เที่ยวเอง GRAND CANADA
ทริปเที่ยว Canada ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก 8 วัน 10 คืน (บนเครื่องบิน 1 คืน) ในรีวิวตอนที่ 2 นี้ เราจะไปเที่ยวเมืองหลวงของแคนาดา นั่นก็คือ Ottawa

เมื่อวานเราไปเที่ยวหนึ่งในน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก “Niagara” และเดินเล่นในดาวน์ทาวน์ของ Toronto มาครับ
อ่านเรื่องราวในตอนแรก ขั้นตอนและวิธีการขอวีซ่า Canada และแผนเที่ยวทั้งหมดได้จาก
GRAND CANADA เที่ยวเองจากตะวันออกสู่ตะวันตก ตอนที่ 1 “Toronto และ Niagara Falls” ต้นทางสู่น้ำตกสุดยิ่งใหญ่ของโลก
10 โมงเช้าของวันที่ 3 ในแคนาดา (วันที่ 2 ของการเที่ยว) ออกจากคอนโดเดินตามถนน York แค่ 5 นาทีก็ถึงสถานีรถไฟ Union Station
เดินเข้าประตูหลังของสถานีไปที่โถงยาวกลางอาคารซึ่งมีเจ้าหน้าที่ของการรถไฟยืนอยู่ เราเข้าไปถามเค้าว่าจะไป Ottawa ต้องไปขึ้นรถไฟที่ชานชาลาไหนเพราะบอร์ดแสดงขบวนรถไฟไม่มีขบวนที่เราจะขึ้น เค้าบอกว่าให้ไปต่อคิวรอชั่งน้ำหนักกระเป๋าตรงนั้นเลย
เราซื้อตั๋วรถไฟ Toronto-Ottawa ออนไลน์ทาง www.viarail.ca ในราคารวมภาษีแล้ว 49.72 CAD (1,288 บาท) ตั๋วรถไฟคลาสถูกที่สุดนี้สามารถนำกระเป๋าเดินทางใบใหญ่น้ำหนักไม่เกิน 18 กิโลกรัมขึ้นรถไฟได้ ถ้าน้ำหนักเกินจะต้องจ่ายเงินเพิ่มครับ
รถไฟไป Ottawa มีหลายขบวนต่อวัน ขบวนที่เราเลือกคือหมายเลข 40 ซึ่งจะออกเดินทางในเวลา 10.45 น.
(ควรไปถึงก่อนเวลารถไฟออกไม่ต่ำกว่า 30 นาที)
เช็คตารางเวลารถไฟแคนาดาได้ที่ www.viarail.ca
ระหว่างต่อคิวรอชั่งน้ำหนักกระเป๋า ผมจึงลองเดินสำรวจภายในอาคารสถานีรถไฟดูหน่อย แล้วก็เข้าใจว่าถ้าเดินเข้าทางประตูหน้าหรือประตูข้างของสถานีก็จะถึงโถงอาคารกลางซึ่งมีเคาน์เตอร์ขายตั๋วและบอร์ดแสดงขบวนรถไฟ เวลา และชานชาลา (Gate/Port) ที่จะออกชัดเจนครับ
หลังชั่งน้ำหนักเรียบร้อยก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชานชาลา ขนกระเป๋าขึ้นรถไฟให้ถูกต้องตามหมายเลขโบกี้ที่ระบุอยู่ในตั๋วที่ปรินท์จากอีเมลไปและนั่งตามเลขที่นั่งที่แจ้งไว้เช่นกัน
รถไฟขบวนนี้ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง 10 นาที ก็จะถึงสถานีรถไฟ Ottawa ในเวลา 14.55 น. เพราะฉะนั้นเราจะต้องติดมื้อเที่ยงบนรถไฟสิ แต่เราซื้อซูชิลดราคาจากซุปเปอร์ที่โตรอนโตตั้งแต่เมื่อคืนเตรียมไว้กินเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าไม่ได้เตรียมอาหารไว้ก็สามารถซื้อบนรถไฟได้ เมนูตามรูปครับ
ตัดภาพกลับมาที่สถานีรถไฟ Ottawa เลยดีกว่า
บ่าย 3 โมง ออกจากอาคารสถานีรถไฟข้ามถนนไปที่ป้ายรถเมล์ด้านหน้า ดูป้ายหมายเลขรถเมล์ที่ป้ายเห็นว่ามีแค่เบอร์ 61 และ 62 ซึ่งตามข้อมูลที่หามาบอกว่ารถเมล์ที่ใช้เดินทางเข้ากลางเมือง Ottawa ได้คือสาย 92 และ 96
เช็คข้อมูลขนส่งสาธารณะของ Ottawa ได้ที่ Ottawa transportation routes
ลองถามเจ้าหน้าที่ของสถานีที่ยืนอยู่แถวนั้นพอดีว่าจะนั่งรถเมล์สายอะไรเข้าเมืองได้บ้าง เค้าตอบว่าตอนนี้เปลี่ยนเบอร์รถเมล์เป็น 61 และ 62 แล้ว
เราจึงขึ้นรถเมล์สาย 61 ที่มีตัว C ด้วยเข้าตัวเมือง ขึ้นรถไปหยอดตู้จ่ายค่าตั๋วสำหรับผู้ใหญ่และเยาวชนอายุ 13 ปีขึ้นไป 3.40 CAD ต้องเตรียมเหรียญให้พอดีเพราะคนขับรถไม่ทอนเงินนะครับ
ให้ข้อมูลเพิ่มเติมนิดนึงครับ DayPass (Passe Jour) ราคา 10.25 CAD ใช้โดยสารรถเมล์และ O-Train ได้ไม่จำกัดภายใน 1 วัน
อัพเดทราคาค่าโดยสารได้ที่ Ottawa transportation fares
นั่งรถเมล์ประมาณ 20 นาทีก็ลงที่ป้าย Albert / Metcalfe ที่ถนน Albert ในดาวน์ทาวน์ของ Ottawa
ลงรถเมล์แล้วเดินย้อนไปที่สี่แยกจุดตัดกับ Elgin Street ถนนสายหลักของเมือง ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะถึงจุดท่องเที่ยวสำคัญ แต่เราต้องเลี้ยวขวาเดินตามถนน Elgin ราว 800 เมตรเพื่อไปเช็คอินที่ The Business Inn ตรงหัวมุมถนน MacLaren ซึ่งเราจองห้องพักไว้ 1 คืน ราคา 121.50 CAD ต้องบวกภาษีอีก 13% รวมแล้วเป็นเงิน 137.30 CAD มีอาหารเช้าให้ คืนนี้แชร์กันจ่ายค่าโรงแรมคนละเกือบ 1,800 บาทครับ
จองโรงแรมทั่วโลกพร้อมรับส่วนลดได้ที่ www.booking.com
ห้องกว้างขวาง มีอุปกรณ์เครื่องใช้ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบเลย
4 โมงนิดๆ ก็พร้อมเดินชมเมืองหลวงของแคนาดากันแล้ว
Ottawa หรือกรุงออตตาวาคือเมืองหลวงของแคนาดา แต่เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศ มีประชากรไม่ถึง 1 ล้านคนซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับเมืองหลวงของประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก
ออกจากโรงแรมเดินตามถนนสายหลักคือ Elgin Street กลับไปทางเดิม (ทิศเหนือของเมือง) ไม่กี่นาทีก็เห็นอาคารสไตล์ยุโรปทางขวามือ นั่นคือ Ottawa Normal School อาคาร Ottawa Teachers’ College หลังเก่าซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ Ottawa City Hall
ตรงต่อไปก็ผ่าน National Arts Centre (NAC) หรือ Centre national des Arts ศูนย์ศิลปะการแสดงของ Ottawa ซึ่งประกอบด้วย National Arts Centre Orchestra, Ottawa Symphony Orchestra และโรงภาพยนตร์หลายโรง
เลยไปอีกนิดคือ Confederation Square ที่ตั้งของ National War Memorial (Monument commémoratif de guerre) หรือ The Response อนุสรณ์สงครามแห่งชาติแคนาดาที่ออกแบบโดย Vernon March แรกเริ่มสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระเจ้า George ที่ 6 ในปีค.ศ. 1939 ต่อมาได้เพิ่มเป็นการรำลึกถึงชาวแคนาดาที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลี รวมถึงสงครามต่างๆ ทั้งในอดีตและอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น
ตอนที่ไปถึงกำลังจะมีพิธีการเลิกเวรของทหารพอดีครับ
สิ่งก่อสร้างหน้าตาคล้ายปราสาทที่อยู่ข้างหลังทางขวาของอนุสรณ์สงครามแห่งชาติคือ Château Laurier ซึ่งเดี๋ยวเราจะเดินไปที่นั่น
ส่วนอาคารยิ่งใหญ่อีกหลังที่เห็นอยู่ข้างหน้าคืออาคารรัฐสภาของแคนาดาฝั่งที่เรียกว่า East Block หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Eastern Departmental Building (Édifice administratif de l’est) อาคารศิลปะแบบ Victorian High Gothic ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปีค.ศ. 1865 นี้เป็นหนึ่งในอาคารที่ตั้งอยู่ในเขต Parliament Hill (Colline du Parlement) โดยใช้เป็นที่ทำงานของนายกรัฐมนตรีและสมาชิกรัฐสภาจนกระทั่งปีค.ศ. 1942
เดินไปยังด้านหน้าของ The East Block (L’Édifice de l’Est) ซึ่งเป็นอาคารกว้างมาก ต้องถอยไปถ่ายรูปเต็มๆ จากกลางสนามหญ้าเลย
อีกฝั่งถนนตรงข้ามกับสนามหญ้าด้านหน้า Parliament Hill คือ Langevin Block (Édifice Langevin) อาคารที่ทำการของคณะองคมนตรีและนายกรัฐมนตรีของแคนาดา
เดินขึ้นเนินไปยังอาคารรัฐสภาที่เรียกว่า Centre Block (Édifice du Centre) เดิมทีบริเวณนี้เคยเป็นฐานที่มั่นทางการทหารในศตวรรษที่ 18-19 ก่อนที่จะพัฒนาให้เป็นเขตของหน่วยงานราชการเมื่อปีค.ศ. 1859 หลังจากพระนางเจ้า Victoria เลือก Bytown (Ottawa ในปัจจุบัน) เป็นเมืองหลวงของแคนาดา
ผู้สนใจสามารถเข้าชมอาคารรัฐสภาได้ฟรี (แต่อาจจะเป็นเฉพาะปี 2017 นี้)
เช็คเวลาเปิด-ปิดได้ที่ Parliament of Canada opening hour
อ่านข้อมูลและเงื่อนไขเพิ่มเติมในการเข้าชมรัฐสภาได้ที่ visit Parliament of Canada
เดินอ้อมไปยังด้านหลังอาคาร Centre Block ซึ่งเป็นจุดชมวิวสะพาน Alexandra ข้ามแม่น้ำ Ottawa ซึ่งเราจะไปเดินข้ามรัฐจากสะพานนั้นครับ
ตรงนี้เป็นที่ตั้งของ Library of Parliament (Bibliothèque du Parlement) ห้องสมุดที่เล็กที่สุดในโลกเปิดให้เข้าชมได้เช่นกัน
เดินกลับไปยังด้านหน้าของอาคาร Centre Block เดินผ่านไปลงอีกทางหนึ่งซึ่งมีอาคารสวยงามทางทิศตะวันตกของ Parliament Hill ตั้งอยู่ไม่ไกล นั่นก็คือ Confederation Building อาคารสไตล์โกธิคประยุกต์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาคารสำคัญในเขตรัฐสภา แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงก่อสร้างครับ
เดินไปที่สนามหญ้าด้านหน้าอาคาร Centre Block ซึ่งจะเห็นหน้ากว้างเต็มของอาคารรัฐสภาแห่งแคนาดาซึ่งดูเผินๆ นึกว่ากำลังยืนอยู่ที่หน้าหอนาฬิกา Big Ben อันเลื่องชื่อของกรุงลอนดอน ผมจึงขอตั้งฉายาให้ Ottawa ว่าเป็น “London แห่งทวีปอเมริกาเหนือละกันครับ” 🙂
เดินกลับไปทางอนุสรณ์สงครามแห่งชาติ เดินผ่านไปข้ามสะพานข้ามคลอง Rideau ไปยัง Château Laurier ซึ่งปัจจุบันปราสาทสไตล์เฟรนช์โกธิคแห่งนี้เปิดเป็นโรงแรมหรูหราอลังการในชื่อ Fairmont Château Laurier ที่มีห้องพักถึง 429 ห้อง โรงแรมนี้ถูกจัดให้เป็นอาคารสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติเมื่อปีค.ศ. 1980
เลี้ยวซ้ายเดินตามถนน Mackenzie Avenue ด้านข้างของโรงแรมผ่านสถานทูตสหรัฐฯ ไปไม่ไกลก็เห็น Église Notre-Dame-des-Victoires โบสถ์หอคอยแหลมคู่สูงลิบ
ที่ลานหน้าโบสถ์และ National Gallery of Canada (Musée des beaux-arts du Canada) อาคารกระจกและแกรนิตสุดโมเดิร์นที่ออกแบบโดย Moshe Safdie มีผลงานประติมากรรมรูปแมงมุมยักษ์ที่สร้างโดย Louise Bourgeois ในปีค.ศ. 1999 ที่มีชื่อว่า Maman กางขาเด่นอยู่เหมือนที่ Roppongi Hill ที่กรุงโตเกียวเลย
อาคารหลังนี้เปิดเป็นอาร์ทแกลเลอรี่มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1988 สามารถเข้าชมในวันและเวลาแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเดือน ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 12 CAD เยาวชนอายุ 12-19 ปี ราคา 6 CAD เด็กอายุไม่เกิน 11 ขวบไม่เสียค่าเข้าชม ทุกวันพฤหัสบดี 17.00-20.00 น. เข้าชมฟรี
ข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆ ที่ visit National Gallery of Canada
เดินไปทางซ้ายผ่านด้านข้างของอาร์ทแกลเลอรี่ตรงไปข้ามสะพาน Alexandra ซึ่งมีจุดให้ถ่ายรูปอาคารรัฐสภาซึ่งอยู่บนเนินเหนือแม่น้ำ Ottawa ก็จะได้วิวอลังๆ แบบนี้ครับ
เย็นนี้ตำรวจมาปิดกั้นไม่ให้ทั้งคนและรถสัญจรไปมาข้ามสะพานเพื่อเคลียร์อุบัติเหตุใหญ่ที่จุดนี้ ถ้าเดินข้ามสะพานไปก็จะเป็นการเดินข้ามรัฐจาก Ontario สู่เมือง Gatineau ของรัฐ Québec ครับ
เราจึงต้องเดินกลับทางเดิมไปข้ามคลอง Rideau ที่ตอนแดดร่มลมตกก็มักจะมีชาวเมืองมาพายเรือเล่น จูงสุนัขมาเดินเล่น และวิ่งออกกำลังริมคลองกัน
หลังจากได้เดินเที่ยวทั่วบริเวณศูนย์กลางเมืองออตตาวาแล้ว เรารู้สึกว่าเมืองหลวงแห่งนี้มีความเป็นทางการน้อยกว่าโตรอนโต ชาวเมืองส่วนใหญ่แต่งตัวสบายๆ เป็นเด็กนักเรียนนักศึกษาก็เยอะ คนไร้บ้านข้างถนนมีมากพอสมควร แตกต่างจากโตรอนโตที่ภาพรวมๆ ของคนที่นั่นจะเป็นคนหนุ่มสาวหลากเชื้อชาติใส่สูทผูกไทด์ทำงานออฟฟิศ ดูแล้ว formal และธุรกิจจ๋ามากๆ ครับ
เดินผ่านอนุสรณ์สงครามแห่งชาติแคนาดาเข้าถนน Elgin อีกครั้งเพื่อกลับโรงแรม
ระหว่างทางขอแวะซื้ออาหารจากร้านเอเชียใกล้ๆ โรงแรมซึ่งมีทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เรียงติดๆ กันเลย เราเลือกร้านจีนเพราะราคาถูกกว่าญี่ปุ่นและเมนูกินได้มากกว่าเกาหลี สั่งข้าวผัด take away ราคา 5.95 CAD ยังไม่รวมภาษี กลับไปกินที่โรงแรม ถ้านั่งกินที่ร้านจะต้องเสียค่าทิปอีก 15-20% ของราคาอาหารตามธรรมเนียมปฏิบัติครับ
คืนนี้ค้างที่ Ottawa 1 คืน พรุ่งนี้สายๆ จะนั่งรถไฟไปเมืองไฮไลต์ของแคนาดาฝั่งตะวันออก นั่นก็คือ Québec เมืองจะน่ารักน่าเที่ยวเบอร์ไหน ติดตามอ่านรีวิวตอนหน้านะครับ 😉
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต