กลับมาเที่ยวฝรั่งเศสอีกครั้งในรอบ 4 ปี ต้องเก็บเพิ่มเมืองใหม่ให้คุ้มค่า
ทริปเที่ยวแคว้น Occitanie นี้ เราตั้งต้นที่เมือง Toulouse นั่งรถไฟไปเที่ยวเมือง Carcassonne และหมู่บ้าน Najac
ย้อนความเดิมตั้งแต่ตอนแรกได้ที่
ให้มันเป็นสีชมพู “Toulouse” เที่ยวเองฝรั่งเศสใต้ ตอนที่ 1
ชมปราสาทในเมือง ชมเมืองในปราสาท “Carcassonne” เที่ยวเองฝรั่งเศสใต้ ตอนที่ 2
ย้อนยุคสู่หมู่บ้านลับๆ บนสันเขา “Najac” เที่ยวเองฝรั่งเศสใต้ ตอนที่ 3
ช่วงเช้าวันนี้เราเดินเที่ยวในหมู่บ้าน Najac ท่ามกลางสายฝนก่อนจะขึ้นรถไฟขึ้นเหนือไปเมือง Figeac ตอน 10.28 น.
นั่งรถไฟขบวนท้องถิ่น (TER) 41 นาที ลงที่สถานี Capdenac รถเมล์ไป Figeac จอดรออยู่ที่ชานชาลาแล้ว นั่งรถเมล์อีก 15 นาที ก็ถึงป้ายด้านหน้าสถานีรถไฟ Gare de Figeac ตอน 11.30 น.
ตั๋วรถไฟ+รถบัส Najac – Figeac ราคา 10.60 ยูโร
เช็คตารางเวลารถไฟฝรั่งเศสได้ที่ www.sncf.com
ซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ www.sncf.com/book-tickets
สถานีรถไฟอยู่บนเนิน จากป้ายรถเมล์ต้องเดินไปทางซ้าย ระหว่างทางแวะถ่ายรูปมุมสูงของเมือง Figeac ก่อนเลย

เดินลงเนินไปจนถึงสะพานรถไฟก็เลี้ยวขวา ตรงต่อไปอีกไม่ไกลก็เห็นตึกเก่าอยู่ที่เชิงสะพานข้ามแม่น้ำ Célé เลี้ยวซ้ายก่อนถึงสะพานเข้าไปเช็คอินที่ Best Western Le Pont d’Or (350 เมตรจากป้ายรถเมล์)
รูปโรงแรมฝั่งริมแม่น้ำครับ

เราจะพักที่นี่ 1 คืนเพื่อไปเที่ยวหมู่บ้าน Saint-Cirq-Lapopie แบบ day trip และไป Rocamadour วันรุ่งขึ้น
ห้องพักราคาคืนละ 76.50 + City tax 1.98 = 78.48 ยูโร ไม่รวมอาหารเช้า


รถเมล์ไป Saint-Cirq-Lapopie จะออกตอน 13.45 น. มีเวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมง เดินเข้ากลางเมืองไปดูบ้านเมืองเค้าซะหน่อยและกินข้าวเที่ยงด้วย
ออกจากโรงแรม เดินไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ Célé เข้าสู่ฝั่งศูนย์กลางเมือง
Figeac คือเมืองขนาดไม่ใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำ Célé ฟีชัคเคยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางแสวงบุญของนักบุญ St. James ได้รับการขนานนามให้เป็น “เมืองแห่งศิลปะและประวัติศาสตร์” เพราะภายในเมืองเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่สร้างขึ้นด้วยหินทรายสีแดงในช่วงศตวรรษที่ 13-14 ซึ่งเป็นช่วงที่เมืองนี้เป็นศูนย์กลางการค้าในแถบทางใต้ของฝรั่งเศส โดยบรรดาพ่อค้าที่เป็นเจ้าของบ้านต่างประดับตกแต่งขอบหน้าต่างและระเบียงให้งดงามที่สุดเพื่อแสดงถึงความมั่งคั่งของตัวเอง
ตรงเข้า Rue Gambetta ถนนสายหลักกลางเมือง

วันนี้ฝนตกๆ หยุดๆ ลมแรง อากาศเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด
เลี้ยวขวาไปยังโบสถ์ที่เห็นยอดโผล่ขึ้นมาตั้งแต่ตอนข้ามสะพาน โบสถ์นี้มีชื่อว่า Abbaye Saint-Sauveur

ตรงไปเข้าถนน Rue Tomfort และ Rue Delzhens ไม่ไกลก็เห็นโบสถ์ Église Notre-Dame-du-Puy de Figeac อยู่บนเนิน

ขึ้นบันไดไปยังโบสถ์ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปมุมสูงของเมือง


ได้เวลากินข้าวแล้ว เดินลงบันไดเข้าถนน Rue Boutaric แป๊บเดียวก็ถึงจัตุรัสเล็กๆ กลางเมืองชื่อ Place Champollion เลยต่อไปหาร้านอาหารแถว Place Carnot

เดินตามถนน Rue Gambetta กลับไปข้ามแม่น้ำ Célé ตรงขึ้นเนินไปที่ป้ายรถเมล์เดิมหน้าสถานีรถไฟ
ไป Saint-Cirq-Lapopie
ยืนรอรถเมล์สาย 889 ที่จะออกจากตรงนี้ตอน 13.45 น. ส่วนเวลาขากลับ Figeac ในเว็บไซต์บอกว่า 18.38 น.
เช็คตารางเวลารถเมล์ได้ที่ www.mestrajets.lio.laregion.fr เลือก Figeac – Gare Sncf ไป Saint-Cirq-Lapopie, Lot, Occitanie


ขึ้นรถเมล์สาย 889 คันแรกที่มาจอด คนขับบอกว่าคันนี้ไปเมือง Cahors ให้รอคันหลัง
แป๊บเดียวรถเมล์สาย 889 อีกคันก็มา ขึ้นไปจ่ายค่าตั๋ว 2 ยูโร แล้วนั่งรถไป 1 ชั่วโมงนิดๆ

รถเมล์สายนี้เป็นรถสาธารณะวิ่งระหว่างเมือง Cahors กับ Figeac จากทั้งสองเมืองมีรถแค่วันละไม่กี่รอบต่อวันเท่านั้น

14.50 น. รถเมล์จอดที่ป้าย Tour-de-Faure นอกหมู่บ้าน Saint-Cirq-Lapopie
ลงจากรถ เดินต่อไปจนถึงวงเวียนที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่อยู่ เลี้ยวซ้ายเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำ Lot ตรงเข้าไปยังหมู่บ้าน (ระยะทางประมาณ 1.5 กม.)

เดินไปจนถึงทางแยกขวามือลงไปเข้าประตูเมือง Porte de Rocamadour ยังไม่ลงเข้าหมู่บ้าน เดินเลยไปนิดเดียวคือจุดถ่ายรูปหมู่บ้าน Saint-Cirq-Lapopie ที่ดีที่สุด ขนาดฝนตกยังสวยเลย

Saint-Cirq-Lapopie คือหมู่บ้านเล็กๆ บนแนวหน้าผาสูง 100 เมตรเหนือแม่น้ำ Lot ในแคว้น Occitanie อยู่ระหว่างเมือง Figeac กับ Cahors
ในอดีตแซงต์-เซียร์ค-ลาโปปี ใช้เป็นจุดป้องกันบ้านเมืองเพราะตั้งอยู่บนที่สูงเหนือแนวแม่น้ำ แต่หลังจาก Henri Martin ศิลปินแนวโพสต์-อิมเพรสชั่นนิสต์มาค้นพบที่นี่ แซงต์-เซียร์คจึงกลายเป็นสถานที่โปรดของบรรดาศิลปินและนักท่องเที่ยวที่เริ่มแห่แหนมายังหมู่บ้านนี้
ปัจจุบันแซงต์-เซียร์คมีชื่ออยู่ในลิสต์หมู่บ้านที่งดงามที่สุดของฝรั่งเศสหรือที่เรียกว่า Les Plus Beaux Villages de France (The most beautiful villages in France)
สักพักฝนก็หยุดตก เมฆเคลื่อนผ่านไปอย่างเร็ว ฟ้าใสขึ้น แดดเริ่มมา

เดินลงไปเข้าประตูเมือง Porte de Rocamadour
ก่อนจะเข้าประตูเมืองมีจุดถ่ายรูปอีกมุมที่ต่ำกว่าจุดแรก ถ่ายรูปวิวไม่สวยเท่าแต่ถ่ายรูปคนดีกว่า


เข้า Porte de Rocamadour ไปก็ได้ฟีลย้อนยุคไปอยู่ในเมืองเทพนิยายโบราณ เดินไปยังโบสถ์ Église Saint-Cirq-et-Sainte-Juliette de Saint-Cirq-Lapopie (Eglise de Saint-Cirq-Lapopie) บนเนินเขา


เดินตามถนน Rue Droite ผ่านกลางหมู่บ้านไป Place Sombral ด้านหน้า Office de Tourisme



ขึ้นบันไดด้านหลัง Office de Tourisme ไปยังจุดชมวิวบนป้อมปราการโบราณ (พิกัดใน Google Map คือ Ruines du fort de Saint-Cirq-Lapopie)

มองลงไปก็เห็นวิวแบบนี้



อีกไม่นานก็จะมืดสนิทแล้ว เย็นนี้แพลนว่าจะกินอาหารท้องถิ่นที่ร้าน Le Gourmet Quercynois แต่ปรากฏว่าร้านปิด ช่วงหน้าหนาว low season นี่ร้านปิดเร็วหรือบางร้านก็ไม่เปิดเลย
ตอนวางแผนเช็คเวลารถเมล์ขากลับ Figeac จะมาถึงป้าย Tour-de-Faure ตอน 18.38 น. และกลับถึงป้ายหน้าสถานีรถไฟ Figeac 19.41 น. (วันเสาร์หรือ Samedi)
แต่เราเช็คเวลารถขากลับที่ติดอยู่ในรถเมล์ขามาและที่ป้ายรถเมล์ตอนลงจากรถแล้วไม่ตรงกัน รถเมล์สาย 889 จะมาจอดที่ป้าย Tour-de-Faure (Bourg) ตอน 19.24 น. เพื่อความชัวร์เลยเข้าไปถาม Tourist Information อีกที สรุปเป็น 19.24 น. จริงๆ

งั้นเดินกลับไปแวะซื้ออะไรกินรองท้องที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ตรงวงเวียนแล้วนั่งรถเมล์กลับ Figeac พอถึงค่อยเข้าร้านอาหาร
คืนนี้ค้างที่เมือง Figeac
วันต่อมา
วันนี้เราจะไปเที่ยวหมู่บ้านริมหน้าผาอีกแห่งของแคว้น Occitanie ที่มีชื่อว่า Rocamadour แล้วนั่งรถไฟไปเมือง Vierzon ค้าง 1 คืนก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยนั่งรถไฟกลับปารีส
ไป Rocamadour
จาก Figeac ช่วงเช้ามีรถไฟ 2 เวลา คือ 09.20 น. และ 11.57 น. ใช้เวลาเดินทาง 33 นาทีเท่ากัน
ขบวนแรกตั๋วรถไฟราคา 5 ยูโร ขบวนหลังราคา 9.20 ยูโร แนะนำให้ซื้อออนไลน์เลย
เช็คตารางเวลารถไฟฝรั่งเศสได้ที่ www.sncf.com
ซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ www.sncf.com/book-tickets

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ Rocamadour น่าจะเงียบมาก รถไฟจะจอดที่สถานี Rocamadour – Padirac ซึ่งใช้ร่วมกัน 2 หมู่บ้าน สถานีนี้อยู่ห่างจากประตูเมือง Rocamadour ประมาณ 4 กม. เดินไปไม่ไหวแน่ ตอนหาข้อมูลก็เจอว่าไม่มีแท็กซี่รออยู่ที่สถานีรถไฟด้วย ต้องโทรเรียก ตรงข้ามสถานีรถไฟมีโรงแรมอยู่ 2 แห่ง แต่ไม่แน่ใจว่าฤดูหนาวแบบนี้จะเปิดหรือปิด ถ้าปิดจะขอความช่วยเหลือไม่ได้
ทางแก้คือให้รีเซ็ปต์ชั่นของโรงแรมโทรนัดแท็กซี่มารับที่สถานีรถไฟ Rocamadour – Padirac และให้มารับกลับสถานีรถไฟตอนเย็น
เบอร์โทรหายาก บางเบอร์โทรไปไม่มีคนรับ สรุปติดต่อเจ้า Adgie Ambulances โทร. 05 65 38 7507 ได้ คนขับแท็กซี่บอกค่ารถประมาณ 40 ยูโร เลยตกลงนัดเวลาไปและกลับ
เที่ยงครึ่ง รถไฟจอดที่สถานี Rocamadour – Padirac

ป้าคนขับแท็กซี่มาถึงพอดี ยืนคุยนัดสถานที่ไปส่งและรอรับกลับให้ชัวร์ก่อนขึ้นรถ โรงแรมฝั่งตรงข้ามปิดจริงๆ ด้วย ถ้าไม่นัดมาก่อนนี่ซวยเลย
ป้าพูดได้แต่ภาษาฝรั่งเศส ผมก็พูดฟรองเซส์ได้นิดหน่อย กว่าจะเข้าใจกันได้ 5 นาที ขึ้นรถไปเห็นมิเตอร์เป็นเลข 30 กว่าก็ยังไม่ได้คิดอะไร นึกว่า 40 ยูโรเป็นราคาเหมาไปกลับอยู่แล้ว ป้าไปส่งที่จุดชมวิวมุมสูงหน้าโรงแรม Le Belvédère ก่อน แต่เรามีกระเป๋าใหญ่มาด้วย เลยบอกว่าให้ลงไปส่งที่ประตูเมือง Porte du Figuier เพื่อหาที่ฝากกระเป๋า
ก่อนลงรถ ป้าบอกว่าค่าแท็กซี่ 46 ยูโร แปลว่าขากลับต้องโดนอีกประมาณนี้ ตามข้อมูลที่หามาก่อนบอกว่าแท็กซี่อยู่ที่เมืองอื่นใกล้เคียง แสดงว่าป้าขับรถมาจากเมืองอื่นแล้วกดมิเตอร์ตั้งแต่ออกบ้าน มิน่าตัวเลขในมิเตอร์ถึงเป็น 30 กว่าตั้งแต่แรก คำนวณจากระยะทางถ้าเริ่มจากสถานีรถไฟไม่น่าเกิน 12 ยูโร
ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว จ่ายขากลับอีก 40 กว่ายูโรก็ต้องยอมแล้ว จุดนี้!
เดินเข้าประตู Porte du Figuier ไปก็เจอโรงแรมและร้านอาหารชื่อ Hôtel du Lion d’Or เข้าร้านอาหารไปรับประทานมื้อกลางวันและขอฝากสัมภาระไว้
Rocamadour (โรกามาดูร์ค) คือหมู่บ้านขนาดเล็กในแคว้น Occitanie ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง Figeac ตัวหมู่บ้านอยู่บนแนวหน้าผาสูงประมาณ 122 เมตรเหนือแม่น้ำ Alzou
ตึกรามส่วนใหญ่เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาคริสต์ เช่น ที่พำนักของนักบวช สถานที่ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมักจะมีผู้แสวงบุญจำนวนมากจากทั่วสารทิศเดินทางมา
ด้านล่างหมู่บ้านอยู่ติดแม่น้ำเป็นเส้นทางการค้าขายที่สำคัญตั้งแต่อดีต โดยเฉพาะชีสที่ทำจากนมแพะตัวเล็กๆ ซึ่งเคยได้รับรางวัลผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นดีเด่นจาก AOC เมื่อปีค.ศ. 1996

จาก Hôtel du Lion d’Or เดินเข้าสู่กลางหมู่บ้าน แค่ 200 เมตรก็ถึงประตูเมืองชั้นใน Porte Salmon
ตรงต่อไปอีกนิดก็เห็นบันไดขึ้นไปยังวิหารและปราสาทบนยอดเขา
ขึ้นบันได Escalier des Pèlerins ไป
ไม่สูงเท่าไหร่ก็ถึงทางเข้า Sanctuaire Notre-Dame de Rocamadour
Sanctuaire Notre-Dame de Rocamadour คือสถานที่ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ลักษณะเป็นคอมเพล็กซ์ที่ประกอบด้วยโบสถ์ วิหาร และพิพิธภัณฑ์ ที่สำคัญคือ Chapelle Notre-Dame ซึ่งด้านในมีพระแม่มารีดำประดิษฐานอยู่ รวมถึง Basilique Saint Sauveur วิหารสถาปัตยกรรมสไตล์โรมาเนสก์โกธิค


ตอนที่เราไปไม่อนุญาตให้ขึ้นไปชม Remparts du Château ปราสาทสุดโดดเด่น ณ จุดสูงสุดของหมู่บ้าน
เดินเที่ยวในหมู่บ้านเท่านี้ ต่อไปจะออกไปถ่ายรูปที่เห็นหมู่บ้านทั้งหมดจากจุดชมวิวหน้าโรงแรม Le Belvédère ซึ่งไกลจากประตูเมือง Porte du Figuier ราว 700 เมตร
เดินตามถนนหลักเส้นทางเดิมกลับไปที่ประตูเมือง Porte du Figuier
เรานัดป้าแท็กซี่ให้มารับที่นี่
เดินออกนอกหมู่บ้านไม่ไกลก็เห็นทางแยกขึ้นทางชันทางซ้ายมือขึ้นไปยัง Porte de l’Hôpital
ตรงไปอีกนิดแล้วเลี้ยวขวาก็ถึงจุดชมวิว (พิกัดใน Google Map คือ Point de vue de Rocamadour)
เลือกมุมกดชัตเตอร์ตามใจชอบครับ



เดินลงเขากลับไปที่ประตู Porte du Figuier ตามเวลานัด
นั่งแท็กซี่กลับสถานีรถไฟ Rocamadour – Padirac ขากลับโดนค่ารถน้อยกว่าขามานิดนึงคือ 44.90 ยูโร
สรุป แชร์กันจ่ายค่าแท็กซี่ 2 ขา คิดเป็นเงินไทยคนละ 1,682 บาท บ้าไปแล้ว!
15.56 น. คือเวลารถไฟท้องถิ่น (TER) จะออกจากสถานี Rocamadour – Padirac ไปเมือง Vierzon
รถไฟขบวนนี้ใช้เวลา 39 นาทีถึงสถานี Brive-la-Gaillarde ซึ่งสามารถต่อรถไฟด่วน TGV เข้าปารีสได้เลย แต่กว่าจะถึงปารีสก็ดึก เราเลยเลือกพักกลางทางก่อนที่เมือง Vierzon ซึ่งต้องต่อรถไฟเร็วอีกเกือบ 3 ชั่วโมง
ตั๋วรถไฟ Rocamadour – Vierzon ราคา 25.30 ยูโร
เดินราว 600 เมตร ไปเช็คอินที่ The Garden House vierzon ห้องพักราคาคืนละ 54 ยูโร + City Tax 5.50 ยูโร รวมอาหารเช้า
ตอนเช้า เดินเล่นดูเมืองเค้าหน่อย แล้วนั่งรถไฟกลับปารีสอีก 1 ชั่วโมง 42 นาที
ตั๋วรถไฟ Vierzon – Paris ราคา 19 ยูโร

*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต