เมื่อ 8 ปีที่แล้วผมเคยมาเที่ยวเองที่ Greece แล้วครั้งนึง
แต่รู้สึกว่ามันยังไม่สุดอ่ะ จริงๆ แล้วกรีซมีที่เที่ยวน่าไปอีกเยอะนอกจากทะเล หมู่เกาะ เมืองโบราณ และก็อยากกลับไปพักผ่อนที่เกาะซานโตรินีอีกครั้งด้วย
เลยคิดแผนเที่ยวมันๆ เน้นเที่ยวประเทศแถบยุโรปใต้และบอลข่านทั้งที่เคยไปแล้วและยังไม่เคยไปโดยตั้งชื่อทริปว่า “Greek to Roman Trip” ซึ่งจะเริ่มต้นที่ประเทศกรีซ ต่อด้วย Albania, Kosovo, Macedonia วนกลับมาเข้า Albania ข้ามเรือไปอิตาลีใต้ เข้ากรุงโรมและวาติกันครั้งที่ 2 บินไปประเทศ Malta แล้วเดินทางกลับเมืองไทย
สายการบินที่มีไฟลท์ Bangkok – Athens และขากลับ Malta – Bangkok ก็คือ Turkish Airlines โดยต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน İstanbul Atatürk ประเทศตุรกีครับ
เช็คตารางเวลาและซื้อตั๋วเครื่องบินได้ที่ www.turkishairlines.com
วีซ่า
การเดินทางเข้าประเทศกรีซต้องมีวีซ่าเชงเก้นซึ่งสามารถขอได้ที่สถานเอกอัครราชทูตกรีซประจำประเทศไทย
เช็คที่ตั้ง วันเวลาทำการ และเอกสารหลักฐานต่างๆ ได้ที่ www.mfa.gr
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ Greece visa
ประเทศ Albania, Kosovo, Macedonia สามารถใช้วีซ่าเชงเก้นแบบ Multiple Entries ที่ยังไม่หมดอายุและเคยได้รับการแสตมป์เข้าประเทศใดประเทศหนึ่งในกลุ่มเชงเก้นมาก่อนแล้วแทนวีซ่าของแต่ละประเทศได้
(รายละเอียดของแต่ละประเทศจะเขียนบอกอีกทีในรีวิวเที่ยวของประเทศนั้นๆ นะครับ)
ส่วน Italy และ Malta ใช้วีซ่าเชงเก้นเช่นเดียวกับกรีซ
เรามีวีซ่าเชงเก้น Multiple Entries อยู่แล้วจึงจัดแผนแบบนี้ได้ไม่ยาก ถ้าใครไม่มีวีซ่าเชงเก้นแบบสามารถเดินทางเข้าออกกลุ่มประเทศเชงเก้นได้หลายครั้งเหมือนเรา ไม่แนะนำให้จัดเส้นทางแบบนี้นะครับ เพราะถ้าไปขอวีซ่าที่สถานทูตใดสถานทูตหนึ่งในกลุ่มเชงเก้นที่จะเดินทางไปในทริปนี้อาจไม่ได้วีซ่า Multiple Entries ก็ได้ แม้ว่าจะวางแผนเดินทางเข้าประเทศกรีซซึ่งอยู่ในกลุ่มเชงเก้นก่อน แล้วเดินทางออกนอกเขตเชงเก้น (Albania, Kosovo, Macedonia) แล้วกลับเข้าเขตเชงเก้นที่ประเทศอิตาลีก็ตาม เพราะตามแผนนี้จะเข้าเกณฑ์การได้วีซ่าแค่ Two Entries ซึ่งไม่สามารถใช้เข้าประเทศ Albania, Kosovo, Macedonia ได้
วันแรก
เราออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิโดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบิน TK69 ในเวลา 23.00 น. เพราะเป็นสายการบินไปกรีซที่เวลาดีสุดละ หลับบนเครื่องข้ามคืนถึงอิสตันบูลเช้า ไม่เสียเวลาเดินทางตอนกลางวัน รอเปลี่ยนเครื่องแป๊บนึงแล้วบินต่ออีกไม่ถึงชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว
วันที่ 2
05.20 น. เดินทางถึง İstanbul Atatürk Havalimanı หรือ Istanbul Atatürk Airport ประเทศตุรกี ใช้เวลาบิน 10 ชั่วโมง 20 นาที (เวลาของตุรกีช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)
รอต่อไฟลท์ TK1845 ไม่ถึง 2 ชั่วโมง
นั่งหายใจทิ้งอีกไม่ถึงชั่วโมงครึ่งก็ถึง Diethnís Aeroliménas Athinón Elefthérios Venizélos (Ελευθέριος Βενιζέλος) หรือสนามบินนานาชาติกรุง Athens ประเทศกรีซ ในเวลา 08.40 น. (ใช้เวลาเดินทางรวม 13 ชั่วโมง 40 นาที)
หลังผ่านตม. และเอากระเป๋าเดินทางเรียบร้อย เดินไปเช็คอินสายการบิน Aegean Air ไป Santorini ต่อเลย

11.55 น. ไฟลท์ OA356 ออกจากสนามบิน Athens บินแค่ 45 นาทีก็ถึง Santorini International Airport บนเกาะซานโตรินีแล้ว
ตั๋วเครื่องบิน Athens – Santorini ราคา 125.94 ยูโร + ค่าโหลดกระเป๋า (checked baggage) 12 ยูโร = 137.94 ยูโร หรือประมาณ 5,450 บาท
เช็คตารางเวลาและซื้อตั๋วเครื่องบินได้ที่ Aegean Air
ถ้าจะไป Santorini ทางเรือซึ่งราคาถูกกว่ามาก อ่านข้อมูลได้ที่ Ferry from Athens to Santorini
ขอสรุปข้อมูลเรือเฟอร์รีของบริษัทต่างๆ ที่ให้บริการจากท่าเรือใกล้ Athens ไป Santorini คร่าวๆ นะครับ
(ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละฤดู)
- Blue Star Ferries เส้นทาง Piraeus – Firá มีเรือเช้าและเย็น ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมงครึ่ง – 7 ชั่วโมงครึ่ง ค่าเรือแบบถูกที่สุดราคา 40 ยูโร ห้องนอน 83.50-88.50 ยูโร
- ANEK Lines บางวันมีเรือกลางคืน ออกจาก Piraeus 20.30 น. ถึง Firá 05.20 น. ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมงครึ่ง ค่าเรือแบบ Deck ซึ่งถูกที่สุดราคา 38 ยูโร, Air type seat 42 ยูโร, ห้องนอน 2 เตียง (2-Berth Cabin) 69 ยูโร
- Golden Star Ferries เส้นทาง Rafina – Firá (Thira) รอบเรือคือ 07.20-12.55 น. และ 07.50-17.45 น. ค่าเรือราคา 48 / 35 ยูโร
- Hellenic Seaways เรือ Hellenic high speed ออกจาก Piraeus 07.05 น. ถึง Firá 12.35 น. ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมงครึ่ง ค่าเรือราคา 48 / 35 ยูโร บริษัทนี้มีเรือเส้นทาง Santorini – Mykonos ด้วย
- Zante Ferries ออกจากท่าเรือ Piraeus แต่เวลาไม่ค่อยดี
เราเลือกพักที่ Oia ทางเหนือสุดของเกาะซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินประมาณ 18 กิโลเมตรครับ

สนามบินเล็กนิดเดียวครับ เดินออกไปหน้าสนามบินก็เห็นป้ายรถบัสละ
จากสนามบินไป Oia ไม่มีรถบัสตรง จะต้องนั่งรถบัสไปลงที่สถานีรถบัสที่เมืองหลวงของเกาะคือ Firá (Φηρά) ก่อนแล้วต่อรถบัสอีกคันไป Oia ค่ารถเที่ยวละ 1.80 ยูโร แต่รถบัสมีห่างๆ ตั้งแต่ 1-2 ชั่วโมง ตารางเวลารถบัสในฤดูร้อนและฤดูหนาวก็ไม่ตรงกันเป๊ะด้วย (ฤดูหนาวมีรถบัสน้อยกว่า)
ถ้าเรียกแท็กซี่จะประมาณ 35 ยูโร แพงมากกก
เช็คข้อมูลรถบัสในซานโตรินีได้ที่ www.santoriniairport.com
ดาวน์โหลดตารางเวลารถบัสได้ที่ Santorini bus timetable ดูเวลารถที่มุมขวาบนนะครับ
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับแท็กซี่ได้ที่ www.santoriniairport.com/taxi
เราต้องกินข้าวเที่ยงและนั่งรอจนถึง 14.10 น. รถบัสเข้าเมือง Firá ถึงมาจอดที่ป้ายหน้าสนามบิน นั่งประมาณ 25 นาทีก็ถึงสถานีรถบัส (สถานีรถบัส Firá ไม่มีที่ฝากกระเป๋า)
ไป Oia ต่อเลย
ขึ้นรถบัสที่ป้ายหน้ารถเขียนว่า Oia ช่วงที่ไปคือฤดูร้อนซึ่งเป็นไฮซีซั่นมีรถออกทุก 30 นาที ตั๋วราคา 1.80 ยูโร
นั่งรถบัสประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงหมู่บ้านเอีย
เช็คตารางเวลารถบัสจาก Firá ไปเมืองต่างๆ บนเกาะได้ที่ KTEL bus เลือก Services และ TimeTable
อัพเดทค่าตั๋วรถบัสได้ที่ Santorini bus fare
อ่านวิธีการเดินทางจาก Firá ไป Oia ได้ที่ bus from Firá to Oia
ลงสุดสาย (ใน google map คือ Oia Bus Terminal) แล้วเดินเข้าเมือง ช่วงนี้ต้องยกกระเป๋าหนักขึ้นบันไดหลายขั้นอยู่กว่าจะถึงถนนคนเดินสายหลักของ Oia ชื่อ Nikolaou Nomikou เลี้ยวซ้ายไปก็ถึงทางลงไปเช็คอินที่ Kaleidoscope Cave Houses
ห้องพักราคาคืนละ 225 ยูโร (จองล่วงหน้าเกือบ 4 เดือน) มีอาหารเช้าแบบจัดเต็มให้ ไปดูห้องพักในถ้ำและวิวจากที่พักกันครับ
ที่พักที่ Oia มีให้เลือกหลายระดับราคาและคุณภาพครับ แบบที่พอได้ฟีลแบบมาพักผ่อนชิลล์ๆ ที่ซานโตรินี่ก็ต้องคืนละ 100 ยูโรขึ้นไป แต่ถ้าอยากได้แบบลงไปใกล้ทะเล มีสระว่ายน้ำให้แช่น้ำชมวิว ต้องโดน 300 ถึง 1,000 กว่ายูโร หรือบางประเภทห้องก็แพงกว่านั้นครับ
ถ้าไม่ติดเรื่องเงินๆ ทองๆ ขอแนะนำ Andronis Exclusive เลย แต่จำราคาไม่ได้นะครับ
บ่ายนี้ขอกลับไปเดินเล่นที่เมือง Firá ก่อน เย็นๆ ค่อยกลับมาเดินถ่ายรูปในเอียและรอชมพระอาทิตย์ตกที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
เดินกลับไปที่ Oia Bus Terminal นั่งรถบัส (ค่ารถ 1.80 ยูโร) ไปลงที่สถานีรถบัส Firá
ออกจากสถานี เดินไปทางขวาแล้วเลี้ยวขวาเดินตามถนนสายหลักของเมืองแป๊บเดียวก็เห็นถนนคนเดินทางเข้าเมือง เดินเข้าถนน Odós M. Danezi ไปที่จุดชมวิว
ใครก็ต้องแวะมาถ่ายรูปตรงนี้ครับ
กลางทะเลคือเกาะภูเขาไฟชื่อว่า Nea Kameni
เดินไปทางโบสถ์สีขาวที่เห็นอยู่ไกลๆ เพื่อหามุมถ่ายรูปแปลกใหม่บ้างครับ 55
เดินกลับไปที่เดิมและเดินลัดเลาะตามทางริมหน้าผาเรื่อยๆ ไม่นานก็ถึงบันไดทางลงไปยัง Firá Old Port เพื่อลงเรือไปทัวร์เกาะภูเขาไฟครับ
ครั้งที่แล้วผมเดินลงไปได้เกินครึ่งทางแล้วก็ไม่ไหวละ จะตัดสินใจขี่ลาลงไปก็ไม่มีลาผ่านมาเลย 55 วิธีการที่ง่ายที่สุดคือลงเคเบิ้ลคาร์ไปเลย
อ่านรีวิวเที่ยวทั่วเกาะ Santorini เมื่อ 8 ปีก่อนได้ที่ โดดเดี่ยว..เที่ยวเอง “กรี๊ด กรีซ GREECE” ตอนที่ 2 “Santorini” เมืองมนุษย์ หรือ สวรรค์ (บนดิน)
เดินวนอีกทางผ่าน Kathedrikós naós tou Agíou Ioánni tou Baptisti (St. John the Baptist Cathedral) กลับไปที่ถนนสายหลักทางเข้าเมืองและเดินไปสถานีรถบัส นั่งรถกลับเอีย
เดินชมเมือง Oia (Οία) ยามเย็น
แดดร่มลมตกกว่าตอนบ่ายๆ เยอะเลย นักท่องเที่ยวมหาศาลก็เริ่มแห่กันออกมาเดินเล่นแล้วครับ 555
เดินตาม Odós Nikolaou Nomikou ถนนคนเดินสายหลักของเอีย
ชมแสงเย็นปะทะผิวน้ำของทะเลอีเจียนพร้อมวิวบ้านเรือนสีขาวสะอาดตาที่ลดหลั่นตามแนวหน้าผาของเกาะซานโตรินีตามจุดชมวิวต่างๆ (เดี๋ยวเดินมาอีกทีพรุ่งนี้แล้วจะบอกพิกัดชัดๆ ให้นะครับ)
ภาพมันงดงามเกินบรรยายด้วยคำพูดครับ ชมรูปเองละกัน 😀
เดินไปจนเห็นมุมเอกลักษณ์ที่มีกังหันลมยักษ์โดดเด่นอยู่
ขอรับประทานอาหารค่ำรอพระอาทิตย์ตกตอนเกือบสองทุ่มก่อนแล้วค่อยเดินกลับมาที่จุดนี้เพื่อถ่ายรูปพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าลงสู่ทะเล
เลือกร้านที่วิวดีๆ มองเห็นโบสถ์หลังสีฟ้าสดชื่อว่า Terpsi n Oia
ร้านหรูๆ วิวเริ่ดๆ แบบนี้ ราคาก็ไม่เบาแน่นอน เมนูจานหลักราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ยูโร ส่วนเมนูกับแกล้มก็ประมาณ 15 ยูโร มื้อนี้เรา 2 คนหมดไป 69.50 ยูโร (vat ที่กรีซ 24% นะครับ แพงชิหาย 55)
เดินกลับไปที่เดิม พระอาทิตย์กำลังจะตกพอดีเลย ถ่ายรูปจากแถวๆ Kasteli of Agios Nikolaos (Skaros Fortress) พอเพราะไม่ไหวจะเบียดแทรกตัวเข้าไปถ่ายจากบนป้อมได้ #คนเยอะยังกะหนอน 555
วันที่ 3
วันนี้มีเวลาเดินเล่นใน Oia อีกเกือบเต็มวัน แต่ต้องออกเช้าตรู่หน่อยก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเยอะครับ 55
มาซานโตรินีครั้งที่ 2 แล้ว ไม่ต้องไปละเอียดทั่วเกาะเหมือนครั้งที่แล้วละ ขอหามุมสวยๆ น่ารักๆ ในเอียถ่ายรูปให้ดีกว่าครั้งก่อนดีกว่า
ต่อไปนี้จะบอกพิกัดจุดถ่ายรูปไปทีละจุดนะครับ
จุดแรก เดินตาม Odós Nikolaou Nomikou ถนนคนเดินสายหลัก ผ่านโบสถ์ Panagia Platsani (Παναγία Πλατσανή) เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแคบๆ ระหว่างร้าน Alexandros Jewelry กับโบสถ์โดมสีฟ้าสด (Εκκλησία) ที่อยู่สูงที่สุดของเอีย
จุดที่ 2 เดินลัดเลาะตามแนวหน้าผาต่ออีกไม่ไกล
จุดที่ 3 Kasteli of Agios Nikolaos หรือ Skaros Fortress (ใน google map คือ Byzantine Castle Ruins)
จุดหลักๆ มีเท่านี้ครับ
ต่อไปจะเดินลงไปยังท่าเรือที่ Ammoudi (Αμμούδι) ตรงปลายสุดของเกาะ โดยลงบันไดหน้าบ้านสีส้มอ่อนนี้
เดินลงไกลเหมือนกันนะ ถ้าไม่อยากเหนื่อยก็ขี่ลาได้ ครั้งที่แล้วผมขี่ขาขึ้น ค่าขี่ลา 5 ยูโร แต่ครั้งนี้เดินทั้งลงทั้งขึ้นเลยครับ #ปาดเหงื่อ
พอใกล้ 9 โมง คนก็เริ่มเยอะแล้ว ถ่ายรูปยาก บางที่ต้องรอคิวถ่ายนาน เดินกลับที่พักไปรับประทานมื้อเช้าดีกว่า
เหลือเวลาอีกเยอะ ลองเดินอีกทางหนึ่งออกนอกเขตทัวริสต์เข้าไปยังโซนโรงแรมไพรเวทสงบๆ ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่
ตรงตามแนวหน้าผาไปเรื่อยๆๆ
ตรงไหนสวยก็ลงไปถ่ายรูปเลย
เดินไปจนสุดที่โรงแรม Ikies Traditional Houses ตรงนี้จะมองเห็น Oia ได้ทั่วทั้งเมือง
เที่ยวเอียพอเท่านี้ครับ 😀
ไฟลท์กลับ Athens จะออกตอน 18.35 น.
ตั๋วเครื่องบิน Aegean Air ขา Santorini – Athens ราคา 128.55 ยูโร + ค่าโหลดกระเป๋า (checked baggage) 12 ยูโร = 140.55 ยูโร หรือประมาณ 5,580 บาท
วิธีการเดินทางจาก Oia ไปสนามบิน Santorini คือนั่งรถบัสไป Firá ต่อรถบัสอีกคัน ค่ารถเที่ยวละ 1.80 ยูโร แต่เวลารถบัสจาก Firá ไปสนามบินไม่ค่อยลงตัวกับเวลาไฟลท์ของเราเท่าไหร่ เลยต้องยอมจ่ายค่าแท็กซี่ 35 ยูโร
ดาวน์โหลดตารางเวลารถบัสได้ที่ Santorini bus timetable ดูเวลารถที่มุมขวาบนนะครับ
เช็คตารางเวลารถบัสจาก Firá ไปเมืองต่างๆ บนเกาะได้ที่ KTEL bus เลือก Services และ TimeTable
19.20 น. ถึงสนามบิน Athens Elefthérios Venizélos
สนามบินนานาชาติเอเธนส์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ห่างจากศูนย์กลางกรุงเอเธนส์ประมาณ 35 กิโลเมตร
นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 Aghia Marina – Athens International Airport (สีน้ำเงิน) มีรถทุกนาทีที่ 0 และ 30 ไปลงที่สถานี Syntagma ใช้เวลา 38 นาที ค่าตั๋วรถไฟใต้ดินราคา 10 ยูโร หรือนั่ง Airport Express สาย X95 (ระหว่างทางออก 4 กับ 5) ค่ารถ 6 ยูโร ลงที่จัตุรัส Syntagma เช่นกัน
เช็ควิธีการเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมือง Athens และไปท่าเรือ Piraeus ได้ที่ www.athensairportbus.com
เช็คเวลา Airport Express ได้ที่ www.athensairportbus.com
อัพเดทค่ารถได้ที่ www.oasa.gr

เดินผ่านจัตุรัส Syntagma (Πλατεία Συντάγματος) เลี้ยวซ้ายและขวาไปเข้าถนน Apollonos ในเขตเมืองเก่า เช็คอินที่ Omiros Hotel ห้องพักที่ Athens คืนนี้ราคา 82.80 ยูโร มีอาหารเช้า ถือว่าแพง แต่ทำเลโอเค เดินทางไปไหนมาไหนสะดวกมากครับ
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต