เมื่อ 8 ปีที่แล้วผมเคยมาเที่ยวเองที่ Greece แล้วครั้งนึง
แต่ครั้งก่อนมีเวลาไปแค่ Athens กับ Santorini ไม่ได้เดินทางขึ้นไปทางตอนเหนือของกรีซ ทริปนี้ตั้งใจมาเที่ยวเก็บเกี่ยวประเทศแปลกๆ แถบบอลข่านที่คนไทยไม่ค่อยนิยมไปกัน คือ Albania, Macedonia, Kosovo ด้วย เราจึงต้องเดินทางไปทางเหนือซึ่งมีสถานที่เที่ยวน่าทึ่งอีกแห่งของกรีซที่เรียกว่า “Meteora”

ดูแผนที่เส้นทางของ Greek to Roman Trip ประกอบนะครับ
เย็นเมื่อวานเรานั่งรถไฟจาก Athens เกือบ 5 ชั่วโมงครึ่งถึงเมือง Kalabáka (Kalampaka) ค่ำๆ
อ่านรีวิวเที่ยวเอเธนส์และวิธีการเดินทางจาก Athens ไป Kalabáka ได้ที่นี่
กรีซให้สุด..เที่ยวเอง GREECE ตอนที่ 2 “Athens” น่าทึ่งว่าคนโบราณเค้าสร้างเมืองกันได้ยังไง
อ่านรีวิวตอนแรกที่ Santorini ตามนี้ครับ
กรีซให้สุด..เที่ยวเอง GREECE ตอนที่ 1 “Santorini” อยากอยู่แบบนี้นานๆ ได้ไหม
วันที่ 5 ของทริป
เช้านี้ที่ Kalabáka
เราพักที่ Hotel Galaxy ที่อยู่ห่างจากท่ารถบัสแค่ 250 เมตร

เมื่อคืนเช็คตารางเวลารถบัสไป Meteora จากป้ายที่รีเซ็ปต์ชั่นโรงแรมว่าจะออกตอน 9 โมงเช้า (อีก 2 รอบ คือ 12.00 และ 15.00 น.)
เช็คตารางเวลารถบัสได้ที่ www.ktel-trikala.gr
ไป Meteora
เดินไปท่ารถบัส KTEL (ΚΤΕλ) ซื้อตั๋วรถบัสไป-กลับ Kalabáka-Meteora ราคา 3.30 ยูโร (ตั๋ว one way 1.80 ยูโร)
เช็คราคาตั๋วได้ที่ www.ktel-trikala.gr
เช็คที่ตั้งสถานีรถบัสได้ที่ www.ktel-trikala.gr
9 โมง รถบัสออกเดินทาง ระหว่างทางก็จอดรับผู้โดยสารตามจุดต่างๆ ในเมืองด้วย เช่น Plateia Dimarhiou (Town Hall Square) คือวงเวียนตรง Visit Meteora
คนขับจอดรับคนทุกป้ายจนคนยืนเต็มคัน ถ้าไม่ขึ้นตั้งแต่ป้ายแรกๆ ก็ไม่ได้นั่งละ
Meteora (Μετέωρα) แปลว่า “suspended in the air” เมเตโอร่าคืออาราม (Moní) หรือศาสนสถานของชาวคริสต์นิกายกรีกออร์โธด็อกซ์ที่สร้างอยู่บนยอดผาหินสูงชันหลายลูก อาณาบริเวณของเมเตโอร่าเต็มไปด้วยผาหินหลากหลายรูปทรงนับร้อยๆ ลูก บางลูกเหมือนเป็นแท่งหินโผล่ขึ้นมาจนให้ความรู้สึกเหมือนกับอารามเหล่านี้ลอยอยู่บนท้องฟ้า
ในอดีตมีนักบวชที่ต้องการความสงบเดินทางมาปลีกวิเวกตามหุบเขาแห่งนี้ บริเวณนี้ได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เมื่อ Athanasios Koinovitis พร้อมสาวกได้ย้ายหนีการรุกรานของพวกเติร์กจากภูเขา Athos มาตั้งถิ่นฐานตรงนี้เมื่อปีค.ศ. 1344 และสร้างอารามหลังแรก (Megalo Meteoro หรือ Great Meteoro ในปัจจุบัน) บนโขดหินขนาดใหญ่ ต่อมาได้มีการสร้างอารามตามผาหินต่างๆ มากกว่า 20 หลังในช่วงศตวรรษที่ 14-16 เวลาผ่านไปหลายร้อยปีอารามต่างๆ ก็ผุพังเสียหายจนเหลืออารามอยู่ทั้งหมด 6 หลังในปัจจุบัน
ในปีค.ศ. 1988 องค์การ UNESCO ได้ประกาศให้ Meteora เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม
นั่งรถบัสผ่านอารามแรกคือ Agios Nikolaos Anapafsas (Monastery of St. Nicholas Anapafsas) อารามเล็กๆ ซึ่งไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ เลยอารามที่ 2 คือ Roussanou (Monastery of Rousanou/St. Barbara) อารามสำคัญแต่ควรไปถ่ายรูปจากที่สูงลงมามากกว่า ขึ้นเขาต่อไปลงที่อารามที่ 4 นั่นคือ Megalo Meteoro
Megalo Meteoro (Monastery of Great Meteoron) หรือ Great Meteoro คืออารามหลัก (Katholikon) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดา 6 อารามที่หลงเหลืออยู่
เดินเข้าไปในอาราม ถ้าอยากเข้าไปชมห้องต่างๆ ก็ต้องจ่ายค่าผ่านประตู 3 ยูโร เราขอถ่ายรูปวิวจากอารามย้อนกลับไปยังอารามที่ 3 ชื่อ Varlaam ซึ่งเดี๋ยวจะเดินย้อนกลับไปที่นั่น
ออกจากอาราม Great Meteoro เดินลงเนินไปยังอาราม Varlaam (Monastery of Varlaam)
เลยอารามไประยะหนึ่งพอถึงทางแยกก็เดินเข้าถนนทางขวาท่ามกลางแดดร้อนจ้า ระหว่างทางหยุดถ่ายรูปอาราม Roussanou ที่อยู่ข้างล่างเป็นระยะๆ
เดินไปจนถึงจุดชมวิวที่เรียกว่า Psaropetra (มีความหมายว่า fishstone) ตรงนี้เป็นจุดถ่ายรูปหลักของ Meteora เลย
เดินตามถนนสายหลักลูกเดียวยาวไปยังอารามที่ 5 คือ Agia Trias (Μονή Αγίας Τριάδος) หรือ Monastery of the Holy Trinity สำนักนักบวชในศาสนาคริสต์นิกายกรีกออร์โธด็อกซ์ที่สร้างอยู่บนแท่งผาสูง 570 เมตร ทำให้ดูเหมือนว่าอารามลอยอยู่บนฟ้าประมาณนั้น
อารามนี้เป็นอารามสุดท้ายที่เราจะไปละเพราะวันนี้อารามที่ 6 คือ Agios Stefanos (Monastery of St. Stephen) ปิดพอดี (แต่ละวันในช่วงเดือนต่างๆ อารามจะผลัดกันปิด)
รอขึ้นรถบัสลงเขากลับ Kalabáka ที่หน้าอาราม Agia Trias
รถบัสจาก Meteora (อาราม Agios Stefanos) กลับ Kalabáka (Kalampaka) มีเวลา 10.15, 13.15, 16.15 น.
เรากลับคัน 13.15 น.
เช็คตารางเวลารถบัสได้ที่ www.ktel-trikala.gr
สำหรับคนที่อยากเที่ยวแบบไม่ต้องเดินทน 4-5 กิโลแบบเราก็สามารถใช้เงินแก้ปัญหาด้วยการเหมาแท็กซี่พาเที่ยวได้เลย ราคาน่าจะ 50 ยูโรขึ้นไปมั้งครับ หรือถ้าอยากรอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกที่จุดชมวิว Psaropetra ซึ่งไม่มีรถบัสกลับแล้วก็สามารถซื้อทัวร์ขึ้น Meteora ตอนเย็นแถวจัตุรัส Riga Fereou (Central Square) ได้
ขากลับ Kalabáka เราลงรถบัสที่ Plateia Dimarhiou (Πλατεία Δημαρχείου) ก่อนถึงท่ารถบัส
แถวนี้มีร้านอาหารกรีกดังๆ คือ Panellinio (Πανελληνιο) และ Meteora Restaurant
แต่เราเดินตามถนน Trikalon ประมาณ 200 เมตรไปรับประทานมื้อกลางวันที่ร้านดังอีกเจ้าชื่อ Archontariki Taberna ตรงจัตุรัส Riga Fereou (Central Square)
เปิดเมนูสั่งอาหารกรีกแท้ๆ คือ Moussakas (eggplant, potato, minced meat, cream) และ Greek meat balls จานละ 7.50 ยูโร
บ่ายสามโมง ยังเหลือเวลาอีกเยอะก่อนจะต้องขึ้นรถบัสไปเมือง Trikala เพื่อนั่งรถบัสกลางคืนข้ามประเทศไปยังเมือง Berat ประเทศ Albania
ไปโบสถ์สำคัญของกาลาบาก้านิดนึง เดินกลับไปที่ Plateia Dimarhiou (Town Hall Square)
เลี้ยวขวาเข้าถนน Vlachava ด้านข้าง info tourist ไม่ไกลก็เห็น Naós Agios Vissarion (Ναός Αγίου Βησσαρίωνος) หรือโบสถ์ Saint Vissarion Metropolitan
เลี้ยวซ้ายเดินผ่านหน้าโบสถ์ไปจนเห็นบันไดสูงก็เลี้ยวขวาเดินอีกนิดก็ถึง Naós Kimisseoss tis Theotokou (Ναός Κοιμήσεως της Θεοτόκου) หรือ Byzantine Church of the Assumption of Virgin Mary
จากตรงนี้สามารถเดินขึ้นเขาไปยังอาราม Agia Trias ได้ ระยะทางราว 1.5 กิโลเมตร (เส้นสีแดงในแผนที่) คงต้องเสียเหงื่อหลายลิตรชัวร์ๆ 55

เดินกลับไปที่จัตุรัส Riga Fereou และโรงแรมไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้
เดินไปท่ารถบัส KTEL (ΚΤΕλ) ที่เดิม ซื้อตั๋วรถบัสไป Trikala ใบละ 2.60 ยูโร บอกคนขายว่าจะลงในเมือง แล้วนั่งรอรถบัสรอบ 17.15 น. (ปกติมีรถบัสทุก 1-2 ชั่วโมง)
เช็คตารางเวลารถบัสได้ที่ www.ktel-trikala.gr
เช็คราคาตั๋วได้ที่ www.ktel-trikala.gr
ประมาณ 40 นาทีก็เข้าตัวเมือง Trikala (Τρίκαλα) ลงที่หน้าไปรษณีย์ (ELTA – Trikala CP) เดินต่อไปนิดก็ถึง Litheos Potamos หรือแม่น้ำ Lithaios ข้าม Kentrikí pezoyephura (Central Bridge) เข้าสู่ถนนคนเดินสายหลักของเมืองชื่อ Asklipiou (ถ้าเดินตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 1.4 กิโลเมตรก็จะถึงสถานีรถไฟ)
แวะถ่ายรูปที่ถนนช้อปปิ้งชื่อ Apollonos
เมืองตริกาลาไม่อะไรเที่ยวครับ เราต้องมาเมืองนี้เพื่อขึ้นรถบัสเข้าประเทศ Albania
ตอนแรกวางแผนว่าจากกรีซจะนั่งรถบัสเข้าประเทศ Macedonia ที่อยู่ทางเหนือก่อน แล้วไป Kosovo ต่อด้วย Albania จากนั้นข้ามเรือไปเมือง Bari ทางภาคใต้ของอิตาลี แล้วค่อยๆ เที่ยวไปจนถึงกรุงโรม
แต่ไม่มีรถบัสจากเมือง Kalabáka และ Trikala เข้า Macedonia วิธีการเดินทางไปต้องนั่งรถบัสหรือรถไฟไปตั้งต้นที่ Trikala และนั่งรถบัสไปเมือง Thessaloniki (Θεσσαλονίκη) แล้วต่อรถบัสไปกรุง Skopje เมืองหลวงของประเทศมาเซโดเนีย เส้นทางโคตรอ้อมเลยครับ

เราจึงเปลี่ยนแผนเป็นเดินทางจากกรีซเข้าอัลเบเนียก่อน ต่อด้วย Kosovo ไป Macedonia แล้ววนกลับเข้าอัลเบเนียอีกครั้งเพื่อข้ามเรือไปอิตาลี (ถ้าไม่มีวีซ่าเชงเก้นแบบเข้าออกได้หลายครั้งหรือ Multiple Entries ไม่สามารถวางแผนทั้ง 2 แผนที่ว่าได้นะครับ)

เราอยากเที่ยวเมือง Berat ของอัลเบเนียที่อยู่ค่อนมามาทางกรีซซึ่งมีรถบัสวิ่งในเส้นทาง Trikala-Berat แค่บริษัทเดียวคือ Crazy Holidays และเป็น night bus ออกตอน 22.15 น. เท่านั้น แต่มีรถทุกวัน (รถบัสคันนี้ต้นทางอยู่ที่เมือง Thessaloniki ส่วนปลายทางคือกรุง Tirana เมืองหลวงของประเทศอัลเบเนีย)
เช็คตารางเวลาและค่ารถบัสได้ที่ www.crazyholidays.gr
เราส่งอีเมลไปที่ [email protected] ขอซื้อตั๋วรถบัส Trikala-Berat ราคา 22 ยูโร (ในเว็บบอก 30 ยูโร) ล่วงหน้าเพราะกลัวรถเต็ม และถามว่าต้องไปขึ้นรถที่ไหน เจ้าหน้าที่ส่งแผนที่บอกพิกัดที่ตั้งว่าให้มาขึ้นรถที่บริษัท เลขที่ 15 ถนน Loggakiou ห่างจากศูนย์กลางเมือง Trikala ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 2.5 กิโลเมตร (สถานีรถบัสหลักของ Trikala อยู่นอกเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับ Gallery Art Hotel)
หลังกินข้าวเย็นแถว Asklipiou เสร็จก็เรียกแท็กซี่ไปบริษัท Crazy Holidays ไม่รู้แท็กซี่มีมิเตอร์รึเปล่า คนขับบอกค่ารถมา 5 ยูโร ราคาสมเหตุสมผลอยู่
เข้าไปนั่งรอรถบัสก่อนเวลารถออกครึ่งชั่วโมงตามที่เค้าแจ้งเมลมา แต่รถมาถึงเลตจากกำหนด 22.15 น. ไปครึ่งชั่วโมง
คืนนี้นั่งเอนหลังหลับในรถบัสข้ามประเทศเข้าสู่ดินแดน Albania จะไปถึงเมือง Berat ตอน 7 โมงเช้า
(ในรถไม่มีห้องน้ำนะครับ จัดการธุระให้เรียบร้อยที่ออฟฟิศของ Crazy Holidays เสียก่อน)
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต