เยอรมันรอบที่ 5 ก็ต้องหาเมืองแปลกใหม่เที่ยว
เย็นวานเรานั่งรถไฟจากเมือง Coburg มาถึงสถานี Leipzig Hbf ประมาณ 6 โมง และเดินไปเช็คอินที่ Vienna House Easy Leipzig ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟเอง ออกจากสถานีรถไฟ เดินไปทางซ้ายแล้วข้ามทางรถรางก็ถึงโรงแรมแล้ว
อ่านรีวิวตอนแรกที่พาเที่ยวเมือง Bamberg และ Coburg จากลิ้งค์ข้างล่างนี้
เที่ยวเอง GERMANY กี่ครั้งก็ยังไม่พอ ตอนที่ 1 “Bamberg – Coburg” สองเมืองทางเลือกใหม่ในบาวาเรีย
เมื่อวานไปเที่ยวเมืองเล็กๆ ของบาวาเรียที่ค่อนข้างสงบ ฟีลใบไม้ร่วงยิ่งทำให้รู้สึกเหงานิดๆ แต่ก็สวยมากมาย วันนี้เลยขอเปลี่ยนบรรยากาศให้คึกคักมีชีวิตชีวาตามสไตล์คนเมืองบ้าง เราเลือกพักค้างคืนและแวะเที่ยวเมือง Leipzig ระหว่างทางไป Dresden ครับ
นี่คือแผนที่เส้นทางของทริปนี้ครับ
ที่พักของเราคือ Vienna House Easy Leipzig โรงแรมง่ายๆ สมชื่อ แต่โคตรชิค และทำเลดีมากอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟกลางเลย เดินเข้ากลางเมืองแค่ 700 เมตร
โรงแรมเพิ่งเปิดเมื่อเดือนก.ค. นี้เองครับ สภาพเลยดูใหม่เอี่ยม
นี่รูปหน้าโรงแรมตอนเช้าครับ
ห้องพักดีไซน์อย่างครีเอท ใช้สีเหลืองและขาวทำให้ห้องดูสว่าง มีสีสันแบบหนุ่มสาวลุค casual และทันสมัย ห้องกว้าง เตียงใหญ่และนุ่มมาก มีกลิ่นหอมจากดอกไม้แห้ง (potpourri) ช่วยให้นอนหลับสบาย มองออกนอกหน้าต่างไปก็เห็น Oper Leipzig หรือโรงโอเปราประจำเมืองเลย ห้องน้ำก็ใหญ่ ล้างหน้าแปรงฟันพร้อมกันได้ 555
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มีครบ ไม่ว่าจะเป็น WiFi, จักรยานให้ยืม และที่จอดรถใต้ดิน
ถือเป็นโรงแรม 4 ดาวในศูนย์กลางเมืองที่ราคาไม่แพงเลย
ดูรายละเอียดห้องพักแต่ละประเภทได้ที่ Vienna House Easy Leipzig
อาหารเช้าเป็นแบบ bakery-style breakfast ที่เหมือนกินอยู่ในคาเฟ่เก๋ๆ ที่ตกแต่งได้ฮิปมาก ไม่เหมือนเป็นห้องอาหารเช้าในโรงแรมเลย ชอบบรรยากาศที่นี่สุดๆ แถมแพนเค้กโคตรดีอ่ะ
เช้าวันที่ 3 ในเยอรมัน
เที่ยว Leipzig เมืองขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ตรงจุดบรรจบกันของแม่น้ำ 3 สาย คือ White Elster, Pleiße และ Parthe ในรัฐ Saxony ทางตะวันออกของประเทศ ไลป์ซิกมีบทบาทเป็นศูนย์กลางการค้ามาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันได้ชื่อว่ามีเขตเมืองกว้างขวางอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยมีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 600,000 คน ซึ่งมากเป็นอันดับ 10 ของเยอรมัน

เริ่มต้นที่สถานีรถไฟกลาง Leipzig Hbf ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรม
ใช้ German Rail Pass ขึ้นรถไฟขบวน S1, S2 หรือ S4 ฟรี ไปลงที่ป้าย Leipzig Völkerschlachtdenkmal (5 สถานี) ขึ้นบันไดไปบนสะพานแล้วเลี้ยวขวาเดินตามถนนใหญ่ Prager Straße อีกราว 1 กิโลเมตรก็ถึง Völkerschlachtdenkmal อันใหญ่ยักษ์
หรือขึ้นรถรางสาย 15 จากป้าย Hauptbahnhof ไปลงที่ป้าย Völkerschlachtdenkmal (9 ป้าย) ก็ได้ ค่าตั๋ว Einzelfahrkarte หรือ Single Ticket แบบ 1 zone MDV ราคา 1.90 ยูโร ใช้ต่อรถราง รถเมล์ หรือรถไฟ S ได้ภายใน 1 ชั่วโมง
เช็คข้อมูลตั๋วชนิดอื่นๆ ได้ที่ Leipzig transportation fares
Völkerschlachtdenkmal (Monument to the Battle of the Nations) หรือที่ชาวไลป์ซิกเรียกสั้นๆ ว่า Völki คืออนุสาวรีย์สงครามที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปที่รำลึกถึงการสู้รบครั้งยิ่งใหญ่เมื่อปีค.ศ. 1813 สร้างขึ้นเพื่อสดุดีชัยชนะของกองทัพนโปเลียนในยุทธการที่ไลป์ซิก (Battle of Leipzig) เมื่อปีค.ศ. 1913 หรือวาระครบ 100 ปีของสงคราม อนุสาวรีย์ที่มีลักษณะคล้ายสุสานนี้เป็นผลงานการออกแบบของ Bruno Schmitz มีความสูงถึง 91 เมตร
ออกจากรั้วอนุสาวรีย์เห็นสวนขนาดใหญ่มีจุดถ่ายรูปสวยๆ ไปยัง Krematorium Leipzig หรือ Südfriedhof (South Cemetery) สุสานที่ใหญ่ที่สุดของเมือง
จากนั้นเดินกลับไปที่ป้ายรถไฟ Leipzig Völkerschlachtdenkmal ขึ้นรถไฟ S1, S2 หรือ S4 กลับเข้าเมืองไปลงที่สถานี Leipzig Wilhelm-Leuschner-Platz (3 สถานี) หรือขึ้นรถรางสาย 2 จากป้าย Völkerschlachtdenkmal ไปลงที่ป้าย Neues Rathaus (9 ป้าย) ก็ได้
ออกจากสถานีไปที่ Roßplatz มองไปทางซ้ายก็จะเห็น Neues Rathaus หรือที่ว่าการเมืองแห่งใหม่ที่ใช้งานมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1905 ซึ่งโดดเด่นจากหอคอยความสูง 114.8 เมตร นับเป็นที่ว่าการเมืองที่สูงที่สุดในเยอรมนี
เดินเลยที่ว่าการเมืองไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Harkortestraße ก็เห็น Bundesverwaltungsgericht (Federal Administrative Court) หรือ Reichsgericht เดิม คืออาคารศาลปกครองขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1895 ในสไตล์อิตาเลียนเรอเนสซองส์โดยการออกแบบของ Ludwig Hoffmann และ Peter Dybwad
เดินกลับไปทาง Neues Rathaus แล้วตรงต่อเข้าถนน Dittrichring อีกไม่ไกล ทางขวามือคือ Thomaskirche (St. Thomas Church) โบสถ์คริสต์ลูเทอรันศิลปะสไตล์โกธิคผสมโรมาเนสก์ อาคารด้านข้างโบสถ์คือ Bach-Museum พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานของ Johann Sebastian Bach นักดนตรีคลาสสิกชื่อดังที่เคยใช้ชีวิตและเสียชีวิตที่เมืองไลป์ซิก แต่เราไม่ได้เดินไปข้างหน้าพิพิธภัณฑ์ครับ
เลี้ยวขวาเดินอ้อมไปอีกด้านของโบสถ์
ตรงอีกนิดก็ถึง Marktplatz จัตุรัสสำคัญใจกลางเมืองไลป์ซิก อาคารที่โดดเด่นที่สุดในบริเวณนื้คือ Stadtgeschichtliches Museum พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมืองในทุกแง่มุม รวมทั้งวัฒนธรรมในด้านต่างๆ ของเมือง ในอดีตอาคารนี้เคยเป็น Altes Rathaus หรือที่ว่าการเมืองหลังเก่านั่นเอง
เช็คเวลาเปิด-ปิดและค่าเข้าชมได้ที่ visit Stadtgeschichtliches Museum
ที่มุมซ้ายของจัตุรัสเยื้องกับที่ว่าการเมืองหลังเก่ามีทางเดินลอดอาคารเข้าไปเรียกว่า Barthels Hof หรือ Barthels yard ซึ่งมีลักษณะเป็นกลุ่มอาคารเก่าแก่สีเหลืองอ่อนสวยงามคลาสสิกเป็นจุดถ่ายรูปคูลๆ ของเมือง
เดินกลับไปยัง Stadtgeschichtliches Museum ที่ Marktplatz พอสุดอาคารก็เลี้ยวซ้ายเดินตามถนน Grimmaische Straße
ทางซ้ายมือคือ Löwenbrunnen หรือน้ำพุสิงโตอยู่ในบริเวณ Naschmarkt
ส่วนทางขวามีทางเดินเข้าไปยัง Mädlerpassage โถงทางเดินที่เรียงรายด้วยร้านค้าซึ่งเป็นหนึ่งในย่านช้อปปิ้งเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมือง
อาคารติดกันคือ Zeitgeschichtliches Forum (Forum of Contemporary History) พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เยอรมนีร่วมสมัยที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของประเทศตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา สามารถเข้าชมได้ฟรี
ตรงต่อตามถนน Grimmaische Straße อาคารด้านซ้ายคือ Specks Hof ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่สุดของเมืองที่มีมาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดยสามารถเดินเชื่อมต่อไปยัง Hansahaus ศูนย์การค้าชื่อดังอีกแห่งได้
ทางเข้าด้านนี้ดูไม่ค่อยเก่าเลย แต่เมื่อเดินเข้าไปข้างในแล้วทะลุไปออกอีกด้านจะเห็นเป็นอาคารยุโรปโบราณ
ตรงข้ามกันคือ Nikolaikirche (St. Nicholas Church) โบสถ์สำคัญที่สุดของเมืองที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1165 ในสไตล์โรมาเนสก์ ก่อนปรับเปลี่ยนเป็นศิลปะแบบโกธิคในช่วงศตวรรษที่ 16 และต่อเติมส่วนหอคอยเป็นแบบบาโรคในศตวรรษที่ 18 สถานที่นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องการรวมประเทศเยอรมันอย่างสันติในเยอรมันตะวันออกเมื่อปีค.ศ. 1989
อาคารตรงข้ามโบสถ์คือ Antikenmuseum der Universität Leipzig (Museum of Antiquities of the University of Leipzig)
ครึ่งวันเช้าก็เที่ยวเสร็จแล้วครับ เดินกลับไปยัง Marktplatz แล้วตรงเข้าถนนทางทิศเหนือของจัตุรัสชื่อ Katharinenstraße ถนนคนเดินสายหลักที่สองข้างทางมีทั้งร้านค้าและร้านอาหารมากมาย แวะกินมื้อเที่ยงแถวนี้
แล้วเดินต่อจนสุดทางก็เลี้ยวขวาเข้าถนน Brühl จนเห็นสวนก็เลี้ยวซ้ายเดินกลับโรงแรม
ไป Dresden
เดินไปสถานีรถไฟกลาง Leipzig Hbf ลงไปชั้นใต้ดิน ใช้ German Rail Pass เป็นวันที่ 3 ขึ้นรถไฟขบวน IC 2443 เวลา 13.15 น. นั่งแค่ 1 ชั่วโมง 20 นาที ก็ถึงสถานีรถไฟกลาง Dresden Hbf
ค้นหาตารางเวลาและค่าตั๋วรถไฟเยอรมันได้ที่ Germany train
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต