การพักผ่อนเพื่อเติมเต็มพลังและความสุขให้กับชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บางคนได้เดินทางไปยังที่ใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปก็มีความสุข
บางคนได้ปลดปล่อยสุดเหวี่ยงไปกับกิจกรรมต่างๆ ก็สนุกเฮฮาเต็มที่
บางคนแค่นอนนิ่งหรือนั่งหายใจทิ้งอยู่บ้านก็สบายใจสุดๆ แล้ว 555
แต่สำหรับผมแล้วการได้ไปเที่ยวเองในที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยไปคือสิ่งที่ช่วย FULFILL พลังกายพลังใจและความสุขให้ตัวเองอย่างแท้จริง
ช่วงนี้พอมีเวลาว่าง 3-4 วันจึงขอลงใต้ไปเที่ยวเองในที่ที่ยังไม่เคยไป นั่นก็คือ เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
คนทั่วไปมักจะนึกภาพเกาะพะงันว่าเป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยวแบคแพคเกอร์ต่างชาติที่มาเพื่อฟูลมูนปาร์ตี้ให้สุดเหวี่ยงยันสว่างโดยเฉพาะ แต่พะงันสำหรับผมคือการใช้เวลาพักผ่อนแบบพรีเมี่ยมให้รางวัลกับตัวเองโดยไม่ต้องคิดมากเรื่องเงินๆ ทองๆ ผมอยากมาใช้ชีวิตให้ครบทุกรสชาติของพะงัน ทั้งดำน้ำชมชีวิตสัตว์ใต้ท้องทะเล ปีนเขาขึ้นไปชมวิวที่จุดสูงสุดของเกาะ นอนพักผ่อนหายใจทิ้งชิลล์ๆ ริมทะเล และกินซีฟู้ดของโปรดให้หนำใจ
วิธีการเดินทางไปเกาะพะงันที่สะดวกสบายและรวดเร็วที่สุดจะเป็นวิธีใดไปไม่ได้นอกจากการบินตรงไปลงที่สนามบินเกาะสมุยซึ่งแน่นอนว่าต้องบินโดยสายการบิน Bangkok Airways ที่มีไฟลท์ให้เลือกเพียบตลอดทั้งวัน ผมเลือกไฟลท์ 9 โมงเช้าครับ ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว
จากนั้นต้องนั่ง Airport Taxi เป็นรถตู้บริการของสนามบิน ค่ารถคนละ 100 บาท ไปท่าเรือพระใหญ่ซึ่งเป็นท่าเรือที่ใกล้เกาะพะงันที่สุด ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ไปทันเวลาเรือออกตอน 10 โมงครึ่งพอดีๆ (ต้องไม่โหลดกระเป๋าถึงจะไปทันนะครับ) ซื้อตั๋วเรือข้ามไปท่าเรือหาดริ้นของเกาะพะงันใบละ 200 บาท
แล้วนั่งเรือชิลล์ๆ ชมวิวน้ำทะเลสีฟ้าใสอีกไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงท่าเรือหาดริ้น ทางใต้สุดของเกาะ
รถตู้ของ Sarikantang Resort & Spa มารอรับที่ท่าเรืออยู่แล้ว นั่งรถแค่ 5 นาทีก็ถึงที่พัก 3 คืนบนเกาะพะงัน
รีสอร์ทอยู่ที่หาดศรีกันตังใกล้กับหาดริ้นซึ่งเป็นแหล่งฟูลมูนปาร์ตี้ชื่อก้องโลก แต่หาดนี้เป็นหาดส่วนตัวจึงสงบเงียบเหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง ถ้าคืนไหนเกิดคึกอยากปาร์ตี้ขึ้นมาก็เดินไปหาดริ้นได้เลย 555
บ่ายวันแรกขอชิลล์ในรีสอร์ทก่อนเลย เดินเล่นริมชายหาดรับสายลมแสงแดด ว่ายน้ำเล่นในสระให้ชุ่มฉ่ำ แช่จากุซซี่นวดตัวสบายสุดๆ และนอนอ่านหนังสือบนเตียงนุ่มๆ หยุดสนใจเรื่องวุ่นวายปวดหัวที่กทม. ชั่วคราว
ตกเย็นก็จัดซีฟู้ดมื้อใหญ่บนหาดทรายให้สาสมใจ 🙂
คืนแรกต้องรีบนอนเร็วหน่อยๆ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปไต่เขาขึ้นไปยังจุดชมวิวเกาะพะงันจากมุมสูง
เช้าวันที่ 2 เดินทางไป “เขาหรา”
วิธีการเดินทางบนเกาะที่สะดวกที่สุดคือเช่ามอเตอร์ไซค์ขับ ค่าเช่าแค่วันละ 150-200 บาท หาร้านเช่าได้ทั่วไปครับ การขับมอเตอร์ไซค์นอกจากสะดวกรวดเร็วเหมาะกับสภาพเส้นทางบนเกาะแล้วยังได้สนุกกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย
พิกัดตามนี้เลยครับ
เส้นทางค่อนข้างหายากนิดนึงนะครับ ใกล้ๆ แถวนั้นต้องถามชาวบ้านเป็นระยะๆ เลี้ยวขวาตามป้ายบอกทางไปร้านอาหาร Khao Ra Terrace ซึ่งอยู่บนเชิงเขา
จากจุดนี้ต้องเดินขึ้นเขาสถานเดียวครับ
เส้นทางบางช่วงชันมากและค่อนข้างลื่น ต้องค่อยๆ เดินไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนเหลือระยะทาง 2, 1.5, 1 กิโล และ 500 เมตรสุดท้าย เล่นเอาเหงื่อออกทุกทวารท่วมทั้งร่างเลย 555
แต่พอขึ้นไปถึงยอดเขาหราซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเกาะพะงันที่ระดับความสูง 635 เมตรจากระดับน้ำทะเล มันก็หายเหนื่อยเฉยเลยเมื่อได้เห็นวิวสวยสดแบบนี้! (แต่เหงื่อยังชุ่มอยู่นะ 55)
ขาขึ้นนี้ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเพราะเดินไปพักไปและแวะถ่ายรูประหว่างทางเป็นระยะๆ ด้วย
อ่าวที่เห็นข้างล่างเรียกว่าโฉลกหลำ เดี๋ยวจะลงไปกินข้างกลางวันที่หาดมาลิบูตรงนั้นครับ
ยืนชมวิวสตั๊นๆ และถ่ายรูปอยู่บนนี้เป็นชั่วโมง แล้วเดินลงเขาซึ่งใช้เวลาน้อยกว่าขาขึ้นประมาณ 15 นาที บ่ายโมงก็ลงถึงด้านล่าง
งานนี้ต้องยอมรับว่าเหนื่อยครับ เหงื่อแฉะทั้งตัว แต่มันได้ความสะใจตอนขึ้นไปถึงยอดเขาสำเร็จ มันรู้สึกภูมิใจที่เอาชนะความเหนื่อยของตัวเองได้ และก็ได้ประสบการณ์เดินเขามันๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วย เรียกว่าคุ้มค่าสุดๆ สำหรับการเทรคกิ้งครั้งนี้
พักกินข้าวกลางวันที่หาดมาลิบูหน่อย
วันนี้เป็นวันแห่งกิจกรรมเอาท์ดอร์ครับ ต่อไปจะเป็นการดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นที่บริเวณทะเลแหวก เกาะม้า ซึ่งอยู่ห่างจากหาดมาลิบูเพียง 2 กิโลครึ่ง
จุดนั้นกล้ามเนื้อขาล้ามาก ว่ายน้ำไกลไม่ไหวละ 55 ขอไปแช่น้ำเล่นกะปลาที่เกาะราฮัมซึ่งเป็นร้านอาหารที่อนุญาตให้คนทั่วไปเข้าไปลงเล่นน้ำได้แบบไม่คิดสตางค์ครับ
ทางเข้าค่อนข้างเล็ก ให้สังเกตป้าย Secret Beach ดีๆ นะครับ
กระโดดลงไปว่ายน้ำเล่นกับฝูงปลาซะเลย
หมดพลังงานแล้ว วันนี้ขอจบกิจกรรมกลางแจ้งที่นี่ครับ
ช่วงเช้าวันที่ 3 ต้องขอนวดผ่อนคลายที่สปาของรีสอร์ทหลังจากเมื่อวานใช้กำลังขาเยอะไปหน่อยครัช 555 ได้ดูเอ็มวีท่องเที่ยวของ ททท. ภาคใต้ แล้วก็อยากจะได้รับการปรนนิบัติพร้อมมองวิวทะเล ฟังเสียงคลื่น ให้สมที่ตั้งใจไว้เหมือนกัน
ส่วนภาคบ่ายค่อยมาในธีมหรูดูแพงด้วยการชมหาดทรายขาวๆ ณ โรงแรม 5 ดาวที่หาดท้องนายปานใหญ่และท้องนายปานน้อยซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน
หาดท้องนายปานใหญ่ค่อนข้างจะสงบเงียบกว่าท้องนายปานน้อย ริมชายหาดมีที่พักราคาไม่แพงให้เลือกหลายแห่ง
แต่ถ้าชอบบรรยากาศคึกคักและดูดีมีฐานะต้องไปหาดท้องนายปานน้อยครับเพราะที่นั่นมีโรงแรมรีสอร์ทหรูที่พร้อมต้อนรับลูกค้าผู้มีรสนิยมและพร้อมใช้จ่ายเต็มที่เพื่อแลกกับบริการเอ็กซ์คลูซีฟระดับ 5 ดาว
เท่าที่ไปมาหลายหาดของเกาะพะงัน ผมรู้สึกชอบหาดนี้ที่สุดเลย หาดท้องนายปานน้อยเหมาะกับทริปให้รางวัลตัวเองของผมจริงๆ ครับ
วันกลับกทม. ไม่มีโปรแกรมทำอะไรแล้วนอกจากกินอาหารเช้าที่รีสอร์ทและไปขึ้นเรือรอบ 11.40 น. ข้ามไปยังเกาะ
สมุยเพื่อขึ้นเครื่องบิน Bangkok Airways กลับบ้าน