“ฟิจิ” คือประเทศหมู่เกาะที่น่าเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปออสเตรเลีย
เที่ยวเองไม่ได้ไปเที่ยวแค่ยุโรปนะครับ 55 ยิ่งเที่ยวมากขึ้นก็ยิ่งต้องหาประเทศ เมือง และสถานที่ให้กว้างและลึกขึ้นเรื่อยๆ ทริปนี้เราจึงจัดแผนเที่ยวเอง 2 ประเทศเกาะกลางมหาสมุทรแปซิฟิค นั่นคือ Fiji และ Samoa ครับ
รีวิวตอนนี้จะเป็นเรื่องเที่ยวประเทศฟิจิก่อนครับ เราไปเที่ยวเอง 2 เมืองของฟิจิคือ Nadi และ Suva ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ

วิธีการเดินทางไปประเทศฟิจิคือใช้สายการบิน Fiji Airways ซึ่งมีไฟลท์บินตรงเส้นทาง Singapore – Nadi ทุกวันจันทร์และเสาร์ ส่วนวันพุธและศุกร์จะต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ Melbourne ก่อน และวันจันทร์ อังคาร พฤหัส เสาร์ อาทิตย์ ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ Brisbane (ตารางบินแต่ละเดือนอาจไม่ตรงกัน)
นอกจากนี้ยังมีไฟลท์ออกจากฮ่องกง 4 วัน/สัปดาห์ด้วย
ส่วนขากลับ Nadi – Singapore มีไฟลท์บินตรงทุกวันจันทร์และเสาร์เช่นกัน
เช็คตารางเวลาเที่ยวบินและซื้อตั๋วได้ที่ www.fijiairways.com


คนไทยสามารถเดินทางเข้าฟิจิได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซ่า เพราะฉะนั้นเมื่อ Fiji Airways ออกโปรดีๆ มาเมื่อไหร่ก็ซื้อล่วงหน้าได้เลยครับ
เราออกเดินทางจากสิงคโปร์วันจันทร์และกลับวันจันทร์ของอาทิตย์ถัดไป
ขาไป แวะใช้ dnata Lounge ที่สนามบิน Changi อาบน้ำและหาอะไรรองท้องเบาๆ ก่อนเครื่องออกตอนเกือบสามทุ่ม


พร้อมบินข้ามทวีปอีก 10 ชั่วโมงแล้ว
เลือกสั่งอาหารตามเมนูที่จัดไว้ให้ รสชาติถูกปากทุกอย่างเลยครับ

เช้าวันอังคาร เครื่องบินเตรียมตัวร่อนลงจอดที่สนามบินนานาชาติ Nadi ประเทศฟิจิ

ถึง Nadi International Airport ตอน 11 โมงเช้า เท่ากับ 7 โมงเช้าเวลาสิงคโปร์ เวลากำลังดีเลยครับ
ในเดือนต.ค. เวลาของฟิจิเร็วกว่าเวลาไทย 5 ชั่วโมง และเร็วกว่าสิงคโปร์ 4 ชั่วโมง ถ้าเข้าสู่ฤดูร้อนแล้วเวลาจะบวกไปอีก 1 ชั่วโมง

แอร์โฮสเตสจะแจกใบเข้าเมืองให้กรอกสำหรับยื่นตอนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แม้คนไทยจะไม่ต้องมีวีซ่าฟิจิ แต่ก็ควรเตรียมเอกสารต่างๆ ติดตัวไว้เผื่อเจ้าหน้าขอดูด้วย เช่น ตั๋วเครื่องบินขากลับ ที่พัก หลักฐานการเงิน เป็นต้น
ถ้าตม. ถามว่ารู้จักประเทศเค้าได้ยังไง? ให้ตอบว่ารักบี้เก่งมากนะ ผ่านฉลุย 555
รับกระเป๋าแล้วต้องต่อคิวรอศุลกากรสแกนกระเป๋าทุกใบ คนฟิจิชิลล์มากกก ทำอะไรค่อนข้างช้า เสียเวลานานเหมือนกันครับ
พอผ่าน Custom มาได้ค่อยแลกเงิน
แลกที่สนามบินไม่ต้องมากก่อน แม้เรทจะไม่ต่างจากในเมืองเท่าไหร่ แต่ที่สนามบินมีค่าคอมมิชชั่น
อัตราแลกเปลี่ยนที่สนามบินในวันนั้นคือ 1 USD = 2.04 Fijian dollar (FJD หรือ $) แต่ป้ายบอกเรทดูไม่รู้เรื่องนะครับ ให้ถามพนักงานว่า 1 USD แลกเงินฟิจิได้เท่าไหร่เอา ตีเป็นเงินบาท 1 FJD เท่ากับ 15 บาทเศษครับ
เราแลกกันคนละครึ่งหนึ่งของเงินสดที่แพลนว่าจะใช้ใน 3 วันนิดๆ ที่อยู่ในฟิจิ คือ 50 USD ถ้าจำไม่ผิดโดนหักเงินค่าคอมไป 10 FJD แหนะ

มีเงินแล้วก็พร้อมเดินทางเข้าตัวเมือง Nadi
Nadi International Airport อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ Viti Levu ห่างจากศูนย์กลางเมือง Nadi ราว 9 กิโลเมตร
วิธีการเดินทางเข้าเมืองมี 4 วิธี คือ แท็กซี่มิเตอร์และธรรมดา รถ shuttle ของโรงแรมที่พักซึ่งอาจให้บริการฟรีหรือมีค่าใช้จ่าย รถเมล์ท้องถิ่น และรถบัสระหว่างเมืองของหลายบริษัทที่แวะรับส่งผู้โดยสารที่สนามบิน เช่น Sunbeam Bus, Coral Sun Express Bus, Pacific Express
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.fiji-airport.com
ที่พักของเราคือ Pullman Nadi Bay Resort & Spa ซึ่งไกลจากสนามบิน 8.3 กิโล ค่าแท็กซี่ประมาณ 20 FJD
เช็คค่า Airport Taxi ซึ่งเป็นแท็กซี่มิเตอร์ ราคาเริ่มต้น 5 FJD ไปยังเมืองต่างๆ ทั่วเกาะได้ที่ www.fiji-airport.com/taxi
ทริปนี้เราเอาแค่กระเป๋าลาก cabin size เป้ และกระเป๋าคาดอกไป เลยขอลองนั่งรถเมล์ท้องถิ่น (อยากสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน) เข้าไปลงในเมือง Nadi ก่อน เดินลากกระเป๋าเที่ยวเลย แล้วค่อยนั่งแท็กซี่เข้าโรงแรมทีเดียว เพราะถ้านั่งแท็กซี่เข้าๆ ออกๆ ระหว่างเมืองกับโรงแรมจะแพงร่วม 700 บาทเลย
ก่อนจะขึ้นรถเมล์ในเมืองและรถบัสระหว่างเมืองทุกคันจะต้องซื้อบัตรที่ช็อป Vodafone ในสนามบินซึ่งมีราคา 10 กับ 20 FJD ซื้อใบเดียวให้คนอื่นใช้ด้วยได้ บัตรนี้เติมเงินไม่ได้ ถ้าเหลือเงินในบัตรไม่พอ ต้องซื้อใบใหม่เลย
จากนั้นเดินตรงออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้า (คนละทางกับอาคารผู้โดยสารขาออกที่มีตัวอักษรว่า NADI) ตรงผ่านลานจอดรถบัสออกไปที่ถนนใหญ่ ข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเลี้ยวซ้ายไปรอรถเมล์ที่ป้าย
เห็นรถเมล์ไม่ว่าจะเก่าโทรมแค่ไหนขอให้เขียนป้ายว่า Nadi ก็โบกเรียกได้เลย ขึ้นรถไปแตะบัตร จำไม่ได้ว่าถูกตัดเงินไปเท่าไหร่ น่าจะ 1.25 FJD นะ

ไม่นานก็ถึงย่านโรงแรมระดับราคาปานกลางคือคืนละ 70-80 USD แต่ตัวเมือง Nadi ต้องนั่งต่อข้ามแม่น้ำไปอีก พอรถเมล์ข้ามสะพานก็จะเลี้ยวซ้าย (ถนนข้างหน้าเป็นทางวันเวย์ ตรงสวนไปไม่ได้) จอดป้ายนึง แล้วเลี้ยวขวาวนไปจอดที่สถานีรถบัสของเมือง (ใกล้ Nadi Market ใน google map)
บรรยากาศแถวนี้ดูจอแจวุ่นวายและสกปรกตามธรรมดาของสถานีรถบัสและตลาดสดกลางเมือง แต่ได้สัมผัสชีวิตจริงของชาวบ้านดี คนฟิจิหน้าตาโทรมๆ ไม่ใส่รองเท้าเดินเยอะ ไม่ต้องกลัวนะครับ แต่ยังไงก็ควรระวังทรัพย์สินมีค่าไว้ด้วย

เดินผ่านตลาดสดออกไปยังถนนหลักของเมืองชื่อ Queens Road (ถนนที่ตรงจากสะพานข้ามแม่น้ำมา)
เอาภาพบ้านเมืองในบริเวณศูนย์กลางการค้าของ Nadi มาให้ชมกัน

เลี้ยวซ้ายเดินตามถนน Queens ไปทางทิศใต้ราว 500 เมตรก็ถึงวัดแขกชื่อว่า Sri Siva Subramaniya Temple (ஸ்ரீ சிவ சுப்பிரமணியர் கோவில்) เหตุที่มีวัดฮินดูในฟิจิก็เพราะว่ามีคนอินเดียมาตั้งรกรากที่นี่เยอะมาก เดินตามถนนนึกว่ากำลังเดินอยู่ในอินเดีย

Nadi มีที่เที่ยวแค่นี้ครับ 555
เดินกลับเข้าถนน Queens กินข้าวกลางวันที่ร้านอาหารเอเซีย ค่าอาหารในร้านดีระดับปานกลางอยู่ที่มื้อละ 15-20 FJD ร้านอาหารแบบชาวบ้านราคาถูก ดูแล้วไม่น่าจะกินได้ครับ 555
แลกเงินเพิ่มอีก 50 USD ได้เรทดีกว่าที่สนามบินนิดหน่อยคือ 1 USD = 2.06 FJD แต่ไม่ถูกหักค่าคอมมิชชั่น
แล้วเรียกแท็กซี่ที่อยู่มากมายไปส่งที่ Pullman Nadi Bay Resort & Spa ค่ารถ 10 FJD

เปลี่ยนโหมดเข้าสู่โหมดพักผ่อนแบบหรูอย่างรวดเร็ว 555
ล็อบบี้กว้างขวางและประดับตกแต่งด้วยไม้แกะสลักลวดลายพื้นเมืองและผลงานศิลปะของศิลปินดังที่นี่

เราจองห้อง Superior King Room มาในราคาคืนละ 245 USD รวมอาหารเช้าและค่าต่างๆ ทุกอย่าง แต่ได้อัพเกรดเป็นห้อง Sea View หน้างานครับ
นี่คือห้องพักของเรา ว้าว! ห้องใหญ่มาก ห้องน้ำกว้าง มีระเบียงออกไปนั่งรับลมชมวิวทะเล เหมาะจะมานอนพักผ่อนช่วงวันหยุดสุดๆ




บ่ายนี้ไม่มีโปรแกรมอะไร เลยเดินสำรวจบริเวณต่างๆ ของโรงแรมสักหน่อย



รอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก


ปิดท้ายด้วยมื้อค่ำที่ KAH ร้านอาหารไทยของโรงแรม

เลือกสั่ง Entrée 1 อย่าง + Main course อีก 1 อย่าง ราคา 70 FJD

รสชาติอาหารจัดจ้านเพราะมีเชฟเป็นคนไทยนี่เอง

วันที่ 2 ในฟิจิ
วันนี้เราจะออกทะเลไปทำกิจกรรมทางน้ำที่เกาะเล็กๆ ไม่ไกลจากชายฝั่งในช่วงบ่าย
ตอนเช้าขอตื่นสายๆ หน่อยเพราะ 9 โมงเช้าที่ฟิจิเท่ากับตี 4 เวลาไทยเอง ยังปรับเวลาไม่ค่อยได้ 55
รับประทานอาหารเช้าที่นี่

แดดยังไม่แรงมาก คนยังไม่มี ขอว่ายน้ำเล่นให้เย็นสบายก่อน

ฟิจิมี 2 ฤดู คือ ร้อนกับร้อนน้อยหน่อย เหมือนบ้านเรา 555
ฤดูน่าเที่ยวของฟิจิคือฤดูหนาว (ร้อนน้อยหน่อย) ระหว่างเดือนพ.ค.-ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงฤดูแห้ง ฝนตกน้อยและโอกาสเกิดพายุไซโคลนต่ำ อากาศไม่ร้อนมาก อุณหภูมิประมาณ 24-30 องศาเซลเซียส แต่ช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. เป็นช่วง peak season ค่าโรงแรมที่พักและตั๋วเครื่องบินจะแพงขึ้นมาก ส่วนฤดูร้อนตั้งแต่เดือนพ.ย.-เม.ย. จะมีฝนตกมากโดยเฉพาะเดือนม.ค.-มี.ค. ช่วงเดือนธ.ค.-เม.ย. เป็นหน้าพายุไซโคลน ดังนั้นช่วงน่าเที่ยวที่ราคาไม่แพงคือเดือนพ.ค., มิ.ย. และ ต้นต.ค.
ฟิจิเป็นแหล่งดำน้ำลึกที่มีชื่อเสียงไม่น้อย เช่น Beqa Island แต่เราไม่ใช่สายดำน้ำ scuba เลยเลือกซื้อทัวร์ South Sea Island Half Day Trip ของ Rosie Holidays ไปทำกิจกรรมทางน้ำชิลล์ๆ ครึ่งวันบ่ายที่ South Sea Island ค่าทัวร์ราคาคนละ 82 ยูโร รวมค่าเรือ ค่ารถรับ-ส่งจากโรงแรมต่างๆ ตามเวลาที่กำหนดซึ่งต้องจองตอนซื้อทัวร์ ค่าบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันบนเกาะ และน้ำดื่มไม่จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.fiji-bookings.com

ในแผนที่ไม่มีรถมารับที่ Pullman แต่จริงๆ ที่บู๊ทของ Rosie Holidays อยู่ที่โรงแรมและมีรถมารับประมาณ 11.15 น. ครับ
รถจะจอดรับลูกค้าตามโรงแรมต่างๆ และไปส่งที่ท่าเรือ Port Denarau บน Denarau Island เกาะรีสอร์ทหรูหรา 5 ดาวไม่ไกลจากเมือง Nadi

มีทัวร์พาไปเกาะต่างๆ ของกลุ่มเกาะ Mamanuca Islands หลายเกาะ หลายราคา แต่เท่าที่ลองอ่านข้อมูลและดูรูปแล้ว เราชอบ South Sea Island ที่สุด
นั่งเรือของ South Sea Cruises แค่ 30 นาทีก็ถึงเกาะแล้ว

กินข้าวไป ชมการแสดงพื้นเมืองไป


จากนั้นก็เป็นเวลาอิสระ ใครอยากทำอะไรตามใจเลย เช่น เล่นน้ำสระ เล่นวอลเล่ย์บอลชายหาด นอนอาบแดด พายเรือคายัค ดำน้ำสน็อกเกิ้ล ลงเรือท้องกระจกชมปะการัง
ใครอยากค้างบนเกาะก็ได้ มีที่พักแต่ราคาแรงอยู่





เย็นๆ เรือมารับกลับท่าเรือ Denarau

นั่งรถบัสฟรีกลับเข้าเมือง Nadi และโรงแรม
ค้างที่ Nadi เป็นคืนที่สอง
วันที่ 3 ในฟิจิ
วันนี้เราจะไปเที่ยว Suva เมืองหลวงของประเทศฟิจิแบบไปเช้าเย็นกลับ
กรุงซูวาอยู่ตรงปลายแหลมทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะ Viti Levu ห่างจาก Nadi ประมาณ 185 กิโลเมตร
วิธีการเดินทางไปคือรถบัสซึ่งมีให้บริการหลายบริษัท เช่น Pacific Express, Sunbeam Bus ใช้เวลาพอๆ กัน
เราเลือกใช้รถบัสของ Pacific Express เพราะสภาพรถดีกว่า
ไปถึงสถานีรถบัส Nadi (ใกล้ Nadi Market) ก่อนเวลารถออกตอน 9 โมงเช้า 15 นาที ซื้อบัตรแบบเดียวกับที่ใช้จ่ายค่ารถบัสจากสนามบินเข้าเมืองที่ซุ้มขายของ Vodafone ใบละ 20 FJD คนละ 2 ใบ สำหรับจ่ายค่ารถขาละ 14.60 FJD เพราะต้องมีเงินพอในบัตรใบเดียว ไม่สามารถรูดค่ารถที่เหลือจากอีกใบนึงเพิ่มได้ และเติมเงินเพิ่มเข้าบัตรให้พอค่ารถก็ไม่ได้ด้วย
เช็คตารางเวลารถบัสได้ที่ www.pacifictransport.com.f่j/timetable
เช็คค่ารถบัสได้ที่ www.pacifictransport.com.fj/expressfare
นั่งรถบัสตามถนนเลียบทะเลประมาณ 4 ชั่วโมงก็ถึง Suva Bus Station (เบอร์ 1 ในแผนที่ข้างบน)
จริงๆ ระยะทางไม่ไกลมาก แต่เส้นทางรวมๆ เป็นถนนแคบแค่รถสวนกัน บางช่วงขึ้นเขาไม่สูง จำกัดความเร็วเป็นระยะๆ ตลอดทาง และจอดรับส่งคนริมถนนบ่อยด้วย
สถานีรถบัสอยู่ทางเหนือของเมือง ลงรถบัสแล้วพยายามเดินออกจากลานจอดรถให้เร็วเพราะแถวนี้ดูเละเทะวุ่นวายมาก 555 และให้เดินไปทางขวาตามถนนหลักเข้าศูนย์กลางเมืองชื่อ Rodwell Road ตรงไปหาอะไรกินที่ห้างใหญ่ในเมือง
เดินข้ามคลองตามถนน Scott ตรงผ่านสวน Ratu Sukuna Park ไปไม่ไกลก็เห็นอาคาร Government Buildings Suva อยู่ทางซ้ายมือ (ระยะทางจากท่ารถบัสประมาณ 1.4 กม.)

เลยไปหน่อยคือ Grand Pacific Hotel โรงแรมหรูที่สุดของเมือง ถ้าจำไม่ผิดเป็นฉากในภาพยนตร์ James Bond ภาค Skyfall ด้วย

เดินเข้าไปดูข้างในหน่อย สวยงาม เรียบหรู ดูแพง และก็แพงจริงๆ 555

ออกจากโรงแรมข้ามถนนไปยังสนามหญ้ากว้าง ตรงนี้เรียกว่า Albert Park มีคนมาเล่นรักบี้ซึ่งเป็นกีฬาที่คนฟิจิชื่นชอบมากที่สุด

เขียนรีวิวมาตั้งนาน ลืมบอกไปว่ามาฟิจิใช้ Sanook WiFi ได้นะครับ ไม่ต้องซื้อซิมก็ได้ และ WiFi ตามโรงแรมต่างๆ ส่วนใหญ่ต้องเสียเงินไม่น้อย

เดินตามถนนใหญ่หน้า Grand Pacific Hotel ต่อไปเข้าประตู Thurston Gardens สวนอีกฝั่งของ Albert Park ในสวนเป็นที่ตั้งของ Fiji Museum พิพิธภัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ สัตว์และพืชดึกดำบรรพ์

ซูวาไม่มีอะไรให้เที่ยวเท่าไหร่ครับ เรามาเพราะอยากเที่ยวเมืองหลวงด้วยแค่นั้น
เดินกลับทางเดิมพอผ่าน Ratu Sukuna Park และ McDonald’s ก็เลี้ยวขวาเดินอีกนิดไป Sacred Heart Cathedral โบสถ์สวยงามที่สุดในเมือง
เดินกลับไปยังถนนหลักและเดินกลับท่ารถบัส
5 โมงเย็น นั่งรถบัสกลับ Nadi อีก 4 ชั่วโมงใช้บัตร 20 FJD อีกใบจ่ายค่ารถอีก 14.60 FJD
เรียกแท็กซี่กลับโรงแรม 20 FJD
ค้างคืนที่ Nadi
เราอยู่ในฟิจิอีกครึ่งวันก่อนบินไป Apia เที่ยวประเทศซามัว 2 วัน
จากนั้นบินกลับฟิจิมาค้างอีก 1 คืนที่โรงแรมตรงข้ามสนามบิน สายวันรุ่งขึ้นจึงบินกลับสิงคโปร์และเปลี่ยนเครื่องกลับไทย

*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต