พอมีเวลาว่าง แต่คิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหนดี สุดท้ายก็วนมาเกาหลีอีกแล้ว
เพราะไม่ว่าจะเป็นสายเที่ยวถ่ายรูป สายกิน คาเฟ่ฮ้อปปิ้ง ติ่งเคป๊อปเกิร์ลกรุ๊ป แฟนซีรีส์ หรือสายช้อปปิ้งแอนด์บิวตี้ ที่เกาหลีมีครบหมด
ครั้งนี้เรามาทั้งหมด 4 วัน เที่ยว Seoul ก่อน 2 วัน อีก 2 วัน ไปเที่ยว Busan
หลายคนอาจเคยมาเที่ยวโซลแล้ว บางคนมาหลายครั้งแล้วด้วย ทริปนี้เราจึงขอเน้นเรื่องกินมากกว่าเรื่องเที่ยวนะครับ กินแบบโลคอลและอร่อยคุ้มๆ จุกๆ กันไป ดูโชว์ยอดฮิต แถมช้อปปิ้งได้ของถูกกลับบ้านด้วย
จากนั้น นั่งรถไฟความเร็วสูง KTX 2 ชั่วโมงนิดๆ ไปปูซาน
เที่ยวเมืองปูซานทั้งวัด ล่องเรือ สวน ขึ้นหอคอยชมวิว เดินย่านช้อปปิ้ง ตลาดปลา และชมหมู่บ้านวัฒนธรรม ได้เที่ยว ถ่ายรูป กิน และซื้อของ ครบไม่แพ้โซล
ทริปนี้เราซื้อตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ จองโรงแรม ผ่าน Trip.com แอปเดียวมีให้เลือกครบทั้งทริป สะดวก บวกประหยัดเพราะมีโปรฯ คุ้มๆ อยู่เรื่อยๆ ให้เลือกเป็นภาษาไทยนะครับ เมนูต่างๆ ใช้ง่าย ซื้อเสร็จแล้วรอรับอีเมลคอนเฟิร์มทันที จะปรินท์ตั๋วหรือ voucher ไป หรือจะโชว์หน้าแอปให้พนักงานดูเลยก็ได้
ส่วนกิจกรรมและทัวร์ต่างๆ ซื้อผ่านหน้าภาษาอังกฤษเพราะที่ไทยยังไม่มีขาย ทุกอย่างเรียบร้อยดี มี Customer Support คอยสแตนด์บายตอบคำถามและประสานงานกับโลคอลทัวร์ที่นู่นตลอด 24 ชั่วโมง
เข้าเรื่องเลย
เมื่อเดินทางมาถึงสนามบิน Incheon จะต้องนั่งรถไฟ AREX เข้าตัวเมืองโซล
ก่อนจะขึ้นรถไฟ แนะนำให้ซื้อบัตร Tmoney ราคา 4,000 วอน จากร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-ELEVEN, CU ในสนามบิน ถ้าซื้อจากร้าน GS25 จะได้เป็นบัตร POP Card ราคา 2,500 วอน และเติมเงินเข้าบัตรตามจำนวนที่คิดว่าจะใช้ ถ้าเงินหมดก็เติมผ่านตู้อัตโนมัติหรือที่ร้านสะดวกซื้อก็ได้ บัตรนี้ใช้จ่ายค่ารถไฟใต้ดิน รถเมล์ ซื้อของในมินิมาร์ท และอื่นๆ ในกรุงโซลและปูซานได้ บัตรไม่มีวันหมดอายุ ถ้าเหลือเงินในบัตรก็เก็บไว้ใช้ตอนมาคราวหน้าได้
อ่านข้อมูล Tmoney ได้ที่ www.t-money.co.kr

ลงไปชั้นใต้ดิน สแกนบัตร Tmoney แล้วนั่งรถไฟ AREX (Airport Railroad Express) ขบวน Geomam หรือ All stop Train ซึ่งจะจอดทุกสถานี จาก Terminal 2 ใช้เวลา 66 นาที ค่ารถ 4,750 วอน / จาก Terminal 1 ใช้เวลา 59 นาที ค่ารถ 4,150 วอน ไปยังสถานีรถไฟ Seoul Station
ถ้าเลือกขบวน Express จาก Terminal 2 ใช้เวลา 51 นาที / จาก Terminal 1 ใช้เวลา 43 นาที ค่ารถสำหรับผู้ใหญ่ 9,500 วอน เด็ก 7,500 วอน
อ่านข้อมูล AREX Train ได้ที่ www.arex.or.kr
เช็คค่าโดยสารได้ที่ www.arex.or.kr/tariff-fares
รถไฟ AREX ออกทุก 10-13 นาที
เช็คตารางเวลารถไฟได้ที่ www.arex.or.kr/station/info
ใกล้เที่ยงแล้ว ขอกินก่อนเลย
มาโซลครั้งนี้ เราไม่เน้นที่เที่ยว แต่จะขอแนะนำร้านอาหารโลคอลที่คนท้องถิ่นเค้ากินกัน
ร้านแรกคือ Myeongdong Kyoja (명동교자 본점) ร้านเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1966 อยู่ในย่านช้อปปิ้งชื่อดังกลางกรุงโซล “Myeong-dong” มย็องดง หรือที่คนไทยเรียกว่าเมียงดง นั่นเอง
เมนูที่ต้องสั่งเลยคือ Kalguksu (칼국수) หรือ Chopped noodles ก๋วยเตี๋ยวแบบเกาหลีดั้งเดิมที่ทางร้านคิดค้นสูตรเอง ถ้าจำไม่ผิดชามละ 8,000 วอน (208 บาท) นะครับ

ไปเที่ยวสถานที่ไฮไลต์กันบ้าง
Starfield Library (별마당 도서관) หรือ Byeolmadang Library พยอลมาดัง โทซอควัน คือห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีหนังสือกว่า 50,000 เล่ม อยู่ในห้างสรรพสินค้า Starfield COEX Mall (스타필드 코엑스몰) ด้วยการออกแบบที่จัดเก็บหนังสือที่สวยงามและแลดูยิ่งใหญ่ ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่งของกรุงโซล
คนเกาหลีเค้าเข้าไปอ่านหนังสือหาความรู้และนั่งทำงาน ส่วนนักท่องเที่ยวแบบเราเข้าไปหามุมถ่ายรูปกันเพียบเลยครับ 555
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 (สีเขียว) ไปลงที่สถานี Samseong แล้วเดินเข้าไปในเขตห้าง Starfield COEX Mall
ดูแผนที่รถไฟใต้ดินของโซล หาวิธีการเดินทางและค่ารถได้ที่ www.seoulmetro.co.kr

ไม่ไกลจาก Starfield COEX Mall มีวัดศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งของกรุงโซลคือ Bongeunsa (봉은사) หรือวัดพงอึน (พงอึนชา) แต่เดิมมีชื่อว่า Gyeonseongsa (견성사) หรือวัดคย็องซ็อง สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 794 โดยพระผู้ใหญ่นามว่า Yeon-hoe (연희) ในรัชสมัยของกษัตริย์ว็อนซ็องวังแห่งอาณาจักรชิลลา (Wonseong of Silla) ที่ Sudosan (스도산) หรือเชิงเขาซูโด
ต่อมาในปีค.ศ. 1498 พระราชินีช็องฮย็อน (Jeonghyeon) ได้ทำการบูรณะวัดแห่งนี้ขึ้นใหม่และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพงอึนชาเหมือนในปัจจุบัน
ภายในอาณาบริเวณของวัดมีพระพุทธรูปหินอ่อนแกะสลักใหญ่ที่สุดในเกาหลีที่มีความสูง 23 เมตร ประดิษฐานอยู่ ลานด้านหน้าของพระใหญ่เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและพิธีกรรมสำคัญๆ คนเกาหลีนิยมมาไหว้พระอธิษฐานขอพรในวันขึ้นปีใหม่
ในหอพระสูตรเป็นสถานที่เก็บรักษาท่อนไม้ 13 แผ่นที่สลักพุทธคัมภีร์ไว้ถึง 3,479 บท โดยคิมจ็องฮี (Kim Jeong-Hee) ช่างประดิษฐ์อักษรคนดัง
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 9 (สีน้ำตาล) ไปลงที่สถานี Bongeunsa


กลับเข้ากลางเมืองไปเดินเล่นหาสตรีทฟู้ดกินที่ย่าน Myeong-dong (명동) มย็องดง หรือที่คนไทยเรียกว่าเมียงดง

เราซื้อตั๋วดูโชว์ชื่อดังคือ Nanta ผ่านแอป Trip.com รอบ 5 โมงเย็น ได้ราคาพิเศษมาใบละ 795 บาทเท่านั้น
ดูรายละเอียดโชว์ได้ที่ https://bit.ly/2vNBRGn
พอใกล้เวลาก็จะมี notification เตือนขึ้นมาในแอปครับ
โชว์จะแสดงที่ Myeongdong Nanta Theater ชั้น 3 ของตึก Unesco Building ในย่านมย็องดง

ไปถึง Myeongdong Nanta Theater เปิด voucher ที่โหลดจากแอปให้พนักงานดู รับตั๋วแล้วเข้าไปนั่งรอชมการแสดงได้เลย
Nanta เป็นการแสดงแบบไม่มีบทพูด ใช้สีหน้า ท่าทาง การทำเสียงต่างๆ เพื่อให้คนดูเข้าใจว่ากำลังสื่อถึงเรื่องอะไร นักแสดงรู้สึกยังไงอยู่ เพื่อสร้างความบันเทิงและเสียงหัวเราะโดยไม่ต้องใช้คำพูด
สำหรับเนื้อหาก็เป็นเรื่องราวเบื้องหลังครัว นักแสดงเป็นเชฟที่สร้างความปั่นป่วนให้กับหัวหน้าเชฟอยู่ตลอด โชว์มีทั้งการเต้น ยิมนาสติก ตีกลอง เคาะเครื่องครัว ศิลปะการต่อสู้ และมายากล ผสมผสานเนื้อเรื่องให้กลมกลืนและสนุกสนานแก่ผู้ชม

ดินเนอร์แบบโลคอลที่ร้าน Dodanjib (도단집) อ่านว่า “ทูทันจิบ” ร้านนี้มีแต่คนเกาหลีมากินเลย
ร้านนี้มีอยู่ไม่กี่เมนู หลักๆ เค้าจะสั่งหมูสามชั้น 160 กรัม 12,000 วอน (ประมาณ 310 บาท) พนักงานจะมาปิ้งให้เลย กินกับเครื่องเคียงพวกผัก กระเทียม กิมจิ น้ำจิ้ม
สั่ง soy stew ชามละ 7,000 วอน และข้าวผัดกิมจิราคา 3,000 วอน ที่ผัดกันสดๆ บนกระทะร้อนๆ เมนูมีแต่ภาษาเกาหลีนะครับ ถ้าสั่งไม่เป็นก็เอารูปนี้ให้เค้าดูเลย
ที่ตั้ง: เดินประมาณ 5 นาทีจากสถานีรถไฟใต้ดิน Konkuk University

วันที่ 2
ตอนเช้า ไป Anyang Art Park (안양예술공원)
สวนศิลปะอันยางอยู่ในเขตเมือง Anyang (안양시) นอกกรุงโซลไปไม่ไกล เป็นอีกจุดเช็คอินถ่ายรูปสุดฮิปยอดฮิต ที่เด่นๆ เช่น Linear Building Up In The Trees อุโมงค์แก้วยาวๆ และลานกว้างที่มีทางเดินคลื่น
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 (สีน้ำเงิน) ไปลงที่สถานี Gwanak ขึ้นจากชานชาลาเลี้ยวซ้ายลงบันได ตรงไปนิดก็เห็นป้ายบอกทางที่ถนนใหญ่ เลี้ยวขวาและอาศัย Google Map ช่วย ใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมง
ถ้าไม่อยากเดินก็นั่งแท็กซี่แค่กิโลกว่าๆ ค่ารถประมาณ 3,500 วอน หรือนั่งรถไฟใต้ดินเลยไป 1 สถานีไปลงที่สถานี Anyang แล้วต่อรถเมล์สาย 2 (ค่ารถ 1,000 วอน) ไปลงสุดทางในเขตสวนศิลปะ แล้วเดินต่ออีก 10-15 นาที
ดูแผนที่รถไฟใต้ดินของโซล หาวิธีการเดินทางและค่ารถได้ที่ www.seoulmetro.co.kr


กลับเข้ากรุงโซลไปกินบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง กินแหลก ไม่อั้น ราคาเดียว 14,800 วอน เน็ต (385 บาท) น้ำเปล่าฟรี ที่ร้าน Ungteori Saenggogi ในมย็องดง
สั่งหมูมา 3 ถาดใหญ่ กินกัน 2 คน จุกๆ ไปเลยครับ เครื่องเคียงและผักก็ตักได้เรื่อยๆ ตามใจชอบ พอนั่งนิ่งปุ๊บ พนักงานก็เดินมาบอกว่าอย่าเพิ่งยอมแพ้สิ สั่งเพิ่มได้อีกน้า 555

แถวมย็องดงมี Duty Free ใหญ่ คือ Shinsegae Duty Free (신세계면세점) และ LOTTE Duty Free (롯데면세점) อยู่ไม่ไกลกัน เลือกช้อปสินค้าปลอดภาษีที่ห้างชินเซ-คเย หรือ ล็อตเต้ ได้ตามใจชอบเลยครับ

ว่าแล้วก็โดนไปคู่นึงตามเคย 555 หลายอย่างที่เกาหลีถูกกว่าที่ไทยเยอะครับ ให้เดินช้อปทั้งวันยังได้

วันที่ 3
เราซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง KTX ผ่านแอป Trip.com หน้าภาษาไทยไว้ล่วงหน้าแล้ว เช็คในแอป Trip.com ก่อนเดินทางอีกที
วิธีการซื้อ ให้คลิกเข้าแอปที่โหลดมา แล้วเลือก Account (บัญชี) ที่มุมขวาล่าง กดปุ่มหกเหลี่ยมเล็กๆ ที่มุมขวาบนก็จะเข้าสู่หน้า Settings ต่างๆ เลือก Language หรือภาษาเป็นภาษาไทย กดลูกศรข้างล่างเพื่อย้อนกลับไปหน้าที่แล้ว เลือกเมนูรูปบ้านที่มุมซ้ายล่างที่เขียนว่า “หน้าแรก” จากนั้นก็เลือกจองโรงแรม เที่ยวบิน รถไฟ หรือหาดีลราคาพิเศษมากมายได้เลย นอกจากนี้ยังมีโปรโรงแรมร่วมกับบัตรเครดิตมากมาย โปรบางรายการมีเฉพาะหน้าภาษาไทยนะครับ
กินอาหารเช้าที่โรงแรมเสร็จก็เดินลากกระเป๋าไปสถานีรถไฟ Seoul Station
นั่งรถไฟความเร็วสูง KTX แค่ 2 ชั่วโมง 15 นาที ก็ถึงสถานีรถไฟ Busan Station (부산역)

ที่ปูซาน เราจะเที่ยวมากกว่าที่โซล เรียงแผนตามนี้เลยครับ
จากสถานีรถไฟใต้ดิน Busan Station ด้านหน้าสถานีรถไฟ นั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 (สีส้ม) ไปต่อสาย 2 (สีเขียว) ที่สถานี Seomyeon อีก 16 สถานี ไปลงที่สถานี Haeundae (해운대역) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
ดูแผนที่รถไฟใต้ดินของ Busan ได้ที่ https://bit.ly/2Hjx2aw
ออกทางออก 5 เดินตามถนนใหญ่ทางไป Haeundae Beach (해운대해수욕장) ก่อนถึงชายหาดมีถนนอาหารของย่านแฮอุนแด เดินเข้าไปหาอาหารทะเลรับประทานแถวนี้เลย
เมนูซีฟู้ดสดๆ ราคาอยู่ที่ 30,000-50,000 วอน แต่ก็มีร้านราคาย่อมเยาครับ อย่าง clam noodle shop หม้อใหญ่นี้ราคาแค่ 7,000 วอน (180 บาท) เอง

เดินกลับไปที่ทางออก 7 ของสถานีรถไฟใต้ดิน Haeundae รอรถเมล์สาย 100 (ค่ารถ 1,000 วอน) หรือ 181 (ค่ารถ 1,200 วอน) นั่งรถเมล์ประมาณครึ่งชั่วโมง พอรถผ่านห้าง LOTTE Mall ทางซ้ายก็ลงที่ป้ายถัดไป
(นั่งรถเมล์สาย 1003 จาก Busan Station ไปลงที่ป้าย Songjeong 2 Humansia เลยก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แล้วเดินไปยังวัดก็ได้)
เลี้ยวขวาเดินตามป้ายบอกทางไปวัดซึ่งเป็นทางขึ้นเนินชันพอสมควร ใช้เวลาเดินไม่เกิน 15 นาทีก็ถึง Haedong Yonggungsa (해동 용궁사)
วัดแฮดง ยงกุง (ยงกุงชา) สร้างอยู่บนโขดหินริมชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองปูซาน วัดเก่าแก่แห่งนี้สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1376 โดยพระผู้ยิ่งใหญ่นามว่านาองซูโดซา ที่ปรึกษาของพระเจ้าคงมินวัง กษัตริย์แห่งโครยอ (Goryeo) เดิมเรียกชื่อว่าวัด Bomun (보문사) ต่อมาได้รับการบูรณะใหม่หลายครั้งเพราะเสียหายจากสงคราม กระทั่งในปีค.ศ. 1974 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น Haedong Yonggungsa เหมือนในปัจจุบัน
ภายในบริเวณวัดมีเจดีย์หิน 3 ชั้น องค์เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์องค์ทองอร่าม ศาลเจ้า และสิงโต 4 ตัวหันหน้าออกไปทางทะเลซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสนุก ความโกรธ ความเศร้า และความสุข

ปิดท้ายวันแรกในปูซานด้วยการล่องเรือชมสะพานสำคัญของเมืองที่มีชื่อว่า Gwangandaegyo (부산 광안대교)
เราซื้อ Busan Night Tour Including a Cruise ผ่านแอป Trip.com ไว้ รถจะมารับที่โรงแรมแถว Busan Station เพื่อไปลงเรือยอร์ชที่ Tiffany 21 Terminal ตอนทุ่มนึง
ล่องเรือชมสะพาน Gwangandaegyo หรือ Diamond Bridge หนึ่งในสะพานหลักของปูซาน สะพานสวยงามอีกแห่งคือ Busan Harbour Bridge (부산항대교) หรือ Rainbow Bridge
ดูรายละเอียดทัวร์ที่ https://bit.ly/3bP2JGM ก็ได้ครับ


ไกด์ขับรถพาขึ้น Hwangnyeongsan (황령산) ไปชมวิวเมืองปูซานและสะพานแขวน Gwangandaegyo จากมุมสูงที่ภูเขาฮวางย็องซัน

แวะให้ลงไปถ่ายรูป Busan Cinema Center (영화의 전당) สถานที่จัดงานเกี่ยวกับภาพยนตร์สำคัญแห่งหนึ่งของโลก และขับรถไปส่งที่โรงแรม

ในกรณีที่มีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือจาก Customer Support ของ Trip.com ก็สามารถแชทคุยได้ตลอดเวลา โดยเข้าแอปไปเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษก่อน จากนั้นคลิก Account ที่มุมขวาล่างของหน้าจอโทรศัพท์ แล้วเลือก Customer Support และ Service Chat ก็จะเข้าสู่หน้าที่มีไอคอนต่างๆ
อย่างเราอยากเปลี่ยนสถานที่นัดรถมารับไป Night Tour ก็เลือกไอคอน Tours & Tickets แล้วพิมพ์ในช่อง Write a message ได้เลย
ส่วนใครที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ Customer Support ภาษาไทยก็สามารถดูแลได้ทั้งเที่ยวบิน โรงแรม และรถไฟ
นอกจากแชทผ่านแอปแล้วยังสามารถติดต่อผ่านช่องทางอื่นได้ เช่น เว็บไซต์ (คลิกไอคอนหูฟัง), โทร 180 001 2276 ฟรี โดยภาษาไทยให้บริการทุกวันตั้งแต่ 08.00-22.00 น. ภาษาอังกฤษทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง, Facebook ภาษาไทย วันจันทร์-ศุกร์ 09.00-18.00 น.

วันที่ 4
แผนเที่ยววันนี้คือไปสถานที่ต่างๆ ทางทิศใต้ของ Busan Station
จากทางออก 7 ของสถานีรถไฟใต้ดิน Busan Station (ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ) เดินไปป้ายรถเมล์ที่ 3 ขึ้นรถเมล์สาย 88 หรือ 101 (ค่ารถ 1,200 วอน) ไปลงสุดสาย ใช้เวลาประมาณ 35 นาที
เดินอีกหน่อยก็ถึงทางเข้า Taejongdae Park (태종대공원) แทจงแดกุงว็อน หรือเรียกอีกชื่อว่า Taejongdae Resort Park (태종대유원지) แทจงแดยูว็อนชี่
ขอเรียกสวนแทจงแดว่าอุทยานหรือสวนป่าเพราะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ จากทางเข้า เดินขึ้นเนินอีกนิดไปซื้อตั๋วรถไฟทานูบิ (Danubi Circular Train) ใบละ 3,000 วอน เพื่อใช้เดินทางไปยังจุดต่างๆ ของอุทยานและนั่งกลับมาตรงนี้
เดือนมี.ค.-ต.ค. มีรถไฟตั้งแต่ 09.20-20.00 น., พ.ย.-ก.พ. 09.20-19.00 น.
ถ้าขยันเดินก็สามารถเดินไปยังจุดแรกคือ Observation Deck ระยะทาง 1.7 กิโลเมตร
เลยไปอีกไม่ถึง 300 เมตร คือ Yeongdo Lighthouse ประภาคารสีขาวที่สร้างขึ้นในเดือนธันวาคม 1906 เป็นแลนด์มาร์คของที่นี่

กลางทะเลมี Tea Kettle Island เกาะกาน้ำชาที่มีประภาคารอยู่บนเกาะ

นั่งรถเมล์สาย 8 จากท่ารถเมล์ที่ลงตอนขามา พอรถข้ามสะพานก็ลงที่สถานีรถไฟใต้ดิน Nampo (남포역) ตรง LOTTE Mall
ออกทางออก 7 คือต้นถนน Gwangbok-ro ในย่านนัมโพดง ถนนเส้นนี้เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่เรียงรายด้วยช็อปสินค้าแฟชั่น บิวตี้ ไอที คาเฟ่ และอื่นๆ มากมาย อีกถนนเป็นขนานกันเป็นถนนร้านอาหาร

เดินตามถนน Gwangbok-ro ไม่ไกลก็เห็นอุโมงค์บันไดเลื่อนขึ้นเขาไปยัง Busan Tower (부산타워) หอคอยแลนด์มาร์คของเมืองสูง 120 เมตรอยู่ในสวน Yongdusan

จ่ายค่าขึ้นหอคอย 8,000 วอน ไปชมวิวเมืองปูซานได้อย่างทั่วถึง

ตอนบ่าย ไป Gamcheon Culture Village (감천문화마을) หรือหมู่บ้านวัฒนธรรมคัมช็อน
ในช่วงปีค.ศ. 1950-1953 ผู้หนีภัยจากสงครามเกาหลีได้อพยพมาอาศัยอยู่ตามไหล่เขาที่บริเวณนี้กันอย่างหนาแน่นจนกลายเป็นชุมชนแออัด จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่าแทกึกโด ต่อมาหมู่บ้านถูกปล่อยทิ้งร้างและทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
กระทั่งปีค.ศ. 2009 ชาวบ้านจึงคิดพัฒนาปรับปรุงหมู่บ้านครั้งใหญ่ด้วยโครงการศิลปะหมู่บ้าน โดยเชิญศิลปินท้องถิ่นและนักเรียนมาช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานศิลปะตกแต่งหมู่บ้านให้สดใสสวยงาม เช่น จิตรกรรมฝาผนัง ประติมากรรมต่างๆ เพื่อฟื้นฟูคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์เฉพาะของหมู่บ้าน
โครงการนี้กลายเป็นก้าวแรกที่ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของปูซาน จนได้รับฉายาว่า “ซานโตรินี่แห่งปูซาน” และ “มาชูปิคชูแห่งปูซาน” แต่ผมว่าที่นี่คล้าย favela หรือสลัมในริโอ เด จาเนโร มากกว่านะ 55


วิธีการไปก็ไม่ยาก นั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 (สีส้ม) จากสถานีหลักๆ เช่น Busan Station, Nampo, Jagalchi, Seomyeon ไปลงที่สถานี Toseong (토성동역)
ดูแผนที่รถไฟใต้ดินของ Busan ได้ที่ Busan subway map
ออกทางออก 6 ไปก็เจอสี่แยก เลี้ยวขวาแล้วเดินตรงไปไม่ไกลก็เห็น Busan Cancer Center ขึ้นรถเมล์เล็กสีเขียวสาย 2, 2-2, 1-1 (ค่ารถเมล์ 1,050 KRW) จากป้ายหน้าโรงพยาบาล ขึ้นเขาไปลงที่ Gamjeong Elementary School (감정초등학교) ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็จะถึงทางเข้า Gamcheon Culture Village หรือหมู่บ้านวัฒนธรรมคัมช็อน
ลงรถเมล์ก็เห็นร้าน Avant Garde ขึ้นไปซื้อกาแฟแก้วละ 4,500-6,000 วอน เพื่อออกไปที่เทอร์เรสถ่ายรูปที่เห็นมุมสูงของหมู่บ้านได้กว้างและดีที่สุดครับ

ตอนเย็น มีเวลาเหลือ เลยแวะไปเดินดูชาไคลชี่ชี้ชัง หรือตลาดปลา Jagalchi (자갈치시장)
โดยนั่งรถเมล์เล็กกลับไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Toseong ต่อรถไฟใต้ดิน 1 สถานี กลับไปลงที่สถานี Jagalchi (자갈치역) ออกทางออก 10 เดินตรงไปหน่อยแล้วเลี้ยวขวาก็ถึงตลาดแล้ว
ตลาดเปิดตั้งแต่ตี 5 ถึง 4 ทุ่ม ทุกวัน ยกเว้นวันอังคารแรกและอังคารที่ 3 ของทุกเดือน

เดินไปทางด้านหลังอาคารตลาดปลาขนาดใหญ่มีทางเดินเลียบทะเล เย็นๆ แบบนี้จะมีนกนางนวลฝูงใหญ่บินร่อนโชว์ตัวเหนือน้ำทะเลที่ถูกแสงอาทิตย์ตกกระทบระยิบระยับสวยงาม
เดินไปทางสะพาน Yeongdodaegyo ไม่ไกลก็กลับไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน Nampo
นั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 (สีส้ม) กลับ Busan Station และเดินกลับโรงแรม

วิธีการเดินทางไปสนามบิน Gimhae (김해국제공항) ที่สะดวกรวดเร็วที่สุดคือใช้บริการรถบัส Limousine จากป้ายต่างๆ ในเมือง ถ้าพักอยู่ใกล้สถานีรถไฟ Busan Station เหมือนเราก็ขึ้นจากป้ายใกล้ทางออก 6 ของสถานีรถไฟใต้ดิน Busan Station ค่ารถ 6,000 วอน (เงินสด) จ่ายตอนขึ้นรถได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ถ้ารถไม่ติด คร่าวๆ รถมีทุก 40 นาที ตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ขอตารางรถจากโรงแรมได้เลย
อ่านวิธีการเดินทางอื่นได้ที่ www.airport.co.kr/gimhae
อัพเดทค่ารถบัส Limousine ได้ที่ www.airport.co.kr/gimhaeeng/bus-fare
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต