สาธารณรัฐเช็กครั้งที่ 2 ของเที่ยวเอง
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราเคยมาเที่ยวเช็กในทริปเดียวกับโปแลนด์เหมือนครั้งนี้เลย โดยไปเที่ยวแค่เมืองท่องเที่ยวหลักตามท่ามาตรฐานเบสิคของคนไทย คือ Prague, Český Krumlov, Karlovy Vary และได้เขียนรีวิวไว้ในเว็บนานมากแล้ว
คราวนี้กลับมา Czech อีกเพื่อเที่ยวเมืองเล็กๆ ที่สวยงามแต่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก เข้า Prague ไปเที่ยวซ้ำเพราะครั้งที่แล้วผิดแผนพอสมควรทำให้รู้สึกว่ายังไม่ฟิน และไป Karlovy Vary อีกหนเพราะโคตรชอบเมืองนี้ อยากกลับไปเยือนซ้ำครับ
ค่อยๆ ติดตามไปทีละรีวิวนะครับว่าเมืองเล็กๆ ของเช็กที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นชื่อที่เราจะไปมีเมืองอะไรบ้าง สำหรับรีวิวตอนแรกนี้จัดให้ 3 เมืองก่อนละกัน 😀

ย้อนความเดิมทั้งทริปตั้งแต่ เยอรมัน – โปแลนด์ ได้จาก 6 รีวิวด้านล่างครับ
เที่ยวเอง GERMANY กี่ครั้งก็ยังไม่พอ ตอนที่ 1 “Bamberg – Coburg” สองเมืองทางเลือกใหม่ในบาวาเรีย
เที่ยวเอง GERMANY กี่ครั้งก็ยังไม่พอ ตอนที่ 2 “Leipzig” ชีวิตชีวาแห่งเยอรมันตะวันออก
เที่ยวเอง GERMANY กี่ครั้งก็ยังไม่พอ ตอนที่ 3 “Dresden” เมืองเก่าแก่ที่สร้างใหม่ให้เหมือนเก่า
เที่ยวเอง GERMANY กี่ครั้งก็ยังไม่พอ ตอนที่ 4 “Basteibrucke – Bautzen” ทริปไปเช้าเย็นกลับจากดรีสเดน
เที่ยวเอง Poland รอบสอง..ต้องหาเมืองใหม่ๆ เที่ยว ตอนที่ 1 “Wroclaw – Lodz เมืองสีสันสวยสด กับ เมืองโมโนโทนของคนสายฮิป
เที่ยวเอง Poland รอบสอง..ต้องหาเมืองใหม่ๆ เที่ยว ตอนที่ 2 “Krakow – Katowice” พาชมสองเมืองต่างเสน่ห์ของโปแลนด์ใต้
นี่คือแผนที่เส้นทางทั้งทริปครับ

วันที่ 9 ของทริป เรานั่งรถตู้จากเมือง Katowice ของโปแลนด์ มาถึงสถานีรถบัสเล็กของ Brno (ใกล้สถานีรถไฟกลาง Brno hlavní nádraží) เกือบ 5 โมงเย็น เดินไปเช็คอินที่ Penzion Dvořákova ก็มืดแล้ว
เดินประมาณ 250 เมตรเข้าจัตุรัสกลางเมืองไปแลกเงิน Czech koruna (ตัวย่อคือ Kč หรือ CZK) ที่ Brno เรทดีกว่าที่ปรากเยอะครับ เราได้เรท 1 Euro = 25.40 CZK คิดง่ายๆ กลมๆ 1 CZK ประมาณ 1.50 บาท
เดินเล่นนิดหน่อยและกินอาหารเย็นแถวนี้

คืนนี้ค้างที่ Brno
เข้าสู่วันที่ 10 ของทริป
8 โมงเช้าออกจากที่พักตรงเข้าถนนฝั่งตรงข้าม นิดเดียวก็เลี้ยวขวาที่ถนน Kobližná ตรงไปอีกหน่อยก็ถึง Náměstí Svobody (Freedom Square) จัตุรัสใจกลางเมืองที่รายล้อมด้วยอาคารทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ บริเวณนี้เป็นสถานที่จัดงานกลางแจ้งหลักของเมืองซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมายตลอดเวลา

เดินไปทางซ้ายตรงตามทางรถรางไปจนสุดถนน (ระยะทางประมาณ 600 เมตร) ก็เห็นสถานีรถไฟกลาง Brno hlavní nádraží อยู่อีกฝั่งถนนทางซ้ายมือ

เข้าไปในสถานีรถไฟ ซื้อตั๋วรถไฟไปกลับ Brno – Mikulov ราคาเต็มใบละ 209 CZK แต่รู้สึกว่าถ้ามาด้วยกัน 2 คน คนแรกจะคิดราคาเต็ม ส่วนอีกคนจะได้ลดครึ่งราคาครับ
ค้นหาตารางเวลารถไฟและรถบัสของเช็กได้ที่ jizdnirady.idnes.cz
ซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ www.cd.cz
ไป Mikulov
รถไฟขบวน Rx 805 ออกเวลา 08.36 น. นั่งไปประมาณ 40 นาทีก็ลงที่สถานี Břeclav

ต่อขบวน Os 4508 ตอน 09.34 น. และไปถึงสถานีรถไฟ Mikulov na Moravě เกือบ 10 โมงเช้า ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 23 นาที


เที่ยว Mikulov
Mikulov เมืองโบราณใน Jihomoravský kraj (South Moravian Region) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ติดกับพรมแดนประเทศออสเตรีย เมืองที่เป็นชุมชนใหญ่ของชาวยิวมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 แห่งนี้มีชื่อเสียงจากการเป็นแหล่งผลิตไวน์สำคัญของประเทศเพราะมีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสม บวกกับความสามารถของชาวเมืองที่มีมาตั้งแต่อดีตกาล นักท่องเที่ยวส่วนมากจึงนิยมเดินทางมาเพื่อชมไร่องุ่นและชิมไวน์รสชาติเยี่ยม

ออกจากสถานีรถไฟ (พิกัดใน Google map คือ Mikulov, železniční Stanice ทางตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมือง) เลี้ยวขวาแล้วโค้งซ้ายไปตามทาง ตรงผ่านคาสิโนใหญ่ไปเลี้ยวขวาที่สามแยกใหญ่แล้วเลี้ยวซ้ายเดินตามถนน Piaristů ตรงยาวเข้าเมืองเก่าไปยัง Historické náměstí v Mikulově (Historic Square) จัตุรัสเมืองเก่าที่ล้อมรอบด้วยอาคารสไตล์เรอเนสซองส์ยุคศตวรรษที่ 17 อันสวยงามคลาสสิก (ระยะทางจาก Casino ประมาณ 1 กิโลเมตร)


อาคารโดดเด่นหนึ่งในบริเวณนี้คือ Sgrafitový dům U Rytířů (Graffiti Knight’s House) บ้านหมายเลข 11 ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1591 ซึ่งประดับด้วยการวาดลวดลายสไตล์เรอเนสซองส์ที่กำแพง

ตรงกลางจัตุรัสมี Sousoší Nejsvětější Trojice (Statue of the Holy Trinity) เสาคอลัมน์ที่สร้างเมื่อปีค.ศ. 1723 ตามความเชื่อเพื่อให้ชาวเมืองปลอดภัยจากโรคระบาด
ส่วนด้านหลังคือ Dietrichsteinská hrobka (Dietrichstein tomb) ที่ฝังศพของครอบครัว Dietrichstein ขุนนางชั้นสูงของออสเตรีย


มองไปอีกทาง ขวามือคือยอด Kostel sv. Václava (Church of St. Wenceslas) โบสถ์สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ที่คาดว่าสร้างขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 12 ซึ่งมีหอนาฬิกาสูงโดดเด่น ส่วนทางซ้ายคือ Zámek Mikulov (Mikulov Castle)

เดินไปทางซ้ายขึ้นไปยัง Zámek Mikulov (Mikulov Castle) ปราสาทยุคปลายศตวรรษที่ 13 ตั้งอยู่บนเนินเขาจุดสูงสุดของเมือง ในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพเยอรมันได้จุดไฟเผาทำลายเมืองก่อนจะถอนกำลังออกไป ปราสาทและทรัพย์สมบัติภายในจึงได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด จนถึงช่วงทศวรรษ 1950 จึงได้มีการบูรณะปราสาทอีกครั้ง

ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมืองซึ่งรวมถึงการผลิตไวน์ที่สืบทอดกันมายาวนาน เปิดให้เข้าชมวันที่ 25 มี.ค.-26 พ.ย. แต่ละช่วงเดือนเวลาเปิดปิดต่างกัน โดยทั่วไปเปิดตั้งแต่ 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชมราคาสูงสุด 120 CZK
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ visit Mikulov Castle


เดินกลับไปที่จัตุรัสกลางเมืองตรงไปทางหอนาฬิกาของโบสถ์ St. Wenceslas แล้วเลี้ยวซ้ายเดินขึ้นเนินตามถนน Brněnská แป๊บเดียวก็เจอทางแยกที่มีทางเดินตรงไป ทางเดินขึ้นเนินตรงกลาง และถนนทางขวาสุด ให้เดินผ่านลานจอดรถเข้าทางเดินตรงกลางไปขึ้นบันไดตรงขึ้นเขาไปยัง Kozí hrádek (Goat Tower) หอคอยยุคศตวรรษที่ 15 บนเนินเขาหลังตัวเมือง


จากหอคอยต้องเดินลงไปนิดนึงจะมีโขดหินให้ไปนั่งถ่ายรูปวิวมุมสูงที่สวยงามที่สุดของมิคูลอฟได้



เดินลงเขากลับทางเดิมไปที่ Historické náměstí v Mikulově (Historic Square) หรือจัตุรัสเมืองเก่า แวะกินข้าวเที่ยงแถวๆ นี้ก่อน

จากนั้นเดินตามเส้นทางเดิมกลับสถานีรถไฟ แต่พอออกเขตเมืองเก่าก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Svobody ไปทางภูเขา ตรงนี้มีป้ายรถเมล์สาย 585 ที่มาจากสถานีรถไฟได้ ถ้าขี้เกียจเดินก็นั่งรถเมล์ได้ แต่ต้องถามคนขับรถหน่อยว่าไปที่ที่เราจะไปมั้ย เพราะเหมือนจะมีแยกไป 2 เส้นทาง

พอสุดทางก็เลี้ยวซ้าย นิดนึงก็ถึงถนน Novokopečná ทางขึ้นเขาไปยังอีกจุดชมวิวหนึ่ง

เดินขึ้นไปนิดก็เห็น Piaristický dům (Piaristenkirche und–kloster) โบสถ์สีชมพูหวานแหวว

เดินต่อขึ้นไปเรื่อยๆ เข้าป่าไปตามทางแคบๆ ไกลพอสมควรก็เริ่มเห็นวิวมุมสูงอีกมุมมอง

ยังไม่สุดครับ ข้างบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของ Kaple sv. Šebastiána (Chapel of St. Sebastian)

โบสถ์นั้นก็คือโบสถ์เล็กๆ ที่เห็นอยู่บนยอดเขาตั้งแต่อยู่ในเมืองเก่านั่นเอง เดินมาไกลมากกก 555

เดินขึ้นเขาต่อไปจนถึงโบสถ์ แต่วิวก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ตอนบ่ายหมอกหนาขึ้นด้วย อากาศไม่ค่อยเป็นใจเท่าไหร่ครับ


เดินลงเขากลับทางเดิม เลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวาเดินตามถนน Svobody จนสุดทางที่ถนนทางเข้าเมืองเก่า (ที่เดิม) เลี้ยวซ้ายเดินตามถนน Piaristů เส้นทางเดิมกลับสถานีรถไฟ Mikulov na Moravě
กลับ Brno
รถไฟขบวน Os 4515 ออกจาก Mikulov เวลา 13.59 น. รอต่อขบวน Rx 808 ที่สถานี Břeclav 20 นาที และกลับถึงสถานีรถไฟกลาง Brno hlavní nádraží 15.24 น.
ถ้านั่งรถเมล์สาย 105 จากป้ายหน้าสถานีรถไฟกลับ Brno ใช้เวลาพอๆ กัน ค่าตั๋ว 63 CZK ถูกกว่ารถไฟ แต่รถเมล์จะไปส่งที่สถานีรถบัสใหญ่คือ Ústřední autobusové nádraží Brno หรือ Brno, ÚAN Zvonařka (Brno Zvonařka) ซึ่งไกลจากสถานีรถไฟกลาง Brno hlavní nádraží 700 เมตร และไกลจากจัตุรัสใจกลางเมือง Náměstí Svobody (Freedom Square) ประมาณ 1.3 กิโลเมตร แต่สามารถข้ามสะพานลอยเข้าไปในห้าง Gallery Vaňkovka ลงไปชั้นล่าง เดินลัดออกไปยังด้านหน้าสถานีรถไฟได้เลย
เราจะเริ่มเดินเที่ยวเมือง Brno จากสถานีรถไฟกลาง Brno hlavní nádraží

Brno (เบรอโน) คือเมืองใหญ่อันดับ 2 ของสาธารณรัฐเช็กและเมืองหลวงของ Jihomoravský kraj (South Moravian Region) เขตเมืองตั้งอยู่บนจุดบรรจบกันของแม่น้ำ Svitava กับ Svratka เมืองเก่าแก่อายุกว่า 1,000 ปีแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอาณาจักร Moravia ในอดีต โดยในเขตเมืองยังคงกลิ่นอายบรรยากาศยุคกลางไว้อย่างครบถ้วน
เบรอโนไม่ค่อยมีอะไรเที่ยวครับ เรามาเมืองนี้เพื่อใช้เป็นจุดตั้งหลักในการเดินทางไป Mikulov เดินเล่นแค่ตอนมืดแล้วก็ได้ 55
ออกจากอาคารสถานีรถไฟ ข้ามถนนเดินไปทางซ้ายจนถึงถนน Masarykova ทางเดินเข้าเมืองไปยัง Náměstí Svobody (Freedom Square) ไม่เลี้ยวขวาเข้าไป แต่เดินตรงเข้าถนนแคบๆ ขึ้นเนินไปและขึ้นบันไดต่อก็เจอป้อมกำแพงเมือง ขึ้นบันไดป้อมต่อไปยังโบสถ์ที่อยู่ด้านบน นั่นคือ Katedrála svatého Petra a Pavla (Cathedral of Saints Peter and Paul)

มหาวิหารที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ แห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อช่วงต้นทศวรรษที่ 20 ในสถาปัตยกรรมแบบบาโรคโดยมีหอคอยสไตล์โกธิคประยุกต์เป็นสัญลักษณ์ มหาวิหารนี้มีอีกชื่อว่า Petrov Cathedral ตามชื่อเนินเขาที่ตั้งอยู่นั่นเอง
เดินอ้อมไปยังด้านหน้าโบสถ์

เดินลงไปที่ถนนด้านล่าง ตรงไปนิดแล้วแยกซ้ายเข้าสวน Denisovy sady (Denis gardens) สวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในสาธารณรัฐเช็กเป็นอีกแหล่งพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมของชาวเมือง

จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวเมืองที่อยู่ด้านล่างและ Hrad Špilberk (Špilberk Castle) ปราสาทบนเนินเขาสูงเหนือเขตเมืองที่สร้างขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 13 ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์แห่งอาณาจักร Moravia
ต่อมาในยุคที่ปกครองโดยจักรวรรดิ Austro-Hungarian ได้กลายเป็นสถานที่คุมขังนักโทษสถานหนักหลายคน กระทั่งปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์และร้านอาหารที่สามารถซึมซับบรรยากาศเก่าขลังแบบดั้งเดิมได้ เดือนพ.ค.-ก.ย. เปิด 09.00-18.00 น., เดือนต.ค.-เม.ย. เปิด 10.00-17.00 น. ค่าเข้าชมราคา 120 CZK

เดินย้อนกลับไปทางมหาวิหาร St. Peter and Paul ตรงลงเขาไปยังจัตุรัส Zelný trh ซึ่งตรงกลางจัตุรัสมี Kašna Parnas (Parnas fountain) ส่วนทางขวาเป็นที่ตั้งของ Moravské zemské museum (Moravian Museum) พิพิธภัณฑ์เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศ ก่อตั้งโดยจักรพรรดิ Francis ที่ 1 เมื่อปีค.ศ. 1817 ด้านในรวบรวมโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักร Moravia ไว้มากมาย
ในส่วน Dietrichstein Palace เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคาร-อาทิตย์ 09.00-17.00 น. ยกเว้นวันอังคารเปิดถึง 15.00 น. และเสาร์-อาทิตย์เปิด 13.00-18.00 น. ค่าเข้าชมราคา 150 CZK



เดินไปทางยอดแหลมสูงของ Stará radnice (Old Town Hall) ตามถนน Radnická ไม่กี่เมตรก็ถึงหน้าที่ว่าการเมืองแห่งเก่าที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ตรงอาคารมีรูปปั้นสัญลักษณ์ของเมืองคือ Brněnský drak (Brno Dragon)

เลี้ยวขวาที่ถนนไหนก็ได้ก็จะกลับไปที่ถนน Masarykova

เดินกลับไปยัง Náměstí Svobody (Freedom Square) ตรงต่อไปเข้าถนน Rašínova อีกนิดก็ถึง Kostnice u sv. Jakuba (Kostel sv. Jakuba) หรือ Church of St. James หนึ่งในโบสถ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองสร้างขึ้นในสไตล์โกธิคตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ใต้โบสถ์เป็นโกศที่เก็บโครงกระดูกไว้มากมายกว่า 50,000 ศพ โดยได้ชื่อว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากที่ฝังศพใต้ดินของกรุงปารีส
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.gotobrno.cz

เลยไปนิดคือ Moravské náměst (Moravian Square) จัตุรัสขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของ Místodržitelský palác (Governor Palace) อดีตวังของผู้ปกครองเมืองที่ปัจจุบันเป็นอาร์ทแกลเลอรี่จัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับอาณาจักร Moravia ติดกันคือ Kostel svatého Tomáše (Church of St. Thomas) โบสถ์ยุคกลางศตวรรษที่ 14 สถาปัตยกรรมแบบบาโรค

เดินกลับไปหาอะไรกินมื้อเย็นแถว Náměstí Svobody (Freedom Square) และเดินกลับโรงแรม
ค้างคืนที่ Brno อีกคืน
วันที่ 11 ของทริป
เช้าวันนี้เราจะไปเมือง Telč และตอนบ่ายก็จะเข้ากรุง Prague กันแล้ว

นัดแท็กซี่มารับไปสถานีรถบัส Ústřední autobusové nádraží Brno (Brno Zvonařka) ค่าแท็กซี่มิเตอร์ 150 CZK

ซื้อตั๋วรถบัส Brno – Telč ของ Tourbus ราคา 145 CZK (ซื้อจากคนขับรถก็ได้)
เช็คเวลารถบัสได้ที่ www.tourbus.cz

เวลาทำการตามนี้เลย

08.45 น. คือเวลาออกเดินทาง
ก่อนขึ้นรถต้องจ่ายค่ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใบละ 10 CZK

10.38 น. รถบัสเข้าจอดที่ท่ารถบัส Telč Autobusové nádraží
เดินไปฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟที่อยู่ข้างหน้า ให้บอกคนขายตั๋วที่เคาน์เตอร์ว่าจะฝากกระเป๋า เค้าจะพาไปห้องฝากด้านหลังเคาน์เตอร์ครับ เราฝากหลายใบ ค่าฝากตกใบละประมาณ 35 CZK

เดินเที่ยวเมือง Telč
Telč (เตลช์) คือเมืองเล็กๆ ใน Kraj Vysočina (Highlands Region) ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐเช็ก ในอดีตเคยเป็นจุดพักสำคัญของเส้นทางการค้าระหว่างอาณาจักรโบฮีเมียน (ปราก) และอาณาจักรออสเตรีย (เวียนนา) ทำให้เมืองนี้ผสมผสานไปด้วยวัฒนธรรมของทั้งสองอาณาจักรที่ลงตัวอย่างยิ่ง
ออกจากสถานีรถไฟ เดินตรงไปจนถึงวงเวียน ตรงต่อเข้าถนน Masarykova โค้งซ้ายไปแล้วแยกขวาเดินเข้าไปและเลี้ยวซ้ายเดินไปอีกนิดก็เห็น Kostel sv. Ducha (Church of the Holy Spirit) โบสถ์เก่าแก่ที่โดดเด่นด้วยหอคอยสไตล์โรมาเนสก์ยุคกลางศตวรรษที่ 13 ซึ่งในอดีตใช้เป็นหอสังเกตการณ์ ปัจจุบันหอคอยนี้ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในเมือง สามารถขึ้นไปบนยอดหอคอยได้เฉพาะในฤดูร้อน ค่าขึ้นชมราคา 15 CZK

ข้ามสะพานหินเข้าสู่เมืองเก่าตรงไปยัง Náměstí Zachariáše z Hradce (Zacharias of Hradec Square) จัตุรัสกลางเมืองที่มีลักษณะเป็นทางยาว เรียงรายด้วยบ้านเรือนและร้านค้าสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์และบาโรคที่ตกแต่งด้วยสีสันตัดกันสวยงามและแปลกตา องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ. 1992



กลางจัตุรัสมี Historický památník (Historic monument) คือ Mariánský sloup (Marian column) หรือ Morový sloup (Plague column) และน้ำพุที่ประดับตกแต่งด้วยรูปปั้นที่แกะสลักอย่างปราณีต


เดินตรงตามแนวยาวของจัตุรัสเมืองเก่า ทางซ้ายมือคือ Kostel Jména Ježíš (Name of Jesus Church) โบสถ์หอคอยคู่สถาปัตยกรรมบาโรคที่สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีค.ศ. 1667

เลยไปนิดคือ Státní zámek Telč (Zámek Telč) หรือ Telč state chateau พระราชวังศิลปะอิตาเลียนเรอเนสซองส์ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบใหม่ของช่างศิลป์ชาวอิตาลีในช่วงศตวรรษที่ 15 โดยแรกเริ่มพระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในสไตล์โกธิค
ทุกวันนี้เปิดให้เข้าชมด้านในที่แบ่งเป็นส่วนต่างๆ ได้ โดยเปิดเฉพาะช่วงเดือนเม.ย.-ต.ค. เท่านั้น เวลาเปิด-ปิดแตกต่างกันในแต่ละเดือน ค่าเข้าชมราคา 120 CZK
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ visit Telc Castle

เดินย้อนทางเดิมไปเลี้ยวขวาเข้าซอกแคบๆ ข้างบ้านเก่าแก่ (ถนน Masných krámů)


ตรงไปข้ามสะพานไม้เพื่อถ่ายรูปวิวเมืองเก่าเตลช์


ข้ามสะพานกลับไปยังจัตุรัสเมืองเก่า หาร้านอาหารสำหรับมื้อกลางวันแถวนี้
จากนั้นก็เดินตามเส้นทางเดิมกลับสถานีรถไฟ


ไป Prague
เราซื้อตั๋วรถไฟ Telč – Prague ทางออนไลน์มาก่อนแล้วในราคาใบละ 179 CZK
ค้นหาตารางเวลารถไฟและรถบัสของเช็กได้ที่ jizdnirady.idnes.cz
ซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ www.cd.cz
เส้นทางนี้ค่อนข้างลำบากครับ ไม่มีรถไฟและรถบัสตรง (ไม่รู้เป็นเฉพาะวันที่เราต้องการเดินทางรึเปล่า) ยังไงก็ต้องเปลี่ยนรถไฟและรถบัสหลายครั้ง เราจึงเลือกใช้รถไฟต่อรถไฟต่อรถไฟซึ่งสะดวกที่สุดแล้วครับ
ตารางเวลาตามนี้

14.04 น. รถไฟขบวน Os 28312 ออกจาก Telč ต้องเปลี่ยนขบวน 2 ทีที่สถานี Kostelec u Jihlavy และ Havlíčkův Brod

เกือบ 6 โมงเย็นเราก็เข้าถึงเมืองหลวงที่สถานีรถไฟกลาง Praha hlavní nádraží (Praha hl.n.) ตอนนี้สถานีปรับปรุงใหม่ สะอาดและดูปลอดภัยกว่าครั้งก่อนที่มาเยอะเลยครับ
ซื้อ 24 Hodinová Přestupní Jízdenka (24 Hour Transfer Ticket) หรือ 1 day pass สำหรับผู้ใหญ่และเยาวชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ราคา 110 CZK ที่เคาน์เตอร์ขายตั๋วในสถานีรถไฟ ตั๋ว 24 ชั่วโมงนี้ใช้โดยสารขนส่งสาธารณะในปรากได้ทุกชนิดภายในระยะเวลาที่ตั๋วยังไม่หมดอายุ
อัพเดทข้อมูลได้ที่ Prague transportation fares

เดินลงไปสถานีรถไฟใต้ดิน Hlavní nádraží นั่งรถไฟใต้ดินสาย C (สีแดง) 1 สถานีไปที่สถานี Muzeum ต่อสาย A (สีเขียว) อีก 5 สถานีไปลงที่สถานี Dejvická ขึ้นจากสถานีเดินอีกไม่กี่เมตรก็ถึงโรงแรม Vienna House Diplomat Prague แล้ว

*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต