สำรวจ North Pole ความเป็นที่สุดคือสิ่งที่น่าค้นหาเสมอ
หลังจากไปเก็บสถานที่ที่เป็นที่สุดในยุโรปมาเกือบครบแล้ว ครั้งนี้ขอมาเก็บอีกหนึ่งที่สุดของยุโรปและของโลก นั่นคือ Svalbard
Svalbard หรือหมู่เกาะสวาลบาร์ด (สฟาลบาร์) คือหมู่เกาะทางเหนือสุดของทวีปยุโรปในมหาสมุทรอาร์กติกกึ่งกลางระหว่างแผ่นดินใหญ่ของประเทศนอร์เวย์และขั้วโลกเหนือ ห่างจากกรุง Oslo เมืองหลวงของนอร์เวย์กว่า 2,000 กิโลเมตร ไกลจาก North Cape จุดที่ได้ชื่อว่าอยู่เหนือสุดบนแผ่นดินนอร์เวย์ถึง 650 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากขั้วโลกเหนือเพียง 1,309 กิโลเมตร

ประวัติการค้นพบหมู่เกาะแห่งนี้ที่พอมีหลักฐานอ้างอิงชัดเจนคือนักเดินเรือสำรวจชาวดัตช์นามว่า Willem Barentsz และคณะได้เดินทางเสี่ยงภัยมาจนค้นพบสวาลบาร์ดโดยบังเอิญในปีค.ศ. 1596 จึงตั้งชื่อเกาะว่า Spitzberg ตามชื่อยอดเขาแหลมที่พวกเขาพบเห็นบนเกาะหลักของหมู่เกาะสวาลบาร์ด
แม้ว่าพระราชบัญญัติสวาลบาร์ดปีค.ศ. 1925 กำหนดให้หมู่เกาะสวาลบาร์ดอยู่ในอำนาจอธิปไตยของประเทศนอร์เวย์ แต่นอร์เวย์ก็ไม่ได้มีอำนาจปกครองดินแดนนี้โดยสมบูรณ์ สวาลบาร์ดเป็นเขตปกครองพิเศษซึ่งดูแลโดย The Governor of Svalbard มีข้อกำหนดทางกฎหมายต่างจากนอร์เวย์แผ่นดินใหญ่ เช่น ได้รับการยกเว้นภาษี รวมถึงไม่ได้อยู่ใน Schengen Area จึงเดินทางเข้า-ออกเพื่อไปท่องเที่ยวและรับจ้างทำงานได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องมีการตรวจลงตราวีซ่า แปลว่าไม่ต้องขอวีซ่าเชงเก้นนั่นเอง
อย่างไรก็ดี การเดินทางไป Svalbard จะต้องเปลี่ยนเครื่องบินที่สนามบิน Oslo ซึ่งเจ้าหน้าที่ตม. อาจเรียกขอดูวีซ่าได้ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจจึงควรมีวีซ่าเชงเก้นอย่างน้อย Single Entry ถ้าได้ Two / Multiple Entries จะดีมาก
(ตอนขอวีซ่าจากสถานทูตนอร์เวย์ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าจะไป Svalbard เพื่อให้พิจารณาอนุมัติวีซ่ามากกว่า Single Entry)
วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือใช้บริการสายการบินไทย เส้นทาง Bangkok – Oslo ซึ่งออกจากสนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 00.55 น.

ต่อไฟลท์ของสายการบิน Scandinavian Airlines (SAS) เส้นทาง Oslo – Longyearbyen เวลา 09.45 น. ใช้เวลาบินอีกราว 3 ชั่วโมง

ตอนเช็คอินที่เคาน์เตอร์ TG ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าให้ออก Boarding Pass ไปถึง Longyearbyen เลย และส่งกระเป๋าเดินทางไปยังปลายทางสุดท้ายด้วย โดยเตรียมเอกสารการจองตั๋วเครื่องบิน Oslo – Longyearbyen ไปด้วย การบินไทยกับ SAS เป็น Alliance กัน สามารถทำแบบนี้ได้ ไม่ต้องผ่านตม. ออกไปรับกระเป๋าแล้วเช็คอินสายการบิน SAS ใหม่ ผ่าน security check และตม. กลับไปรอเครื่องที่เกทอีก
พอถึงสนามบิน Oslo ให้แจ้งตม. ว่าจะต่อไฟลท์ไป Longyearbyen เค้าจะให้ออกอีกประตูไปที่เกทโดยไม่สแตมป์เข้าเขตเชงเก้น แต่ถ้าจะใช้เลานจ์สำหรับผู้โดยสารชั้น Business จะต้องผ่านตม. ออกไปซึ่งเท่ากับใช้วีซ่าเชงเก้นไป 1 entry แล้ว ขากลับมา Oslo จะต้องผ่านตม. ออกไปค้างคืน หรือออกไปรับกระเป๋าเดินทาง เช็คอินการบินไทยใหม่ ผ่านตม. ขาออกใหม่เพื่อต่อไฟลท์ในวันนั้น เพราะเวลาต่อเครื่องไม่ค่อยลงตัวกัน ถ้าได้วีซ่าเชงเก้นแค่ Single Entry จะไม่เพียงพอครับ
ถึง Svalbard
เครื่องบินร่อนลงจอดที่ Svalbard Lufthavn Longyear หรือสนามบิน Longyearbyen บนเกาะ Svalbard ตอน 12.40 น.


Svalbard ประกอบด้วยเกาะแก่งต่างๆ มากมาย โดยเกาะใหญ่หลักๆ คือ Spitsbergen (สปิตซ์เบอร์เกน) เกาะใหญ่ที่สุดมีพื้นที่ประมาณ 39,000 ตารางกิโลเมตร และ Nordaustlandet (นอร์ดออสต์ลานเด็ต)
เมืองที่มีคนอาศัยอยู่อย่างถาวรมี 3 เมือง ได้แก่ Longyearbyen ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของหมู่เกาะ, Ny-Ålesund และ Barentsburg ทั้ง 3 เมืองไม่มีถนนเชื่อมต่อกัน ต้องนั่งเรือหรือเฮลิคอปเตอร์

Longyearbyen หรือลองเยียร์เบียน (ลองเยียร์บีน) คือเมืองใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางของหมู่เกาะ เมืองที่ตั้งอยู่ริมอ่าว Isfjorden (อีสฟยอร์ด) ทางตะวันตกของเกาะสปิตซ์เบอร์เกนแห่งนี้เป็นที่รู้จักครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 1926 ในนาม Longyear City โดยตั้งชื่อตาม John Munro Longyear เจ้าของธุรกิจเหมืองแร่ในเขตอาร์กติกซึ่งเป็นผู้บุกเบิกเกาะนี้เป็นคนแรก เมืองนี้ถูกใช้ทำเหมืองแร่เป็นเวลาหลายทศวรรษจนมีผู้ย้ายถิ่นฐานมาอยู่อาศัยอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันกลายเป็นเมืองศูนย์กลางทุกสิ่งทุกอย่างของสวาลบาร์ด ไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปโภค การศึกษา วัฒนธรรม การคมนาคมทั้งทางบก ทะเล และอากาศ

สนามบินอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร นั่งรถบัสที่จะมาตามเวลาที่มีไฟลท์บินลงเข้าเมืองไปลงที่ Stationen

ตัวเมืองเล็กนิดเดียวครับ รับประทานอาหารกลางวันที่ร้าน Restaurant Kroa ใกล้ๆ Stationen


เดินเล่นตามถนนสายหลักใจกลางเมืองชื่อ Hilmar Rekstens vei แป๊บนึงก่อนไปขึ้นเรือสำรวจขั้วโลกเหนือ



ไปท่าเรือ เช็คอินก่อนเวลาเรือออกตอน 6 โมงเย็น

ทริปนี้ต้องนอนในเรือ 7 คืนครับ

ช่วงเดือนที่สามารถล่องเรือสำรวจขั้วโลกเหนือได้คือ มิ.ย.-ส.ค. อาจเลยไปได้ถึงกลางก.ย.
สวาลบาร์ดอยู่ในเขตขั้วโลกเหนือจึงมีอากาศหนาวจัดเกือบตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -16 องศาเซลเซียสในฤดูหนาว อุณหภูมิสูงสุดคือ 20 องศาเซลเซียสในฤดูร้อน
แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่ก็ควรเตรียมเสื้อกันหนาวที่ป้องกันความหนาวเย็นที่ 0ºC ไปด้วยครับ
สำหรับการจองเรือ แนะนำให้ติดต่อบริษัท World Surprise Travel ซึ่งจะจัดโปรแกรมไป Svalbard ช่วงเดือนมิ.ย. ของทุกปี เพื่อความสะดวก มีคนจัดการให้ทุกเรื่อง เพราะห้องพักในเรือหนึ่งลำมีเอเยนต์ทั่วโลกเป็นตัวแทนขายและมักจะถูกเหมาห้องจำนวนมากล่วงหน้าร่วมครึ่งปี ใครอยากไปก็ต้องรีบคุยกับทาง World Surprise นะครับ
Add Line @worldsurprise หรือสแกน QR Code นี้ http://bit.ly/2JrfD3r ไปสอบถามข้อมูลได้เลย
โทรไปที่ 0 2634 8877 ก็ได้ หรือเข้า www.worldsurprise.com ไปอ่านรายละเอียดทริปต่างๆ กัน
ได้เวลาออกเรือ

วันแรกบนเรือ เรือล่องไปตามฟยอร์ดชื่อว่า Isfjorden

สตาฟฟ์ของเรือจะนัดแจ้งแผนว่าวันรุ่งขึ้นจะไปไหนบ้างซึ่งต้องดูสถานการณ์และสภาพอากาศที่แปรเปลี่ยนไปชั่วโมงต่อชั่วโมง ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเจอสัตว์ขั้วโลกก็จะประกาศให้ได้ยินทั่วเรือครับ
วันที่ 2
เรือล่องไปทางใต้ของหมู่เกาะ Svalbard ถึงอ่าว Hornsund ตอนเช้า


ยอดเขาแหลมโดดเด่นในบริเวณนี้คือ Bauteen

เช้านี้โชคดีเจอหมีขาวตัวแรกเลย แต่มันอยู่ไกลมาก ใช้เลนส์เทเลส่องไปถ่ายยังเห็นตัวเล็กนิดเดียว ไม่ได้เจอหมีขาวกันได้ง่ายๆ นะครับ

วันนี้อากาศแจ่มใสมาก เลยสามารถลง zodiac หรือเรือยางไปตามหาเจ้าหมีขาวใกล้ๆ แต่ก็เห็นอยู่ไกลลิบๆ เหมือนเดิม
ล่องเรือเล็กที่ Mendeleevbreen ในอ่าว Hornsund ชมธารน้ำแข็งและฝูงกนกแทนก็ได้



วันต่อๆ มา สตาฟฟ์เรือมีกิจกรรมให้ทำไม่ซ้ำโลเคชั่นเลยครับ เช่น
ลงเรือยางไปยังแหล่งวอลรัสที่ Kapp Lee บนเกาะ Edgeøya (Edge Island)

ตามหาเจ้าหมีขาวแถว Erik Eriksenstretet กว่าจะเจอได้ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย เรือตัดน้ำแข็งเข้าไปใกล้ได้มากพอที่จะถ่ายรูปได้อย่างชัดเจนครับ





พาไปชม Bråsvellbreen ธารน้ำแข็งหน้ากว้างถึง 50 กิโลเมตร ใกล้เกาะ Nordaustlandet

ฝ่าก้อนน้ำแข็งมหาศาลในมหาสมุทรอาร์กติกที่ Sørporten บังเอิญเจอคู่วอลรัสกำลังนอนอาบแดดอยู่บน sea ice ด้วย


Landing ขึ้นบกที่ Torellneset บนเกาะ Nordaustlandet เดินสำรวจบริเวณนี้ซึ่งมีให้เลือก 3 ระยะ ตั้งแต่ระยะใกล้ กลาง และไกล

Sea Ice landing ลงไปเดินเล่นบนแผ่นน้ำแข็งกลางมหาสมุทร ชอบกิจกรรมนี้มากครับ



Landing ขึ้นบกอีกครั้งที่ Sundneset สำรวจพื้นที่เกาะ Barentsøya (Barents Island) เดินทางไกลขึ้นจุดชมวิวบนยอดเขา Fuglehallet ถ้าใครเดินไม่ไหวก็เดินเล่นแถวชายฝั่งได้



ล่องเรือกลับไปที่เกาะหลักคือ Spitsbergen ขึ้นฝั่งที่ Camp Millar บริเวณ Bellsund แหล่งอาศัยของกวางเรนเดียร์ตามธรรมชาติ


ขึ้นบกอีกที่ที่ Fagerbukta ชมกลาเซียร์ Recherchefjorden

ปิดท้ายด้วยการท้าทายความหนาวเย็น ลงเล่นน้ำมหาสมุทรอาร์กติกในอุณหภูมิใกล้จุดเยือกแข็งครับ 55


กิจกรรมทั้งหมดนี้ไม่ได้บังคับทุกคนให้ทำนะครับ ใครอยากทำอะไรเลือกได้ตามใจชอบเลย อยากนอนชิลล์ๆ ในห้อง หรือนั่งเมาท์กันที่ห้องส่วนกลางก็ได้
วันสุดท้าย
เรือกลับมาถึง Longyearbyen ตอนเช้า มีเวลาเดินเที่ยวได้ทั่วเมืองและเลือกซื้อเสื้อผ้าสำหรับเมืองหนาวซึ่งราคาดีเลยนะ

ลองเยียร์เบียน (ลองเยียร์บีน) มีที่เที่ยวหลักๆ ได้แก่
Svalbard kirke (Svalbard Church) โบสถ์สวาลบาร์ดคือโบสถ์แห่งแรกของลองเยียร์เบียนโดยก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 1921 และถือเป็นโบสถ์ที่อยู่เหนือสุดของโลก
โบสถ์นี้สร้างด้วยไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีที่นั่ง 140 ที่ เชิงเทียนแท่นบูชาดั้งเดิมทำด้วยเงินพร้อมกับชามบัพติศมาซึ่งเป็นของขวัญจากกษัตริย์ Haakon ที่ 7 แห่งนอร์เวย์ และพระราชินี Maud of Wales



วิวมุมสูงของเมือง ถ่ายจากโบสถ์สวาลบาร์ดและเหมืองถ่านหินเก่าที่อยู่ไม่ไกล



Svalbard Forskningspark (Svalbard Museum) พิพิธภัณฑ์สวาลบาร์ดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่อยู่เหนือสุดของโลก ภายในจัดแสดงประวัติความเป็นมาของหมู่เกาะสวาลบาร์ด วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในเขตขั้วโลกเหนือ พร้อมทั้งแบบจำลองของสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น หมีขาว ขั้วโลก วาฬ วอลรัส แมวน้ำ รวมไปถึงอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตของชาวพื้นเมืองแถบนี้
ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 90 NOK
อัพเดทข้อมูลได้ที่ visit Svalbard Museum




Svalbard มีประชากรประมาณ 2,600 คน ในขณะที่มีประชากรหมีขาวขั้วโลกอาศัยอยู่ประมาณ 3,000 ตัว คนที่นี่ถูกปลูกฝังให้ไม่เบียดเบียนชีวิตหมีขาวจึงมีโอกาสเจอมันตามที่ต่างๆ ได้ แต่หมีขาวเป็นสัตว์ที่ดุร้ายและแข็งแรงมาก ทางการจึงต้องออกกฎบังคับให้คนที่จะออกจากเขตเมืองพกปืนไรเฟิลไว้กับตัวด้วย ตามจุดต่างๆ มีป้ายเตือนให้ระวังหมีขาวซึ่งอาจจะเดินเข้ามาใกล้เขตเมืองได้
จบทริปแบบฟินสุดๆ นี่คือประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้จากที่ไหน นอกจาก Svalbard!
เดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบิน SAS ต่อการบินไทยที่สนามบิน Oslo
ขอขอบคุณ World Surprise Travel สำหรับการเดินทางสุดโลกครั้งนี้
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต