ถ้าไม่ได้มาปอร์โตคงเหมือนยังไม่มาถึงโปรตุเกส
ผมเคยมาเที่ยวโปรตุเกส 2 ครั้งแล้ว แต่ละครั้งก็อยู่แถว Lisbon และเมืองใกล้ๆ เท่านั้น
คราวนี้มีโอกาสกลับมาโปรตุเกสอีกเลยไม่พลาดที่จะไปเที่ยวเมืองใหญ่ทางเหนือที่ชื่อว่า Porto แล้ว

การเดินทางมา Porto มี 2 ทางหลัก คือ รถไฟจากสถานีรถไฟ Oriente ในกรุง Lisbon ไปที่สถานี Campanha ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง และเครื่องบินจากเมืองหลักต่างๆ ทั่วยุโรป
สนามบิน Porto มีชื่อว่า Aeroporto Sá Carneiro หรือ Francisco Sá Carneiro Airport อยู่ทางทิศเหนือของเมือง ห่างออกไปราว 15 กม.
เดินทางเข้าศูนย์กลางเมืองโดยรถไฟใต้ดินสาย E (สีม่วง) ไปลงสุดสายที่สถานี Trindade ใช้เวลา 27 นาที
ค่ารถไฟใต้ดิน Andante Azul โซน 4 (Z4) 2 ยูโร + ค่าบัตรอีก 0.60 ยูโร
สามารถเติมเงินเข้าบัตรได้เมื่อเงินหมด ราคาสำหรับเดินทางภายในโซน 2 (Z2) เที่ยวละ 1.20 ยูโร, โซน 3 (Z3) 1.60 ยูโร
เช็คเวลารถไฟใต้ดินและค่าตั๋วได้ที่ www.metrodoporto.pt
อัพเดทข้อมูลค่าโดยสารประเภทต่างๆ ได้ที่ https://en.metrodoporto.pt
เราเลือกที่พักใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Trindade เป็นอพาร์ทเมนต์ชื่อ Porto Essence เดินไปได้แค่ 300 เมตร
ห้องพัก 3 คืน ราคาถูกมากแค่ 118.80 ยูโร + City tax อีก 12 ยูโร ไม่มีอาหารเช้า
เที่ยว Porto
Porto (Oporto) คือเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของโปรตุเกส รองจากกรุง Lisbon เขตประวัติศาสตร์ของปอร์โตอยู่ทางเหนือของแม่น้ำ Duoro ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปีค.ศ. 1996

เขตกลางเมืองปอร์โตมีขนาดไม่ใหญ่นัก แนะนำให้เดินเที่ยวเพราะแต่ละถนนและซอกซอยมีมุมสวยคลาสสิกให้ถ่ายรูปตลอดทาง
เริ่มต้นที่สถานีรถไฟใต้ดิน Trindade
เดินเข้าถนน Rua da Trindade ไปทางหอนาฬิกายอดแหลมของ Câmara Municipal do Porto หรือที่ทำการเมืองปอร์โต นิดเดียวก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Rua de Fernandes Tomás ตรงไปอีก 400 เมตรก็เห็น Capela das Almas (Capela de Santa Catarina) หรือ Chapel of Souls (Chapel of Santa Catarina) แต่เดิมโบสถ์นี้สร้างด้วยไม้เพื่อเป็นเกียรติแด่นักบุญ Catarina ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ปัจจุบันก็ยังคงโครงสร้างเดิมไว้อยู่ แต่ตกแต่งให้สวยงามโดดเด่นด้วยกระเบื้องเซรามิกเคลือบดีบุกบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และศาสนาซึ่งเป็นศิลปะของสเปนและโปรตุเกสที่เรียกว่า azulejo
เดินเข้าถนนคนเดินตรงข้ามโบสถ์ชื่อ Rua de Santa Catarina แวะชิมทาร์ตไข่ที่ร้านดัง Fábrica da Nata แป๊บนึง
ตรงลงเนินไปราว 450 เมตร ก็ถึง Igreja de Santo Ildefonso (Church of Saint Ildefonso) โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีค.ศ. 1739 เพื่อเป็นเกียรติแด่ Ildephonsus of Toledo ผู้เป็นบิชอปแห่งโตเลโด ส่วนฟาซาดกระเบื้องเซรามิกเคลือบดีบุกด้านหน้าโบสถ์นั้นทำขึ้นในปีค.ศ. 1932
เดินลงเนินตรงสามแยกจุดตัดกันของถนน Rua de Santa Catarina กับ Rua de 31 de Janeiro หาตำแหน่งถ่ายรูปถนน Rua de 31 de Janeiro ที่ปกติจะมีรถรางโบราณแล่นผ่านและมองเห็นโบสถ์ Igreja dos Clérigos อยู่ไกลๆ
มุมนี้เป็นอีกมุมเอกลักษณ์หนึ่งของปอร์โต
เดินตามถนน Rua de 31 de Janeiro ลงไปถึงด้านล่าง อาคารทางซ้ายมือคือสถานีรถไฟ São Bento
ถ้าเดินผ่านสถานีรถไฟไปไม่ไกลก็จะถึง Sé do Porto (Porto Cathedral) เลยไปอีกหน่อยคือสะพาน Ponte de Dom Luís I แต่ยังไม่เดินไปทางนั้น
ตรงเลยต่อไปอีกหน่อยก็ถึง Praça da Liberdade จัตุรัสใหญ่กลางเมืองเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งของ Monumento a D. Pedro IV (ตอนที่ไปซ่อมแซมอยู่) และอาคารขนาดใหญ่ที่มีหอนาฬิกาสูง นั่นคือ Câmara Municipal do Porto (Porto City Hall) หรือที่ทำการเมืองปอร์โต
ถ้าเดินไปทางด้านหลังอาคารที่ทำการเมืองก็จะกลับไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Trindade
เดินกลับไปที่อนุสาวรีย์พระเจ้า Pedro ที่ 4 แห่งโปรตุเกส แล้วเลี้ยวขวาเดินไปยัง Igreja dos Clérigos (Clérigos Church) หรือ Church of the Clergymen โบสถ์บาโรคที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ปีค.ศ. 1750 มีหอระฆังสูง 75.6 เมตรซึ่งเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองชื่อว่า Torre dos Clérigos สามารถขึ้นบันได 240 ขั้นไปยังยอดหอระฆัง
เข้าชมพิพิธภัณฑ์และขึ้นหอระฆังได้ตั้งแต่ 09.00-19.00 น. ค่าผ่านประตู 6 ยูโร
เช็ควันและเวลาที่เปิด-ปิดไม่ปกติได้ที่ www.torredosclerigos.pt
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ visit Torre dos Clérigos
จากหอระฆังโบสถ์ ข้ามถนนเดินลัดสวนหย่อมที่ Praça de Lisboa ก็เห็นคนต่อคิวยาวรอเข้าร้านขายหนังสือชื่อดังที่นักท่องเที่ยวต้องไม่พลาดมาถ่ายรูป
Livraria Lello (Lello Bookstore) คือร้านขายหนังสือเก่าแก่ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ร้านขายหนังสือที่สวยที่สุดในโลก” เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1881 โดย J. K. Rowling ผู้แต่ง Harry Potter ก็ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบบันไดในฮ็อกวอตส์มาจากบันไดในร้านหนังสือแห่งนี้
ค่าเข้าชมแบบซื้อออนไลน์ราคา 5 ยูโร (ควรซื้อล่วงหน้าจะได้ไม่ต้องรอคิวนาน) ถ้าซื้อที่หน้าร้าน 6 ยูโร
ออกจากร้านหนังสือ เดินไปทางขวาก็เห็น Igreja do Carmo (Church of the Venerable Third Order of Nossa Senhora do Carmo) อยู่ไม่ไกล โบสถ์เก่าแก่อีกแห่งของเมืองนี้มีผลงานศิลปะจากกระเบื้องเซรามิกเคลือบดีบุกเช่นกัน
เดินกลับไปทางหอระฆัง เลี้ยวขวาข้ามทางม้าลายตรงเข้าถนนแคบๆ ชื่อ Rua de São Bento da Vitória ผ่านโบสถ์ Mosteiro de São Bento da Vitória ไปนิดก็ถึงจุดชมวิว Miradouro da Vitória (ระยะทางราว 550 เมตร)
จากจุดชมวิวจะมองเห็นบ้านเรือนในเมืองเก่า, Sé do Porto (Porto Cathedral), โบสถ์ Convento dos Grilos และสะพาน Ponte de Dom Luís I ข้ามแม่น้ำ Duoro
เดินลงเขาไปตามเส้นทางนิดเดียวแล้วลงบันไดทางซ้ายมือ พอถึงถนนด้านล่างก็เลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวาเดินลงทางลาดชันของถนน Rua de Ferreira Borges ไม่ไกลก็ถึง Praça do Infante D. Henrique จัตุรัสในเขตประวัติศาสตร์ของเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของ Palácio da Bolsa (Bolsa Palace) หรือ Stock Exchange Palace วังเก่าในศตวรรษที่ 19 สร้างโดยสมาคมการค้าของเมือง (Associação Comercial do Porto) ในสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิก
ภายในอาคารประกอบด้วยห้องต่างๆ ซึ่งตกแต่งอย่างวิจิตรปราณีตในสไตล์ Moorish Revival คล้ายวังแขกแถบสเปนใต้และโมร็อกโก
การเข้าชมต้องผ่านไกด์ทัวร์ซึ่งมีรอบตั้งแต่เวลา 09.00-18.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ 10 ยูโร
อัพเดทข้อมูลได้ที่ visit Palácio da Bolsa
เรากลับมาเข้าชมรอบสุดท้ายเพราะรอบก่อนหน้าเต็มหมดเลย
เดินผ่าน Monumento ao Infante Dom Henrique ตรงกลางจัตุรัส Praça do Infante D. Henrique ไปยังอีกมุมของจัตุรัส
ตรงเข้าถนน Rua de Mouzinho da Silveira เดินขึ้นทางชันไปพอพ้นโค้งขวาก็เห็นทางขึ้นเนินแคบๆ ชื่อ Travessa da Bainharia อยู่ทางขวามือ
เดินตามเส้นทางนี้ราว 250 เมตร จนเจอสี่แยกเล็กๆ ก็เลี้ยวขวาขึ้นเนินต่ออีกนิดก็เห็น Sé do Porto (Porto Cathedral) อยู่ข้างบน โบสถ์โรมันคาทอลิกที่เริ่มก่อสร้างที่ใจกลางเขตประวัติศาสตร์ของเมืองตั้งแต่ปีค.ศ. 1110 ใช้เวลายาวนานถึง 627 ปีกว่าจะสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์
ตรงนี้เป็นอีกจุดชมวิวที่สวยงามของเมือง
เดินลงทางด้านหลัง Sé do Porto ไปที่ถนน Av. Dom Afonso Henriques ถนนสายหลักของเมือง
ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะกลับไปที่สถานีรถไฟ São Bento และจัตุรัสกลางเมือง Praça da Liberdade
เราเดินไปทางขวาลงเนินไม่ไกลก็ถึง Ponte de Dom Luís I (Dom Luís I Bridge) สะพานหลุยส์ที่ 1 คือสะพานหลักข้ามแม่น้ำ Douro จากฝั่งเมืองเก่าไปยังฝั่ง Vila Nova de Gaia ทางทิศใต้ของเมือง
สะพานเหล็กนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 1881 และเปิดใช้งานในวันที่ 30 ต.ค. 1886 สะพานมี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นชั้นสำหรับรถยนต์และคนเดินมีความยาว 172 เมตร ชั้นบนสำหรับรถรางและคนเดินยาวถึง 395.25 เมตร สูง 85 เมตร และกว้าง 8 เมตร
เดินข้ามสะพานชั้นบนซึ่งมีแนวป้อมกำแพงเมืองโบราณ Muralha Fernandina: Troço da Sé (Fernandine Wall of Sé) อยู่ทางซ้าย ป้อมกำแพงนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Muralhas de D. Fernando (Walls of Dom Fernando) และมองเห็น Mosteiro da Serra do Pilar ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปซิกเนเจอร์ของเมืองอยู่ข้างหน้า
ข้างล่างใกล้แม่น้ำคือสถานีรถรางไฟฟ้า Ribeira ซึ่งเชื่อมต่อกับสถานี Batalha บนเขา ค่า Funicular เที่ยวละ 1.20 ยูโร
หาตำแหน่งถ่ายรูปบนสะพานไปเรื่อยๆ
ข้ามสะพานไปยังฝั่ง Vila Nova de Gaia เดินไปที่จุดชมวิวทางขวาก่อน พิกัดใน Google Map คือ Miradouro do teleférico
ตรงนี้จะเห็นภาพแบบนี้
เดินลงตรงสถานีกระเช้าลอยฟ้าหาทางลงไปริมแม่น้ำข้างล่างซึ่งเป็นมุมถ่ายรูปสะพาน Dom Luís I อีกมุม
ตรงนี้ตอนกำลังจะมืดที่เริ่มเปิดไฟแล้วสวยงามกว่าตอนกลางวันแดดจัดๆ
เรารอถ่ายรูปจนเดินกลับขึ้นเขาไปที่สะพานชั้นบนไม่ทันก่อนมืดสนิท ระยะทางจากข้างล่างขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ Mosteiro da Serra do Pilar สำนักบวชมรดกโลกบนเขาประมาณ 650 เมตร เดินเร็วๆ เกือบ 15 นาที
แต่เราค้างคืนที่นี่ 3 คืน มีเวลาเดินไปถ่ายรูปวิวเอกลักษณ์ของปอร์โตจาก Mosteiro da Serra do Pilar อีก 2 เย็น
เย็นวันรุ่งขึ้น จากเชิงสะพาน Dom Luís I ฝั่ง Vila Nova de Gaia เดินตามทางรถรางไปราว 300 เมตรแล้วยูเทิร์นซ้ายขึ้นทางชันไปยัง Miradouro da Serra do Pilar ที่สำนักบวช Mosteiro da Serra do Pilar
ถ่ายรูปสะพาน Dom Luís I กับบ้านเรือนในเมืองเก่าปอร์โตที่เปิดไฟสีทองอร่าม
ข้ามสะพานกลับไปยังฝั่งเมืองเก่าและเดินกลับที่พักใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน Trindade
เลยที่พักไปนิดมีร้านอาหารดังที่อยากแนะนำชื่อว่า Antunes
เมนูยอดฮิตของร้านคือ Pernil Assado no Forno เป็นขาหมูถาดใหญ่สำหรับ 2 คน ราคา 19 ยูโร และไวน์ชั้นเยี่ยมจากแหล่งผลิตในพื้นที่หุบเขาริมแม่น้ำ Douro ไวน์แดงรสละมุนลิ้นออกไปทางหวานนิดๆ
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต