กลับมาสวิสอีกครั้ง ต้องเที่ยวลูเซิร์นอีกที
เที่ยวกันต่อในวันที่ 2 ในสวิส (วันเที่ยววันแรก) หลังจากเดินชมเมืองและกินข้าวเที่ยงที่ Zürich เสร็จแล้ว ตามรีวิวตอนแรกด้านล่างนี้
ซัมเมอร์อินสวิตเซอร์แลนด์ ตอนที่ 1 เที่ยวเอง “Zürich” อีกทีก็มีมุมใหม่ให้ถ่ายรูป
ช่วงบ่ายวันเดิมนี้ เรานั่งรถไฟจากสถานีรถไฟ Zürich HB ข้ามรัฐเข้าสู่รัฐ Lucerne (Luzern) แวะถ่ายรูปเมือง Luzern แป๊บเดียว แล้วนั่งเรือข้าม Vierwaldstättersee หรือทะเลสาบลูเซิร์น และต่อ Bürgenstock Bahn หรือรถรางไฟฟ้าขึ้นเขาไปยัง Bürgenstock Hotels & Resort
ใช้ Swiss Travel Pass ขึ้นรถไฟจาก Zürich ไป Luzern ขบวนเวลาไหนก็ได้ฟรี
เช็คตารางเวลารถไฟสวิตเซอร์แลนด์ได้ที่ www.sbb.ch
เรือจาก Luzern ไปยังท่า Kehrsiten-Bürgenstock ก็ฟรีเช่นกัน แต่ค่า Bürgenstock Bahn (Funicular) ขึ้นเขาจะได้ส่วนลด 50%
ดูแผนที่เส้นทางทั้งหมดของทริป 8 วัน ได้จากแผนที่นี้ครับ
เริ่มเที่ยว Luzern ตอนบ่ายโมงครึ่ง
ตอนแรกวางแผนว่าจะเดินตามเส้นทางหลักเลียบแม่น้ำ Reuss แวะถ่ายรูปตามสะพานต่างๆ คือ Seebrücke, Kapellbrücke, Rathaussteg, Reussbrücke แต่ไม่ข้ามฝั่งแม่น้ำเข้าไปยังเมืองเก่าซึ่งมี Altes Rathaus (Rathaus Stadt Luzern), ป้อมและหอคอยโบราณต่างๆ ของ Museggmauer ถ้ามีเวลาเหลืออาจจะเดินไปโบสถ์ Hofkirche St. Leodegar และอนุสาวรีย์สิงโต Löwendenkmal ซึ่งคราวก่อนเคยไปแล้ว

เพราะอยากไปถ่ายรูปจากมุมสูงที่มองเห็นเมือง Luzern ทั้งเมืองเลยไปถึงทะเลสาบลูเซิร์นด้วย พิกัดที่ว่านั้นคือ Hotel Château Gütsch บนเนินเขาไกลจากสถานีรถไฟในระยะเดินประมาณ 1.6 กิโลเมตร
ออกจากสถานีรถไฟ Luzern เดินผ่านประตู Torbogen Luzern ที่ Bahnhofplatz นิดเดียวก็ถึงสะพาน Seebrücke แวะถ่ายรูป Kapellbrücke (Chapel Bridge) สะพานไม้เก่าแก่มีอายุกว่า 660 ปีแห่งนี้คือสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น
มองเลยสะพานไม้ไปบนเขาก็เห็น Hotel Château Gütsch อยู่ลิบๆ
ตอนมาถึงยังมีแดดอยู่บ้าง แค่มีเมฆหนาหน่อย พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตกหลังบ่ายสอง แต่แป๊บเดียวเท่านั้นเมฆฝนลอยมาจากไหนไม่รู้เริ่มปกคลุมท้องฟ้าเมืองลูเซิร์นเกือบเต็มพื้นที่
ดูทีท่าแล้วน่าจะเดินไป Hotel Château Gütsch ไม่ทันก่อนที่ฝนจะตก เลยเปลี่ยนแผนเป็นเดินไปทางโบสถ์โดมหัวหอมคู่สีเขียวชื่อว่า Jesuitenkirche ข้ามแม่น้ำ Reuss ทางสะพาน Rathaussteg เข้าเมืองเก่าไปที่หอนาฬิกาของ Altes Rathaus หรืออาคารที่ทำการเมืองหลังเก่า และเดินไปขึ้นหอคอย Männliturm ซึ่งอยู่ใกล้กว่าเพื่อถ่ายรูปเมืองลูเซิร์นจากมุมสูงแทน
เส้นทางเดินจาก Altes Rathaus (Rathaus Stadt Luzern) ไปหอคอย Männliturm ต้องซิกแซกไปตามถนนแคบๆ ต่างๆ ในเมืองเก่า ดู Google map บอกทางไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 750 เมตร
เดินผ่านหอคอยต่างๆ ของ Museggmauer ขึ้นบันไดชันและแคบไปบนยอดหอคอย Männliturm ฝนเริ่มตกแรงขึ้น แต่ก็ยังพอถ่ายรูปมุมสูงสวยๆ ของเมืองลูเซิร์นมาได้ แค่จากจุดนี้มองไม่เห็นสะพานไม้ Kapellbrücke แต่เห็น Spreuerbrücke แทน
สภาพอากาศไม่ดีแบบนี้ ลดเวลาเที่ยวลูเซิร์นลงชั่วโมงนึงดีกว่า มูฟไป Bürgenstock Resort เลยละกัน
เดินกลับลงไปยังเมืองเก่า ข้ามสะพาน Rathaussteg เดินเลียบแม่น้ำ Reuss กลับสถานีรถไฟ Luzern
จากนั้นเดินไปท่าเรือ Luzern Bahnhofquai Pier 3 ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 250 เมตร เพื่อรอเรือไป Kehrsiten-Bürgenstock รอบ 15.07 น.
เช็คตารางเวลารถไฟและเรือของสวิตเซอร์แลนด์ได้ที่ www.sbb.ch
วิวเมือง Luzern ถ่ายจากเรือย้อนไป ขนาดฝนตกยังสวยว้าวเลยครับ
นั่งเรือ 25 นาทีก็ถึงท่า Kehrsiten-Bürgenstock ใช้ Swiss Travel Pass ขึ้นฟรี

ลงจากเรือแล้วต่อ Bürgenstock Bahn (Funicular) อีก 6 นาที ขึ้นเขาไปยัง Bürgenstock Resort บนภูเขา Bürgenstock
สำหรับผู้ที่ไม่ได้จองห้องพักของรีสอร์ท (Bürgenstock Hotel & Alpine Spa / Palace Hotel / Waldhotel) ถ้ามี Swiss Travel Pass จะได้ส่วนลด 50% จากราคาเต็มช่วงเดือนเม.ย.-ต.ค. ผู้ใหญ่เที่ยวละ 25 CHF, เดือนพ.ย.-มี.ค. 17 CHF
ข้อมูลค่ารถรางไฟฟ้า Bürgenstock Bahn เพิ่มเติมที่ Bürgenstock Bahn price tickets
เช็คตารางเวลา Bürgenstock Bahn ได้ที่ https://burgenstockresort.com
อาคารที่รถรางไฟฟ้าขึ้นไปถึงคือ Bürgenstock Hotel & Alpine Spa
Bürgenstock (เบอร์เกนชต็อค) คือภูเขาสูงประมาณ 1,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล ที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นแหล่งรวมรีสอร์ทสุดหรูระดับพรีเมี่ยม โดยเป็นศูนย์กลางการพักผ่อนเพื่อสัมผัสงานบริการชั้นเลิศแบบฉบับสวิสมายาวนานกว่า 150 ปี
ในบริเวณนี้ประกอบด้วย 3 โรงแรมในเครือ Bürgenstock Hotels & Resort ได้แก่ Bürgenstock Hotel & Alpine Spa, Palace Hotel & Conferences และ Waldhotel Health & Medical Excellence รวมถึงที่พักอาศัยแบบ Residence อีก 3 แห่ง

เราจองห้องพักไว้ที่ Waldhotel Health & Medical Excellence เรียกสั้นๆ ว่า Waldhotel ซึ่งอยู่ห่างจากอาคาร Bürgenstock Hotel & Alpine Spa 450 เมตร
Waldhotel คือโรงแรมสไตล์ wellness ระดับ 5 ดาว ซึ่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1873
ตัวอาคารเน้นการออกแบบเพื่อความยั่งยืนและกลมกลืนกับธรรมชาติ โครงสร้างทั้งหมดมาจากหินและไม้ในท้องถิ่น
ให้ฟีลเหมือนอยู่ในป่าอัลไพน์ โดยทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของความหรูหราและสะดวกสบาย ให้ได้ผ่อนคลายไปกับวิวพาโนรามาแห่งขุนเขาแอลป์ รวมทั้งงานบริการอันดีเลิศ
ห้องพักทุกห้องมีระเบียงชมวิวได้หมด เราพักห้องแบบ Alpine Deluxe Room with Terrace ซึ่งเน้นการตกแต่งด้วยโทนสีอ่อน ดูเรียง่ายแต่หรูหรา ภายในห้องขนาด 40 ตารางเมตรเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างเป็นเกรดพรีเมี่ยมทั้งสิ้น
ห้อง type นี้อยู่ชั้น 5 มีชานด้านนอกให้ออกไปเดินเล่นชมวิวภูเขาที่หนาแน่นด้วยต้นไม้เขียวขจี
ห้องพักมี 4 types ราคาแต่ละวันไม่เท่ากันขึ้นอยู่เป็นช่วงไฮหรือโลว์ซีซั่นและตรงกับวันหยุดหรือไม่ รวมทั้งมีแพ็คเกจให้ซื้อเพิ่มหลากหลายแพ็ค ราคาแตกต่างกันไป เช่น เข้าใช้ Alpine Spa
นอกจากส่วนห้องพัก ที่นี่ยังมีส่วนของ Wellness ที่มีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องซาวน่า ห้องทำสปา และห้องนวดทรีทเมนต์ ซึ่งทั้งหมดเน้นความยั่งยืนที่ทำให้รู้สึกดีตามคอนเซ็ปต์ของโรงแรม
เดินสำรวจโรงแรมอื่นในบริเวณนี้บ้าง อาคารที่อยู่ระหว่าง Waldhotel กับ Bürgenstock Hotel & Alpine Spa คือ Palace Hotel เดินขึ้นไปยังลานกว้างซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปโรงแรมและทะเลสาบลูเซิร์นอันสวยงาม
สำหรับแขกที่เข้าพัก 1 ใน 3 โรงแรมในเครือ Bürgenstock Hotels & Resort สามารถใช้ facilities ส่วนกลางของโรงแรมอื่นได้โดยบางที่ต้องจองล่วงหน้า เช่น Alpine Spa สระว่ายน้ำซึ่งเป็นไฮไลต์สำคัญที่สุดของ Bürgenstock Resort ที่นี่จองคิวยากเพราะทุกคนที่มาพักก็อยากลงไปแช่น้ำอุ่นถ่ายรูปกับวิวพาโนรามาของทะเลสาบลูเซิร์นทั้งนั้น
เลือกประเภทห้องพักของทั้ง 3 โรงแรมและซื้อแพ็คเกจเสริมใช้ Alpine Spa ได้ที่ Bürgenstock Resort Rooms & Packages เลือก Offer ตรง A World Of Spa For Two
หรือจองเฉพาะ Alpine Spa ได้ที่ Bürgenstock Resort Alpine Spa Delight
ซูมถ่ายไกลไปเห็นตัวเมือง Luzern เลย
ไฮไลต์อีกอย่างของที่นี่คือจุดชมวิวที่ต้องขึ้นลิฟท์ Hammetschwand ลิฟท์กลางแจ้งที่สูงที่สุดในยุโรปซึ่งสร้างขึ้นโดยนักธุรกิจนามว่า Franz Josef Bucher เมื่อปีค.ศ. 1905 ลิฟท์นี้รองรับผู้โดยสารได้ 8 คนจะขึ้นลงในแนวดิ่งด้วยความสูงถึง 153 เมตร แต่น่าเสียดายช่วงเย็นวันที่เราไปอากาศไม่ค่อยดี ลิฟท์เลยปิดไม่ให้ขึ้น
ค่าขึ้นลิฟท์เที่ยวเดียว 15 CHF, ขึ้นและลง 18 CHF เด็กอายุ 6-15 ปี ลดครึ่งราคา
ตอนเย็นๆ แสงอาทิตย์จะส่องลงไปที่หมู่บ้านเล็กๆ กลางทุ่งหญ้าด้านล่างเป็นบรรยากาศแบบสวิสที่สวยงามมากๆ เลย
มื้อเย็นวันนี้ต้องฝากท้องที่ร้านอาหาร Verbena Restaurant & Bar ที่เน้นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพรังสรรค์โดยเชฟ Martin Stein ที่เคยได้รับรางวัล Gault Millau ระดับ 14 คะแนน เมื่อปีค.ศ. 2019
ดูเมนูกันก่อนครับ
Starter เป็น Swiss Shrimps ราคา 45 CHF อร่อยมากกกกจริงๆ ส่วนเมนคอร์สคือ Swiss Farmers Veal ราคา 56 CHF จานนี้ก็ฟินลืมอ่ะ
สำหรับมื้อเช้าที่ร้าน Verbena เช่นกัน Breakfast with a view สุดๆ ไปเลย
เช้าวันที่ 3 ของทริป
เราออกจาก Bürgenstock Resort ไปเมือง Interlaken โดยแวะถ่ายรูปที่หมู่บ้าน Lungern 1 ชั่วโมง แล้วค่อยนั่งรถไฟอีกขบวนต่อ
ขามาเรานั่งเรือจาก Luzern ต่อรถรางไฟฟ้าขึ้นเขา
ขาออกเราไปทางรถเมล์สาย 321 โดยเดินไปขึ้นที่ป้าย Bürgenstock Zentrum ต่อรถไฟที่สถานี Stansstad กลับ Luzern
เช็คตารางเวลารถไฟและรถเมล์ของสวิตเซอร์แลนด์ได้ที่ www.sbb.ch

แล้วต่อรถไฟขบวนที่ไป Interlaken นั่นแหละ แต่แวะลงกลางทางที่สถานี Lungern (ไม่มีที่ฝากกระเป๋า) รถเมล์และรถไฟทุกขาใช้ Swiss Travel Pass ขึ้นฟรีหมดครับ
จากนั้นเดินตามถนนเรียบๆ ขึ้นเนินเล็กน้อยประมาณ 550 เมตร ไปที่พิกัด Bergstrasse 20 ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปขบวนรถไฟที่มาจาก Interlaken จะไป Luzern ที่มีฉากหลังเป็นหมู่บ้านลุนเงิร์นและทะเลสาบ Lungernersee สีเขียวมรกตแบบนี้
เสร็จแล้วเดินกลับสถานีรถไฟ ขึ้นรถไฟไปเมือง Interlaken
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต