีทางเข้าออกหลายประตู ให้เดินตามป้ายบอกทางไป Bahnhofstrasse พอออกประตูไปก็เห็นรูปปั้น Alfred Escher ยืนอยู่ที่ Bahnhofplatz ด้านหน้าสถานีรถไฟ ตรงเข้า Bahnhofstrasse ถนนสายช้อปปิ้งความยาว 1 กิโลเมตรเศษซึ่งสองข้างทางเรียงรายด้วยห้างสรรพสินค้า ช็อปแบรนด์ไฮเอนด์ ช็อปแบรนด์ระดับกลาง ร้านนาฬิกาหรู ร้านเครื่องประดับ ร้านช็อกโกแลตชื่อดัง ร้านอาหาร และคาเฟ่
เดินไปราว 300 เมตรก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Uraniastrasse ตรงลอดใต้สะพานไปที่เชิงสะพานข้ามแม่น้ำ Limmat ชื่อ Pont Rudolf Brun เลี้ยวซ้ายไปนิดเดียวก็ถึงทางเข้า Stadtpolizei Zürich สถานีตำรวจที่สวยที่สุดของประเทศ สามารถเข้าชมและถ่ายรูป Giacometti-Halle (Blüemlihalle) ห้องโถงที่เพนท์ลวดลายเฟรสโกโดยฝีมือของศิลปินชื่อดังนามว่า Augusto Giacometti ได้
เดินกลับไปที่เชิงสะพาน Pont Rudolf Brun ตรงนี้เป็นจุดถ่ายรูปหลักแห่งหนึ่งของซูริคที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายกัน (แต่คราวที่แล้วเราพลาดฮะ)
เดินตามถนนเลียบแม่น้ำ Limmat เข้าสู่ Schipfe หนึ่งในบริเวณที่เก่าแก่ที่สุดของซูริค
หอคอยคู่ที่เห็นอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำคือโบสถ์ Grossmünster
เดินขึ้นเนินตามถนน Fortunagasse แล้วขึ้นบันไดไปยังสวน Lindenhof ซึ่งเป็นหนึ่งในฉากของซีรีส์เกาหลีดัง Crash Landing on You
ถ่ายรูปมุมสูงของเมืองซูริคจากตรงนี้สวยที่สุดเลย
เดินลงจาก Lindenhof อีกทางตามถนน Pfalzgasse ตรงไปทางยอดแหลมของ St. Peter-Kirche โบสถ์เก่าแก่ที่มีหน้าปัดนาฬิกาใหญ่ที่สุดในยุโรป
เดินเข้าถนนแคบๆ ข้างหอนาฬิกาของโบสถ์เซนต์ ปีเตอร์ ชื่อ Schlüsselgasse ไปทางยอดแหลมสูงสีเขียวของโบสถ์ Fraumünster ตรงต่อเข้าถนน Storchengasse ผ่านร้านช็อกโกแลตดังชื่อว่า Teuscher ก็ทะลุออกไปที่ Münsterhof ลานกว้างซึ่งเป็นที่ตั้งของ Fraumünster
เลี้ยวซ้ายไปถ่ายรูป Fraumünster จากสะพาน Münsterbrücke
Fraumünster คือหนึ่งในโบสถ์หลักของเมืองที่สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 853 จากซากปรักหักพังของวิหารสำหรับสตรีชนชั้นขุนนางชั้นสูงในสมัยก่อน
เข้าชมโบสถ์ได้ฟรี 1 มี.ค.-31 ต.ค. 10.00-18.00 น., 1 พ.ย.-28 ก.พ. 10.00-17.00 น.
ตรงนี้ก็เป็นฉากในซีรีส์ Crash Landing on You เช่นกัน
สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่อีกฝั่งแม่น้ำ Limmat คือ Grossmünster โบสถ์สำคัญของเมืองที่สร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์อายุเก่าแก่กว่าพันปี
เข้าชมโบสถ์ได้ฟรี 1 มี.ค.-31 ต.ค. 10.00-18.00 น., 1 พ.ย.-28 ก.พ. 10.00-17.00 น. เช่นเดียวกับ Fraumünster
ใครมาซูริคก็ต้องมาถ่ายรูปโบสถ์นี้ทั้งนั้น
จากสะพาน Münsterbrücke มองไปทางฝั่งขวาของแม่น้ำ Limmat ก็เห็น Züricher Rathaus หรืออาคารที่ทำการเมืองที่สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1694-1698 มองไปอีกทางคือปากแม่น้ำที่ไหลลงสู่ทะเลสาบ Zürichsee
คราวก่อนเดินไป Opernhaus Zürich ทางฝั่งขวาของทะเลสาบแล้ว คราวนี้เปลี่ยนทางบ้าง
จากโบสถ์ Fraumünster เดินเลียบแม่น้ำไปทางทะเลสาบไม่ไกลก็เลี้ยวขวาเข้าถนน Börsenstrasse ตรงข้ามคลองไปแล้วเลี้ยวซ้ายไปนั่งพักและหาเครื่องดื่มเย็นๆ คลายร้อนที่ Baur au Lac โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ซึ่งบริหารโดยตระกูล Baur อย่างยาวนานตั้งแต่ปีค.ศ. 1844
มาที่นี่ต้องสั่งชาเย็นสูตรต้นตำรับของโรงแรมที่ใส่น้ำผึ้งที่ผลิตเองภายในสวนของโรงแรม รสชาติหวานน้อย กลิ่นชาหอม ช่วยให้สดชื่นพร้อมเที่ยวต่อเลยครับ
แขกที่เข้าพักจะได้รับประทานอาหารเช้าระดับมิชลินสตาร์ในบรรยากาศร่มรื่นของสวนหย่อมใจกลางเมืองและวิวทะเลสาบซูริคเลยทีเดียว
ใกล้เวลามื้อเที่ยงแล้ว เดินกลับทางเดิมไปที่ถนน Börsenstrasse พอถึงจุดตัดกับถนน Bahnhofstrasse ก็เห็นป้ายรถราง Kantonalbank ขึ้นรถรางสาย 2, 8, 11 ก็ได้กลับไปลงที่ป้าย Bahnhofquai/HB ด้านข้างสถานีรถไฟกลาง Zürich HB มี Swiss Travel Pass ไม่ต้องซื้อตั๋วครับ
ครั้งที่แล้วเคยเดินไป Schweizerisches Landesmuseum (Swiss National Museum) หรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวิสแล้ว ครั้งนี้มีเวลาน้อยเลยไม่ได้ไปอีกครับ
กินอาหารแบบง่ายๆ รวดเร็วที่ร้านใกล้สถานีรถไฟ จากนั้นก็ขึ้นรถไฟไปเมือง Luzern
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต