ออสเตรียอีกครั้ง เที่ยวแบบแกรนด์จากตะวันออกสู่ตะวันตกไปเลย
ทริป Grand Austria นี้เราเริ่มต้นที่กรุงเวียนนาซึ่งเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ได้มาเยือนเมืองหลวงของออสเตรียแห่งนี้
จากนั้นเดินทางโดยรถไฟ รถบัส และเรือ ไปยังเมืองท่องเที่ยวอันสวยงามต่างๆ และหมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลสาบวิวปัง แวะเข้าเมืองในรัฐ Bavaria ของเยอรมันที่อยู่ติดชายแดนออสเตรีย และสิ้นสุดทริปที่เมือง Munich
เราไปช่วงปลายฤดูร้อน แต่ละวันมีเวลาเที่ยว 11-12 ชั่วโมง จึงสามารถจัดแพลนตามนี้ได้ครับ
วันที่ 1: ไฟลท์ Austrian Airlines ถึงสนามบิน Vienna ตอนเช้า เที่ยวและค้างคืน
วันที่ 2: Vienna – Graz
วันที่ 3: Graz – Hallstatt
วันที่ 4: Hallstatt – Gosau – St Wolfgang – Bad Ischl
วันที่ 5: Bad Ischl – Berchtesgaden (เยอรมัน)
วันที่ 6: Berchtesgaden – Salzburg (ออสเตรีย)
วันที่ 7: Salzburg – Innsbruck
วันที่ 8: Innsbruck – Olpererhütte – Innsbruck
วันที่ 9: Innsbruck – Garmisch-Partenkirchen (เยอรมัน)
วันที่ 10: Garmisch-Partenkirchen – Zugspitze – Munich
พร้อมออกเดินทางแล้ว
ก่อนเที่ยงคืน ไฟลท์ OS26 ของสายการบิน Austrian Airlines ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิมุ่งหน้าสู่กรุง Vienna
เราบิน economy แต่เข้าเว็บไปทำ online check-in ก่อนเวลาเดินทาง 47 ชั่วโมง เพื่อเลือกที่นั่งแถวหน้าสุด (แถว 14) นั่งหลับสบายๆ ไปทั้งคืนเลยครับ
ตีห้าครึ่ง เหมือนนั่งไปแค่แป๊บเดียว เครื่องบินก็ร่อนลงจอดที่ Flughafen Wien-Schwechat หรือสนามบิน Vienna ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ผ่านตม. ไปรับกระเป๋าเดินทางได้
การเดินทางเข้าเมืองเวียนนามี 2 วิธีที่รวดเร็วที่สุด
- รถไฟด่วนขบวน RJ หรือ RJX จากสถานี Flughafen Wien Bahnhof ที่ชั้นใต้ดินของอาคารสนามบิน
ใช้เวลา 15-18 นาที ถึงสถานีรถไฟกลาง Wien Hbf
ตั๋วรถไฟราคา 7.80 + ค่าจองที่นั่ง 3.50 ยูโร
เช็คตารางเวลารถไฟออสเตรียและซื้อตั๋วได้ที่ www.oebb.at
- City Airport Train (CAT) ที่ชั้นใต้ดินของอาคารสนามบินเช่นกัน ใช้เวลา 16 นาที ถึงสถานีรถไฟ Wien Mitte กลางเมือง
ตั๋วรถไฟราคาเที่ยวละ 11 ยูโร, ตั๋วไป-กลับ 19 ยูโร
เช็คตารางเวลารถไฟและซื้อตั๋วได้ที่ CAT
เราเลือกใช้รถไฟขบวน RJ เวลา 06.33 น. ไปลงที่สถานีรถไฟกลาง Wien Hbf (Hauptbahnhof) เพราะใกล้โรงแรม Andaz Vienna Am Belvedere ที่พักของเราในเวียนนา
ถ้าวางแผนเที่ยวเวียนนา 1 วันครึ่งควรเลือกพักใกล้สถานีรถไฟกลาง Wien Hbf
วันแรกเข้าใจกลางเมืองและไปพระราชวัง Schönbrunn อีกครึ่งวันเดินไปชมพระราชวัง Belvedere และนั่งรถไฟไปเมืองอื่นได้สะดวกครับ
เริ่มเที่ยว Vienna กันตั้งแต่เช้า
เวียนนาคือเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดของออสเตรีย เป็นศูนย์กลางทุกด้านของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมืองการปกครอง การศึกษา โดยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลกและมักติดอันดับเมืองน่าอยู่ของโลกอยู่เสมอ
เราจัดแผนเที่ยวเมืองสุดคลาสสิกนี้ไว้ 1 วันครึ่ง เลือกเฉพาะสถานที่ที่ชอบเพราะจริงๆ เคยไปมาหมดแล้วครับ
จุดแรกที่จะไปคือจัตุรัสสำคัญใจกลางกรุงที่ Stephansplatz เพราะตอนเช้าคนน้อยหน่อย แสงเช้าดี เข้าชมมหาวิหาร Stephansdom ได้ตั้งแต่เช้า
เดินไปสถานีรถไฟใต้ดิน Südtiroler Platz (Hauptbahnhof) ใต้อาคารสถานีรถไฟกลาง Wien Hbf (ทางทิศใต้ของศูนย์กลางเมือง)
ซื้อตั๋ววัน 1 Tag WIEN (Day ticket Vienna) ราคา 5.80 ยูโร ใช้โดยสารรถไฟใต้ดิน รถราง รถเมล์ ในเมืองเวียนนาได้ไม่จำกัดเที่ยวตั้งแต่วันที่เริ่มใช้ตั๋วจนถึงตี 1 ของวันถัดไป
ตั๋วอีกประเภทคือ 24 Stunden Wien (Ticket for 24 hours) ราคา 8 ยูโร (มีแบบ 48 และ 72 ชั่วโมงด้วย) ตั๋ว 24 ชั่วโมงใช้โดยสารรถต่างๆ ในเวียนนาได้เหมือนตั๋ว 1 วัน แต่ใช้ได้ 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เวลา valid เริ่มใช้ตั๋ว
อัพเดทข้อมูลได้ที่ www.wienerlinien.at
ส่วน Einzelfahrschein (Single Ticket) ราคาเที่ยวละ 2.40 ยูโร
อัพเดทข้อมูลได้ที่ www.wienerlinien.at
นั่งรถไฟใต้ดินสาย U1 (สีแดง) เข้าศูนย์กลางเมืองไปที่สถานี Stephansplatz
ดาวน์โหลดแผนที่เมืองและรถไฟใต้ดินได้ที่ Vienna transportation map
Stephansplatz คือจัตุรัสศูนย์กลางกรุงเวียนนาเป็นที่ตั้งของ Stephansdom (St. Stephen’s Cathedral) หรือ Domkirche St. Stephan
มหาวิหารสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรียนี้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1137 เพื่ออุทิศแด่นักบุญ Stephen แรกเริ่มก่อสร้างในสไตล์โรมาเนสก์ แต่ต่อมาในปีค.ศ. 1258 เกิดเหตุไฟไหม้เสียหายจึงสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นในสไตล์โกธิค แต่ยังคงมีส่วนหลงเหลือของโบสถ์เดิมอยู่บ้างคือส่วนทางเข้าโบสถ์ด้านตะวันตกและหอคอยขนาบข้าง Heidentürme (Towers of the Heathens)
ภายในโบสถ์มี pulpit ซึ่งแกะสลักอย่างอลังการ ตรงส่วน balustrade แกะสลักเป็นรูปนักบุญทั้งสี่ ได้แก่ Augustine, Ambrose, Gregory และ Jerome ดูพิสดารโดดเด่นจาก pulpit อื่นของโบสถ์
วันจันทร์-เสาร์เข้าชมมหาวิหารได้ตั้งแต่ 06.00-22.00 น., วันอาทิตย์และวันหยุดเปิด 07.00 น. ไม่เสียค่าเข้า
หอคอย Nordturm (North Tower) หรือ Eagle Tower ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จสูง 68 เมตร ขึ้นลิฟท์หรือบันไดไปชมวิวได้ ส่วน Südturm (South Tower) ต้องขึ้นบันได 343 ขั้นไปยังความสูง 136 เมตร ทั้งสองหอคอยเปิดตั้งแต่ 09.00-17.30 น.
ค่าขึ้น Nordturm (North Tower) สำหรับผู้ใหญ่ 6 ยูโร เด็กอายุ 6-14 ปี 2.50 ยูโร
ค่าขึ้น Südturm (South Tower) สำหรับผู้ใหญ่ 5.50 ยูโร เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี 2 ยูโร
อัพเดทข้อมูลได้ที่ www.ticketlens.com
เราเลือกขึ้น Nordturm หอเดียวครับ
ใกล้กับ Stephansdom มีถนนสำคัญและถนนสวยงาม ได้แก่
Kärntner Straße (Carinthian Street) ถนนคนเดินใจกลางเมืองที่เชื่อมระหว่างถนนวงแหวน Ringstraße กับ Stephansplatz ถนนช้อปปิ้งสายนี้มีห้างสรรพสินค้าและร้านค้ามากมายตลอดสองข้างทาง
Graben ถนนที่มีอาคารสวยงามคลาสสิกเรียงรายตลอดทาง
เดินตามถนน Graben ไปหน่อยก็เห็น Peterskirche (St. Peter’s Church) โบสถ์สถาปัตยกรรมบาโรคขนาดไม่ใหญ่ แต่ภายในตกแต่งอย่างงดงาม
ตรงต่อตามถนน Graben พอสุดทางก็เลี้ยวขวาและซ้ายเข้าถนน Naglergasse ตรงอีกไม่ไกลก็ถึงทางเข้า Ferstel Passage อาคารสวยงามที่เรียงรายด้วยร้านค้ามีระดับและร้านอาหารชั้นดี เปิดทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ ตั้งแต่ 10.00-22.00 น.
มาตอนก่อนมืดจะเปิดไฟถ่ายรูปสวยกว่าตอนกลางวัน
เดินทะลุไปออกอีกประตูนึง เลี้ยวซ้ายเดินตามถนน Herrengasse นิดเดียวไปที่หัวมุมถนนก็เห็น Café Central ร้านอาหารและเบเกอรี่ดังที่ถ้ามาสายต้องเข้าคิวยาว
บรรยากาศร้านดี สวยงามคลาสสิกเหมือนอยู่ในวัง ส่วนอาหารไม่ถึงขั้นอร่อย แต่กาแฟถือว่าดีเลย
เดินตามถนน Herrengasse อีก 300 เมตรก็ถึง Michaelerplatz ซึ่งเป็นทางเข้าพระราชวัง Hofburg
เดินเข้าถนน Kohlmarkt ตรงข้ามทางเข้า Hofburg ซึ่งมีร้านเค้กช็อกโกแลตชื่อดังไม่แพ้ Café Sacher ที่หลายคนรู้จักกันดี ร้านนี้มีชื่อว่า Demel คนต่อคิวเยอะไม่ธรรมดา
เดินเข้าประตูใต้โดมสีเขียวของ Hofburg (Imperial Palace) พระราชวังฤดูหนาวอันอลังการ
แต่เดิม Hofburg เคยเป็นที่ประทับและที่ว่าราชการของจักรพรรดิ Franz Josef แห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีอันยิ่งใหญ่ สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1460 ต่อมาในช่วงปีค.ศ. 1754-1773 ได้ถูกดัดแปลงเพื่อใช้เป็นราชสำนัก ท้องพระโรงประดับด้วยพระสาทิสลักษณ์ของบรรดาเจ้านายในราชสำนัก
ปัจจุบันเป็นบ้านพักประจำตำแหน่งประธานาธิบดีของออสเตรียและพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องใช้ เครื่องแต่งตัว เครื่องประดับของจักรพรรดิ มีทั้งเสื้อผ้า เพชรพลอย และทองคำล้ำค่า
ครั้งก่อนๆ ไม่เคยเข้าชมด้านในพระราชวังเลยครับ คราวนี้จึงเข้าชม ห้องต่างๆ ของพระราชวังงดงามมาก แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป มีแค่บางห้องของพิพิธภัณฑ์ที่สามารถถ่ายรูปได้
เวลาเปิด-ปิด 09.00-17.30 น. ทุกวัน ปิดขายตั๋ว 16.30 น.
เช็คเวลาเปิด-ปิดได้ที่ Sisi Museum and Hofburg opening hour
ตั๋วสำหรับเข้าชม Sisi Museum, Imperial Apartments และ Silver Collection ราคา 16 ยูโร เด็กอายุ 6-18 ปี 10 ยูโร
อัพเดทข้อมูลได้ที่ Sisi Museum and Hofburg entrance fee
ออกจาก Hofburg ทางประตูเดิม เดินไปทางขวาลอดโค้งประตูข้างหน้าไปก็ถึง Josefsplatz จัตุรัสเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Österreichische Nationalbibliothek (Austrian National Library) หรือหอสมุดแห่งชาติออสเตรีย ในอาคารตรง State Hall สวยมาก ค่าเข้า 8 ยูโร แต่ช่วงที่เราไปปิดซ่อมแซมยาวถึงสิ้นปีเลย เสียดายมาก ถ้าได้มาเวียนนาอีกต้องมาแก้ตัว
ตรงไปอีกนิดก็ถึงบันไดทางขึ้น Albertina Museum ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูป IG Spot ที่มีฉากหลังเป็นอาคารโอเปราแห่งเวียนนา
ลงบันไดเลื่อนเดินไปที่ Albertinaplatz
ตรงนี้มีร้านสตรีทฟู้ดออริจินอลของเวียนนาชื่อว่า Bitzinger Würstelstand ขายไส้กรอกแบบยืนกินที่ใครมาก็ต้องแวะลอง
ข้ามถนนตรงเข้าถนนด้านหลังโอเปราไป Hotel Sacher ซึ่งมี Café Sacher ร้านต้นตำรับของ “Sacher Torte” เค้กที่มีชื่อเสียงที่สุดของเวียนนา
ครั้งก่อนๆ เข้าสาขาดั้งเดิม คราวนี้เปลี่ยนบรรยากาศไปลองอีกร้านของโรงแรมเหมือนกันชื่อ Sacher Eck สั่ง Original Sacher-Torte เป็นเค้กช็อกโกแลตไส้แยมแอปริคอต เสิร์ฟพร้อมวิปครีม ราคาขึ้นเป็น 8.90 ยูโร แล้ว
ออกจากเขตใจกลางกรุงเวียนนา (Innere Stadt) เข้าสู่ถนนวงแหวน (Ringstraße) รอบศูนย์กลางเมือง
เดินไปยังด้านหน้า Wiener Staatsoper (Vienna Operahouse) โรงโอเปราแห่งเวียนนานี้เป็นสถานที่จัดการแสดงอันยิ่งใหญ่หลายต่อหลายครั้ง อาทิ การแสดงอุปรากรของบีโธเฟ่นเรื่อง Fidelio ซึ่งประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ร่วมฉลองเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ด้วยกัน และงานเทศกาลดนตรี Salzburg Festival ที่มีชื่อเสียงก้องโลก
การเข้าชมต้องผ่านไกด์ทัวร์ ใช้เวลา 40 นาที ค่าทัวร์สำหรับผู้ใหญ่ 13 ยูโร
จองล่วงหน้าได้ที่ www.wiener-staatsoper.at
ถ้าอยากเข้าชมด้านในพระราชวัง Schönbrunn ก็เดินประมาณ 300 เมตรไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Karlsplatz นั่งรถไฟใต้ดินสาย U4 (สีเขียว) ไปลงที่สถานี Schönbrunn แล้วค่อยกลับเข้ากลางเมืองเดินเที่ยวตามถนนวงแหวนรอบเมือง
ครั้งนี้เราไม่ได้จะเข้าชมพระราชวัง Schönbrunn แล้ว กะจะไปตอนเย็นๆ หลังพระราชวังปิด เดินถ่ายรูปในสวนด้านหลังพระราชวังก็พอ ตอนเย็นคนน้อยดีด้วย เลยเดินเที่ยวตามถนนวงแหวนให้จบเสียก่อน
เดินตามถนน Opernring ราว 650 เมตร มองไปทางขวาเห็น Äußeres Burgtor (Outer Castle Gate) เดินลอดโค้งประตูไปก็ถึง Heldenplatz (Heroes Square) จัตุรัสกว้างที่มีรูปปั้นทรงม้าของ Erzherzog Karl และ Hofburg Neue Burg ส่วนใหม่ของพระราชวังฮอฟบวร์กที่ต่อเติมขึ้นมาทางทิศะวันตกเฉียงใต้
เดินกลับไปที่ถนนวงแหวน ข้ามถนนไปยัง Maria-Theresien-Platz จัตุรัสขนาดใหญ่นี้เป็นที่ตั้งของ Naturhistorisches Museum (Museum of Natural History) หรือ Naturhistor Museum และอาคารตรงกันข้ามคือ Kunsthistorisches Museum (Museum of Art History) หรือบางทีก็เรียกว่าเป็น Museum of Fine Arts
เดินผ่านกลางจัตุรัสไปก็ถึง Museumplatz ย่านพิพิธภัณฑ์เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง เช่น MuseumsQuartier อาคารพิพิธภัณฑ์สไตล์บาโรคที่มีพื้นที่ถึง 60,000 ตารางเมตร อาคารข้าง MQ คือ Leopold Museum
เลี้ยวขวาเดินผ่านหน้า MQ แป๊บเดียวก็เห็น Volkstheater ซึ่งมีความหมายว่าโรงละครของประชาชนสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1889 ตามคำเรียกร้องของชาวเวียนนา
อาคารทรงเหลี่ยมข้างหน้าทางขวามือคือด้านข้างของ Justizpalast (Palace of Justice)
เดินไปยังด้านหน้าอาคารศาลยุติธรรมแห่งออสเตรีย
หลายคนน่าจะไม่รู้ว่าด้านในศาลสวยงามและเปิดให้เข้าชมฟรีด้วย ในวันธรรมดาเปิดตั้งแต่ 07.30-15.30 น. ปิดวันเสาร์-อาทิตย์
เดินลัดสวนไปก็ถึง Hohes Haus (Parlament) คืออาคาร Österreichischen Parlament หรือรัฐสภาแห่งออสเตรียอยู่ที่ถนน Doktor-Karl-Renner-Ring ออกแบบโดยสถาปนิก Theophil Edvard Hansen ในสไตล์ Greek revival
เมื่อ 3 ปีก่อนซ่อมอาคารเละเทะ ตอนนี้ก็ยังซ่อมไม่เสร็จดีอีก ถ่ายรูปมาได้แค่นี้ครับ
ตรงต่อไปอีกหน่อยก็เห็น Burgtheater (Court Theater) โรงละครแห่งชาติออสเตรียซึ่งเป็นหนึ่งในโรงละครภาษาเยอรมันที่สำคัญที่สุดในโลก
ตรงข้ามกันคือ Rathausplatz จัตุรัสกว้างเป็นที่ตั้งของ Rathaus หรือที่ทำการกรุงเวียนนา อาคารสไตล์โกธิคอลังการนี้ออกแบบโดย Friedrich von Schmidt เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1872-1883 โดดเด่นด้วยยอดแหลมสูงที่เรียกว่า Rathausmann
จัตุรัสแห่งนี้เป็นสถานที่จัดงานอีเวนต์สำคัญๆ ของเมืองด้วย ช่วงที่เรามามีเทศกาล Vienna Film Festival พอดี ตอนค่ำเรากลับมานั่งชิลล์หาของกินแถวนี้
เลย Rathausplatz ไปหน่อยคือ Universität Wien (University of Vienna)
เดินไปที่ชุมทางรถราง Schottentor มองไปก็เห็นโบสถ์นีโอโกธิคหอคอยคู่สูงเสียดฟ้าชื่อว่า Votivkirche (Votive Church) ซึ่งอยู่ทางเหนือสุดของถนนวงแหวน
นั่งรถรางสาย 1 จากป้าย Schottentor 14 นาที ไปลงที่ป้าย Hetzgasse แล้วเดินอีก 130 เมตรไป Hundertwasserhaus (Hundertwasser house) ตึกอพาร์ทเมนต์หน้าตาแปลกและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้สร้างขึ้นระหว่างปีค.ศ. 1983-1986 เป็นผลงานการออกแบบของ Friedensreich Hundertwasser สถาปนิกชื่อดังชาวออสเตรีย บริเวณนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า และพื้นที่แสดงงานศิลป์ต่างๆ ให้ได้เดินเล่นดื่มด่ำกัน
นั่งรถรางสาย 1 จากป้าย Hetzgasse 8 นาที กลับไปลงที่ป้าย Schwedenplatz ต่อรถไฟใต้ดินสาย U1 (สีแดง) ไปลงที่สถานี Karlsplatz แล้วเดินผ่านสวนไป Karlskirche (St. Charles’s Church) โบสถ์บาโรคที่โดดเด่นด้วยโดมขนาดใหญ่สีเขียว นับเป็นโบสถ์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเวียนนา
ถ้าเดินอีกราว 500 เมตรก็จะถึง Naschmarkt ตลาดท้องถิ่นที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ตลอดความยาว 1.5 กิโลเมตรของตลาดมีสินค้าหลากหลายชนิดขาย ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า เครื่องใช้ในบ้าน ผัก ผลไม้ เครื่องเทศ ชีส ขนม งานฝีมือ รวมถึงอาหาร แต่เราตัดออกจากโปรแกรมครับ
เดินกลับไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Karlsplatz นั่งรถไฟใต้ดินสาย U4 (สีเขียว) ไปลงที่สถานี Schönbrunn แล้วเดินอีก 550 เมตรก็ถึงทางเข้า Schloss Schönbrunn (Schönbrunn Palace)
พระราชวังเชินบรุนน์ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงเวียนนา ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง ชื่อ Schönbrunn เกิดจากพระจักรพรรดิได้ทรงทอดพระเนตรเห็นบ่อน้ำบาดาลที่พุดขึ้นมาบริเวณนั้นเข้าในครั้งแรกที่เสด็จมาที่นี่ จึงทรงตั้งชื่อพระราชวังว่า “เชินบรุนน์” ซึ่งแปลว่าน้ำพุอันสวยงาม
พระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ในอดีตเป็นที่ประทับของจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ Habsburg จนถึงปีค.ศ. 1918
พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระประสงค์ของพระนางมาเรียเทเรซาจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิโรมันที่ตั้งพระทัยว่าจะสร้างพระราชวังให้มีความงดงามไม่แพ้พระราชวังแวร์คซายส์แห่งกรุงปารีส โดยมี Johann Bernhard Fischer von Erlach และ Nicolaus Pacassi เป็นผู้ออกแบบและเริ่มก่อสร้างในปลายศตวรรษที่ 17
ภายในพระราชวังได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา มีห้องสำคัญๆ กว่า 20 ห้อง อาทิ ห้องทรงพระอักษรของพระจักรพรรดิ ห้องบรรทม ห้องฉลองพระองค์ ห้องรับรอง ห้องพระราชพิธี ห้องแกลเลอรี่ ห้องมิลเลี่ยน ไชนีสรูม และห้องนโปเลียนซึ่งเป็นที่ประทับของจักพรรดินโปเลียน ห้องต่างๆ นั้นใช้เป็นสถานที่เก็บรวบรวมผลงานทางศิลปะการตกแต่งชั้นเยี่ยมจำนวนมาก เช่น ภาพวาดขนาดใหญ่ติดผนังแสดงเหตุการณ์ในสมัยนั้นๆ
พระราชวังเชินบรุนน์เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศสกับพระราชโอรสของพระองค์ นอกจากนี้พระนางมารี อองตัวแน็ตต์ พระราชินีแห่งฝรั่งเศส ก็เคยใช้พระชนม์ชีพในวัยเยาว์ในพระราชวังแห่งนี้อีกด้วย
พระราชวังเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. 09.30-17.00 น., 1 เม.ย.-30 มิ.ย. 09.00-17.00 น., 1 ก.ค.-31 ส.ค. 09.00-17.30 น., 1 ก.ย.-31 ธ.ค. 09.00-17.00 น. ต้องเข้าชมก่อนเวลาปิด 45 นาที
ค่าเข้าชมมีหลากหลาย เช่น Imperial Tour ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 22 ยูโร, Grand Tour ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 26 ยูโร
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.schoenbrunn.at
เราเคยเข้าชมข้างในพระราชวังแล้ว ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปครับ ครั้งนี้เลยเข้าชมแค่สวนด้านหลังพระราชวัง บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของสวนสัตว์แห่งแรกของโลกเมื่อปีค.ศ. 1752 ปัจจุบันเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
บนเนินเขาเหนือสวนมีประตูสีเหลืองอ่อนขนาดมหึมาเรียกว่า Gloriette ตั้งตระหง่านอยู่เหมือนที่พระราชวังแวร์คซายส์ของฝรั่งเศส
เข้าชมสวนได้ฟรีตั้งแต่ 06.30 น. เดือนพ.ย.-ก.พ. ปิดเร็วสุดคือ 17.30 น.
เช็คเวลาเปิด-ปิดได้ที่ www.schoenbrunn.at
เดินขึ้นไปยัง Gloriette เพื่อถ่ายรูปมุมเอกลักษณ์ของเวียนนาที่มองเห็นพระราชวัง Schönbrunn และสวนจากมุมสูง
กลับเข้ากลางเมืองเวียนนาโดยรถไฟใต้ดินสาย U4 (สีเขียว) จากสถานี Schönbrunn ไปที่สถานี Karlsplatz
ถ้าจะกลับโรงแรมก็ต่อรถไฟใต้ดินสาย U1 (สีแดง) ไปลงที่สถานี Südtiroler Platz (Hauptbahnhof) ใต้อาคารสถานีรถไฟกลาง Wien Hbf
ค้างคืนที่ Vienna
วันที่ 2 ในออสเตรีย
ช่วงเช้าเรายังเที่ยวเวียนนาต่ออีกหนึ่งสถานที่ แล้วค่อยนั่งรถไฟไปเมือง Graz
ออกจากโรงแรม Andaz Vienna Am Belvedere เดินแค่ 400 เมตรก็เห็นทางเข้าสวนของ Belvedere
Belvedere สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับในฤดูร้อนของเจ้าชาย Eugene of Savoy
ในอาณาบริเวณประกอบด้วยอาคาร Schloss Belvedere (Belvedere Palace) พระราชวังศิลปะแบบบาโรคอันงดงาม 2 หลัง ได้แก่ Obere Belvedere (Upper Belvedere) และ Untere Belvedere (Lower Belvedere) รวมถึง Orangery, Belvedere Museum และคอกม้า
ในสวนสไตล์บาโรคขนาดใหญ่เต็มไปด้วยน้ำพุและรูปปั้นอันงดงาม
สวนเปิดตั้งแต่ 06.30-20.00 น. ไม่เสียค่าเข้า
Obere Belvedere (Upper Belvedere) และ Untere Belvedere (Lower Belvedere) เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 10.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม Upper Belvedere 16.90 ยูโร, Lower Belvedere 14.90 ยูโร, ตั๋วรวมราคา 25 ยูโร
อัพเดทข้อมูลได้ที่ www.belvedere.at
ถ้าใครชอบเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกหรืออยากขึ้นชิงช้าสวรรค์ชมเมืองเวียนนา แนะนำให้ไป Wurstelprater Vergnügungspark หรือ Prater สวนสนุกขนาดใหญ่ในเขต Leopoldstadt ซึ่งมีเครื่องเล่นสำหรับคุณหนูๆ และเครื่องเล่นน่าตื่นเต้นหวาดเสียวมากมาย เช่น Praterturm เครื่องเล่นสุดเสียวไส้ที่สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 2010 มีความสูงถึง 117 เมตร เป็นเครื่องเล่น flying swing ที่สูงที่สุดในโลก
อีกไฮไลต์คือ Wiener Riesenrad (Viennese Giant Wheel) หรือ Vienna Eye ชิงช้าสวรรค์เก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1897 เคยเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลกระหว่างปีค.ศ. 1920-1985 สามารถซื้อตั๋ว 13.50 ยูโร ชึ้นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ที่สูงประมาณ 65 เมตร ชมวิวกรุงเวียนนาระยะไกลจากมุมสูงได้
เดินทางไปได้สะดวกโดยรถไฟใต้ดินสาย U1 (สีแดง) ไปลงที่สถานี Praterstern
เที่ยวกรุงเวียนนา 1 วันครึ่ง จากนั้นเดินทางโดยรถไฟจากสถานีรถไฟกลาง Wien Hbf ไปเที่ยวเมือง Graz
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต