ออสเตรียอีกครั้ง เที่ยวแบบแกรนด์จากตะวันออกสู่ตะวันตกไปเลย
เช้าวันที่ 4 เรายังเที่ยวใน Hallstatt อีกนิด แล้วนั่งรถไปหมู่บ้าน Gosau
อ่านรีวิวตอนล่าสุดได้ที่ ซัมเมอร์ทริป..เที่ยวเอง Grand Austria + Bavaria ตอนที่ 3 “Hallstatt” เมืองจิ๋วริมทะเลสาบอันงดงามไม่เคยเปลี่ยน
ส่วนเรื่องราวการเที่ยวในวันที่ 1 – วันที่ 3 ช่วงเช้า อ่าน 2 รีวิวด้านล่างนี้ได้เลยครับ
ซัมเมอร์ทริป..เที่ยวเอง Grand Austria + Bavaria ตอนที่ 1 “Vienna” ครั้งที่ 4 ยังมีที่ใหม่ให้ถ่ายรูป
ซัมเมอร์ทริป..เที่ยวเอง Grand Austria + Bavaria ตอนที่ 2 “Graz” เมืองมรดกโลกงดงามคลาสสิกแห่งออสเตรีย
รีวิวแต่ละตอนจะค่อยๆ ไล่เรียงตามแผนที่นี้นะครับ
วันที่ 4
ความเดิมในรีวิวตอนที่แล้ว เรานัดคนขับรถชื่อ Lois มารับแถวท่าเรือ Hallstatt Lahn ทางใต้ของเมืองฮัลล์ชตัทต์ ตอน 10 โมงเช้า
โปรแกรมเที่ยวของวันนี้เราจะไปหมู่บ้าน Gosau, ทะเลสาบ Gosausee, เมือง St. Wolfgang im Salzkammergut, นั่งรถไฟขึ้นยอดเขา Schafberg และค้างคืนในเมือง Bad Ischl ถือว่าค่อนข้างแน่นแม้ระยะทางของแต่ละที่จะใกล้ๆ กันก็ตาม
ดังนั้นเราจึงเลือกใช้บริการคนขับรถท้องถิ่นชื่อ Gosauer Taxi พาเที่ยวเพื่อประหยัดเวลาจากการใช้รถสาธารณะซึ่งอาจต้องตัดบางที่ออก ที่ Hallstatt ไม่มีศูนย์เช่ารถขับเองนะครับ
ติดต่อ Gosauer Taxi ได้ที่ Gosauer Taxi
ถ้าจะใช้รถสาธารณะจะต้องออกจาก Hallstatt ไป Bad Ischl เพื่อเก็บกระเป๋าเดินทางใหญ่ก่อนตั้งแต่ 08.10 น. / 08.45 น. โดยนั่งเรือข้ามฟากจากท่า Hallstatt Markt (Schiffstation) ไปยัง Hallstatt Bahnhst (Schiffstation) แล้วต่อรถไฟท้องถิ่นอีกไม่นาน
ตั๋วเรือข้ามฟาก 3.50 ยูโร + ตั๋วรถไฟ Hallstatt Bahnhof – Bad Ischl Bahnhof อีก 6 ยูโร
เช็คตารางเวลาเรือ รถไฟ และซื้อตั๋วรถไฟได้ที่ www.oebb.at
ควรเลือกโรงแรมใกล้สถานีรถไฟ Bad Ischl จะได้เดินไปเก็บของและกลับมาขึ้นรถเมล์ทันเวลา
นั่งรถเมล์สาย 542 จากป้าย Bad Ischl Bahnhof (ด้านข้างสถานีรถไฟ Bad Ischl) ไปลงที่ป้าย Gosau Abzw Pass Gschütt ใช้เวลา 42 นาที กับระยะทางเกือบ 28 กม.
ซื้อตั๋ววัน OÖVV Day Ticket ราคา 14.20 ยูโร (ถ้าซื้อตั๋ว OÖVV Single Ticket ราคา 7.10 ยูโร)
เช็คตารางเวลารถเมล์ รถไฟ และซื้อตั๋วได้ที่ www.oebb.at
เดินไปยังจุดถ่ายรูป 2 จุด และเดินกลับไปที่ป้าย Gosau Abzw Pass Gschütt ใช้เวลาชั่วโมงเดียวก็พอ
จากนั้น นั่งรถเมล์สาย 542 เหมือนเดิมไปลงที่ป้าย Hintertal b.Gosau Gosaukammbahn ใช้เวลา 12 นาที (ถ้าซื้อตั๋ว OÖVV Single Ticket ราคา 2.80 ยูโร) แล้วเดินไป Vorderer Gosausee หรือทะเลสาบโกเซา
บ่าย ไป St. Wolfgang im Salzkammergut
โดยรถเมล์สาย 542 จากป้าย Hintertal b.Gosau Gosaukammbahn กลับไปที่ป้าย Bad Ischl Bahnhof ต่อสาย 546 อีก 34 นาที ไปลงที่ป้าย St.Wolfgang im Salzk. Schafbergbf (R.Stolz-Straße) ช่วงนี้เสียเวลาเดินทางกว่าชั่วโมงครึ่ง
ตั๋วรถเมล์สาย 546 แบบ OÖVV Single Ticket ราคาเที่ยวละ 4.90 ยูโร, ตั๋ววัน OÖVV Day Ticket ราคา 9.80 ยูโร
ถ้าไปถึงป้าย St.Wolfgang im Salzk. Schafbergbf (R.Stolz-Straße) 14.10 น. ก็ยังขึ้นรถไฟไปยังยอดเขา Schafberg ทัน
นั่งรถไฟลงเขาแล้วเดินเล่นในเมือง St. Wolfgang im Salzkammergut ประมาณ 1 ชั่วโมง
เดินประมาณ 500 เมตรไปที่ป้าย St.Wolfgang im Salzk. Au นั่งรถเมล์สาย 546 กลับไปลงที่ป้าย Bad Ischl Bahnhof เมือง Bad Ischl
วิธีการดังกล่าวเสียเวลาอยู่บนรถและรอรอบรถค่อนข้างเยอะ มีเวลาเที่ยวแต่ละที่น้อยไปหน่อย
เราจึงเลือกใช้ private driver ตามที่บอกไปตอนแรกครับ
ออกจาก Hallstatt ไป Gosau
นั่งรถประมาณ 20 นาทีไปลงที่โบสถ์ Pfarrkirche Gosau แล้วเดินขึ้นเนินอีกไม่ไกลไปยัง Calvary Gosau โบสถ์เล็กๆ สีชมพูอ่อนบนเนินเขา
จากพิกัดนี้จะได้วิวสดชื่นด้วยสีเขียวของทุ่งหญ้าแบบนี้
ลงเนินแล้วเดินไปยังโบสถ์ยอดแหลมสูงเด่นอีกแห่งชื่อว่า Evangelische Pfarrgemeinde A.B. Gosau
ด้านหลังโบสถ์เป็นจุดถ่ายรูปหมู่บ้านที่สวยงามอีกแห่ง แต่วันนี้เมฆเยอะไปนิดเลยเห็นยอดเขาหยักๆ ข้างหลังไม่เต็มที่เท่าไหร่
นั่งรถลงเนินไปที่ถนนสายหลักใกล้ป้ายรถเมล์ Gosau Wirtsweg แถวนี้ก็ถ่ายรูปสวยเช่นกัน
นั่งรถอีกไม่ถึง 10 นาทีก็ถึง Vorderer Gosausee (Gosausee) หรือทะเลสาบโกเซาวิวปังแห่งออสเตรีย นั่นเอง
ที่นี่มีกิจกรรมหน้าร้อนให้ทำ เช่น ขับเรือในทะเลสาบ ปั่นจักรยาน และเดินเทรลไปยังทะเลสาบอื่นในบริเวณนี้ เช่น Gosaulacke, Hinterer Gosausee
ทะเลสาบทั้ง 3 นี้เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งบนแนวภูเขาขนาดใหญ่ชื่อว่า Dachstein ซึ่งโอบล้อมพื้นที่บริเวณนี้จนเกิดเป็นสถานที่สุดงดงามตามธรรมชาติ
จริงๆ ควรมาถึง Gosausee ช่วงบ่ายจะได้เงาสะท้อนน้ำที่สวยงามชัดเจนกว่านี้ครับ แต่แค่นี้ก็สวยมากแล้ว
จุดหมายต่อไปของวันนี้คือยอดเขา Schafberg เหนือเมือง St. Wolfgang im Salzkammergut ซึ่งต้องไปขึ้นรถไฟขึ้นเขาให้ทันตามรอบ
ไป St. Wolfgang im Salzkammergut (ระยะทางราว 50 กม.)
St. Wolfgang คืออดีตศูนย์กลางการค้าของออสเตรียในรัฐ Oberösterreich (Upper Austria) ตั้งอยู่ริมฝั่งด้านเหนือของทะเลสาบ Wolfgangsee บริเวณเชิงเขา Schafberg
เมืองเล็กๆ บนความสูง 548 เมตรจากระดับน้ำทะเลนี้คือเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งในฤดูร้อนที่ผู้คนมาพักผ่อนตากอากาศริมทะเลสาบและหน้าหนาวที่กลายเป็นจุดพักสำหรับขึ้นไปเล่นสกีบนภูเขา
เราไปขึ้นรถไฟไม่ทันรอบ 12.50 น. เลยต้องรออีก 40 นาที
รถไฟขบวนนี้จำกัดจำนวนผู้โดยสาร ถ้าขายตั๋วเต็มแล้วต้องรอรอบต่อไปเลย ในฤดูร้อนวันที่อากาศดีคนจะเยอะมาก ควรมาซื้อตั๋วก่อนถึงเวลานานหน่อย แต่ถ้าอากาศแย่ก็จะขึ้นลงไม่ได้ครับ
นั่งเล่นและถ่ายรูปทะเลสาบ Wolfgangsee ใกล้ๆ สถานีรถไฟ SchafbergBahn รอเวลารถไฟขบวนถัดไป
บ่ายโมงครึ่ง นั่งรถไฟคลาสสิกจากสถานี SchafbergBahn (Schafberg Cog Railway) ขึ้นเขาไปยังสถานี Schafbergspitze ใช้เวลา 35 นาที ตั๋วราคาไป-กลับสำหรับผู้ใหญ่ 43.30 ยูโร
เช็คเวลาให้บริการและค่าตั๋วได้ที่ https://wolfgangsee.salzkammergut.at
เส้นทางรถไฟเก่าแก่นี้มีความยาวเกือบ 6 กม. เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1893 พาขึ้นเขาไปยังจุดชมวิว Himmelspforte Schafberg ที่ความสูง 1,783 เมตร ซึ่งมองลงไปเห็นวิวทะเลสาบรอบด้านแบบ 360 องศา ไม่ว่าจะเป็น Wolfgangsee, Mondsee และ Attersee
จุดนี้หิวมากแล้ว ขอหาอะไรกินที่ร้าน Gaststätte Himmelspforte (Himmelspforte Mountain Hut) บนจุดสูงสุดของยอดเขา
อิ่มแล้วค่อยเดินหามุมถ่ายรูปทะเลสาบต่างๆ ที่อยู่รอบๆ
16.25 น. นั่งรถไฟลงเขากลับไปที่สถานี SchafbergBahn
เดินเล่นในเมือง St. Wolfgang
เดินเลียบทะเลสาบประมาณ 700 เมตรเข้าตัวเมือง St. Wolfgang ไปที่ St. Wolfgang Kirche โบสถ์สำคัญประจำเมือง
ในเมืองเรียงรายด้วยโรงแรมและรีสอร์ทหรูมากมายซึ่งส่วนมากมีบริการสปาน้ำแร่ด้วย เหมาะจะมาพักผ่อนชิลล์ๆ ริมทะเลสาบสุดๆ
เลยโบสถ์ไปนิดคือโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากชื่อว่า Weissen Rössl (White Horse Inn) โรงแรม 4 ดาวอยู่ริมทะเลสาบเลย
เมืองเล็กนิดเดียว เดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้วครับ
กลับ Bad Ischl
เราบอกคนขับรถให้ไปรอที่ท่าเรือ Strobl ทางตะวันออกสุดของทะเลสาบ Wolfgangsee เพราะจะนั่งเรือสาธารณะและถ่ายรูปเมือง St.Wolfgang ทั้งแผงจากบนเรือ
เดินไปท่าเรือ Wolfgangsee Schifffahrt (St. Wolfgang Markt) ขึ้นเรือรอบ 17.50 น. ไปลงที่ท่า Strobl เวลา 18.15 น. ค่าเรือเที่ยวละ 6.20 ยูโร
เช็คตารางเวลาและค่าเรือได้ที่ https://wolfgangsee.salzkammergut.at
วิวเมือง St.Wolfgang จากบนเรือสวยมากครับ
Lois มารอรับเราที่ท่าเรือ Strobl อยู่แล้ว
นั่งรถประมาณ 15 นาทีกลับ Bad Ischl
สำหรับผู้ที่ใช้รถสาธารณะสามารถนั่งรถเมล์สาย 546 จากป้าย Strobl Busbahnhof (Bahnstraße) ไปลงที่ป้าย Bad Ischl Bahnhof ได้
เช็คอินที่ Stadthotel Goldenes Schiff
โรงแรม 4 ดาวริมแม่น้ำ Traun ห้องดูเรียบหรูตามแบบฉบับออสเตรีย มีระเบียงให้ชมวิวแม่น้ำด้วย
เย็นนี้มีเวลาเหลือเลยเดินไป EurothermenResorts ว่ายน้ำในสระน้ำแร่เพราะเมืองนี้มีชื่อเสียงเรื่องสปาน้ำแร่มากๆ
ที่นี่มีส่วนของโรงแรมและสระทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ให้เลือก
เปิดทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้า – เที่ยงคืน ค่าใช้บริการ Salzkammergut thermal bath 26 ยูโร ส่วน Sauna world Relaxium ราคา 31 ยูโร
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ EurothermenResorts
กลับโรงแรมไปดินเนอร์ที่ Restaurant TraunTown พาสต้าเห็ดทรัฟเฟิลหอมอร่อยสุดๆ ครับ
ค้างคืนที่ Bad Ischl
วันที่ 5 ช่วงเช้า
เดินเที่ยวในเมือง Bad Ischl นิดหน่อยก่อนไป Salzburg
บาด อิชล์ คือเมืองสปาน้ำแร่เก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำ Traun ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเขตรีสอร์ท Salzkammergut
ในปีค.ศ. 2024 เมืองนี้จะได้เป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรปซึ่งถือเป็นเมืองที่ 3 ของออสเตรียต่อจากเมือง Graz และ Linz
ออกจากโรงแรมเดินไปทางขวาเลียบแม่น้ำ Traun
พอถึงสะพานข้ามแม่น้ำก็เลี้ยวขวาเดินอีกไม่ไกลก็ถึง Kurpark สวนเล็กๆ ที่ตั้งของอาคาร Kongress และ Theaterhaus
ตรงต่อไปจนสุดถนนก็เลี้ยวขวาเดินตรงไปจนสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายอีกไม่ไกลก็เห็นทางเข้าสวนของ Kaiservilla ที่ประทับฤดูร้อนของจักรพรรดิ Franz Joseph และพระราชินี Elisabeth แห่งจักรวรรดิออสโตร-ฮังกาเรียนอันสวยงามคลาสสิกและสดชื่นด้วยสวนดอกไม้สีสันสดใส
ค่าเข้าสวนสำหรับผู้ใหญ่ 5.20 ยูโร
เช็คเวลาเปิด-ปิดและค่าเข้าแบบต่างๆ ได้ที่ www.kaiservilla.at
เดินประมาณ 850 เมตรกลับโรงแรมและเดินไปที่ป้าย Bad Ischl Bahnhof
ขึ้นรถเมล์สาย 150 ไปเมือง Salzburg ตั๋วรถเมล์ราคา 11.30 ยูโร
เช็คตารางเวลารถเมล์ได้ที่ www.oebb.at
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต