ประเทศจีนมีดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลกว่า 1 ใน 5 ของทวีปเอเชีย มีเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกมากมาย
แต่ละแห่งถือว่าสุดยอดมากๆ ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ วัฒนธรรมที่หลากหลาย เมืองสุดทันสมัย และธรรมชาติครบทุกอย่าง เรียกว่าไปเที่ยวทั้งชีวิตก็คงไม่หมด
แต่มีเมืองหนึ่งของจีนที่ผมรู้สึกว่าต้องไปให้ได้สักครั้งในชีวิตก็คือ Xi’an (西安) เมืองหลวงของมณฑล Shaanxi (陕西) ทางตะวันตกของดินแดนจีนและตอนกลางของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะเป็นเมืองที่มีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน ในอดีตซีอานเคยเป็นราชธานีหรือเมืองหลวงโบราณของ 13 ราชวงศ์ เช่น โจว ชิน ฮั่น และถัง เป็นระยะเวลารวม 1,100 ปี ซีอานเป็นที่ตั้งของมรดกโลกอย่างสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ (Qín Shǐ Huángdì) ปฐมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ฉินและประเทศจีน และเป็นเมืองที่ผสมผสานวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบจีนกับอิสลามที่เข้ากันอย่างลงตัว จึงเป็นหนึ่งเมืองของจีนที่น่าไปเที่ยวชมมากๆ ครับ
ในทริปนี้เราจะไปเที่ยวอีกหนึ่งเมืองของจีนซึ่งมีมรดกโลกอันน่าอัศจรรย์ด้วย นั่นคือ Luoyang (洛阳) เมืองลั่วหยางอยู่ทางทิศตะวันออกของซีอาน ห่างออกไปราว 400 กิโลเมตร

การเดินทางไปประเทศจีนต้องทำการขอวีซ่าจีนเสียก่อน ซึ่งขณะนี้การขอวีซ่าจีนต้องทำผ่านศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าที่อาคารธนภูมิ ชั้น 5 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
เอกสารหลักฐานที่ต้องใช้ในการขอวีซ่าท่องเที่ยว (L) สำหรับบุคคลทั่วไป (ไม่ใช่สื่อ) มีดังนี้
- Visa Application Form หรือใบคำขอวีซ่าจีน (ดาวน์โหลดได้จาก link ที่ให้ไว้ด้านล่าง)
- หนังสือเดินทางตัวจริงและสำเนา 1 ชุด ถ้าเคยมีวีซ่าจีนในเล่มเก่าให้ถ่ายเอกสารหน้าหนังสือเดินทางเล่มนั้นและหน้าวีซ่าจีนไปด้วย
- รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 รูป (ดูรายละเอียดพิเศษจาก link ที่ให้ไว้ด้านล่าง)
- ตั๋วเครื่องบินไปกลับ
- หลักฐานการจองโรงแรมที่พัก
ค่าธรรมเนียมวีซ่าแบบธรรมดา 1,500 บาท ใช้เวลา 3 วันทำการ
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.visaforchina.org
ก่อนออกเดินทางก็ต้องเตรียมข้อมูลเที่ยวให้พร้อมครับ เมื่อก่อนไปเที่ยวจีนเองค่อนข้างยากเพราะข้อมูลแบบละเอียดๆ มีไม่มากและมีปัญหาเรื่องภาษาที่ใช้ในการสื่อสารด้วย แต่เดี๋ยวนี้เตรียมตัวง่ายขึ้นเยอะแล้วครับ China Easy Guide ไกด์บุ๊คที่ช่วยให้คุณเดินทางไปเที่ยวจีนเองได้ไม่ยาก ฟังพูดอ่านเขียนจีนไม่ได้ก็ไปเที่ยวเองได้ สามารถดาวน์โหลดข้อมูลจาก www.airasia.com/th/th/destinations/see-a-different-china.page มาเก็บไว้ในมือถือหรือปรินท์พกติดตัวไปเลยก็ได้ หรือจะอ่านรีวิวนี้แล้วลอกเลยก็ไม่ว่ากันครับ 🙂
จีนใช้สกุลเงินหยวน (元) อัตราแลกเปลี่ยนคือ 1 หยวน = 5 บาท แนะนำให้แลกเงินหยวนให้พอใช้ตลอดทริปเพราะร้านค้าและโรงแรมที่ไม่ใช่อินเตอร์เนชั่นแนลจะไม่ค่อยรับบัตรเครดิต Visa, MasterCard และอื่นๆ เค้าจะรับแค่บัตร UnionPay แทนครับ
วันแรกของทริป
เราเดินทางไปสนามบินดอนเมืองเพื่อขึ้นเครื่องบินสายการบิน Air Asia เที่ยวบิน FD588 ซึ่งมีกำหนดออกในเวลา 16.35 น.
แอร์เอเชียเป็นสายการบินตรงจากกรุงเทพฯ ไปยังซีอานเพียงสายเดียว มีไฟลท์บินทุกวันและกำลังจะเพิ่มเป็นวันละ 2 ไฟลท์ตั้งแต่มกราคมปีหน้า สะดวกมากๆ อยากไปเวลาไหนก็บินได้เลย ราคาตั๋วไม่แพงด้วย แอร์เอเชียจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุดสำหรับบินไปประเทศจีนเพราะมีไฟลท์บินตรงสู่เมืองต่างๆ ของจีนมากที่สุดนั่นเอง
#ไปจีนไปกับแอร์เอเชีย
จองตั๋วเครื่องบินได้ที่ www.airasia.com
นั่งคุยและรับประทานอาหารเย็นเพลินๆ แค่ 4 ชั่วโมงเราก็เดินทางถึง Terminal 3 (T3) ของสนามบิน Xi’an Xianyang (西安咸阳国际机场) เมืองซีอาน ในเวลาท้องถิ่น 21.35 น. (เวลาของประเทศจีนเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)
สนามบินนานาชาติซีอานเสียนหยางตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือห่างจาก Bell Tower หอระฆังใจกลางเมือง
ซีอานประมาณ 40 กิโลเมตร
การเดินทางเข้าศูนย์กลางเมืองซีอานสามารถนั่งรถ Airport Bus ค่าตั๋ว 25 หยวน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ไปลงที่สถานีรถไฟความเร็วสูง Xī‘ānběi Zhàn (西安北站) หรือ Xi’an North Railway Station (มีรถบริการตั้งแต่ 08.00-21.00 น.) แล้วต่อรถไฟใต้ดินสาย 2 (สีแดง) ไปยังสถานีต่างๆ ในเมือง เช่น Zhōnglóu Zhàn (钟楼站) หรือ Bell Tower ใช้เวลาอีกราว 30 นาที ค่าตั๋วรถไฟใต้ดิน 4 หยวน
เช็คเส้นทางและค่ารถ Airport Bus ได้ที่ www.travelchinaguide.com
เช็คข้อมูลค่าตั๋วรถไฟใต้ดินได้ที่ www.travelchinaguide.com

แต่เรามากัน 4 คนจึงเลือกเรียกแท็กซี่ไปส่งที่โรงแรม Citadines Central Xi’an ใกล้ Drum Tower และ Bell Tower เลย สะดวกกว่าเยอะ ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ค่าแท็กซี่รวมค่าทางด่วน 200 หยวน ไม่ต้องกังวลถูกโกงนะครับ เค้ากดมิเตอร์เลย
เดินออกจาก T3 ข้ามถนนตรงเข้า Terminal หลักของสนามบินตามป้ายบอกทางไป Airport Bus และแท็กซี่ซึ่งมีอยู่เป็นระยะๆ ครับ
โรงแรมนี้ทำเลดีมากอยู่ใจกลางเมืองเลย เดินแค่ 300 เมตรก็ถึง Drum Tower และ 600 เมตรก็ถึงสถานีรถไฟใต้ดิน Bell Tower แล้ว ไปไหนมาไหนสะดวกทั้งรถไฟใต้ดินและรถเมล์ สภาพห้องดีมาก กว้างขวาง สะอาด ราคาถือว่าไม่แพง เราพักที่นี่ 3 คืน จ่ายค่าห้องพัก 993.60 หยวน + property service 15% และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 7% รวมแล้วเป็น 1,053 หยวน หรือประมาณ 5,300 บาท ตกคืนละ 1,700 กว่าบาท แต่ให้อาหารเช้าแค่ห้องละ 1 คนครับ
วันที่ 2 ซึ่งเป็นวันแรกของการเที่ยว
ทริปนี้เรามีเวลาเที่ยว 3 วันเต็มจึงวางแผนเที่ยวเองไว้แบบหลวมๆ สบายๆ เน้นเสพวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันแตกต่างหลากหลายของทั้งสองเมือง วันนี้จะพาไปเที่ยวเมืองลั่วหยางกันก่อนเพราะพยากรณ์อากาศบอกว่าท้องฟ้าปลอดโปร่ง
เริ่มต้นสายหน่อยๆ (ตื่นไม่ไหว) 555 ออกจากโรงแรมเดินตรงไปทาง Gǔlóu (鼓楼) หรือ Drum Tower หอกลองแห่งซีอาน เลี้ยวขวาเดินตามถนนใหญ่ไปยังวงเวียนที่ตั้งของ Zhōnglóu (钟楼) หรือ Bell Tower หอระฆังแห่งซีอาน
ลงบันไดลอดอุโมงค์ผ่านถนนทางเข้า Muslim Street เข้าไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน Zhōnglóu Zhàn (钟楼站) หรือ Bell Tower (ทางเข้าอยู่ข้างร้าน Starbucks)
กดตู้ขายตั๋วหรือซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินจากเคาน์เตอร์ขายตั๋วไปสถานี Xī’ānběi Zhàn ราคา 4 หยวน (บอกคนขายว่าซีอานเป่ย หรือ North Station ก็ได้)
นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 (สีแดง) ไปทางเหนือของเมืองลงสุดสายที่สถานี Xī‘ānběi Zhàn (西安北站) หรือ Xi’an North Railway Station ใช้เวลาประมาณ 25 นาที ในขบวนรถไฟใต้ดินมีประกาศเป็นภาษาอังกฤษชัดเจนและมีป้ายบอกชื่อสถานีดูง่ายมากครับ
เดินไปซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง Xi’anbei (西安北) – Luoyanglongmen (洛阳龙门) ราคาเที่ยวละ 174.50 หยวน (ประมาณ 875 บาท) ต้องใช้พาสปอร์ตในการซื้อด้วยนะครับ
ในตั๋วระบุเลขที่ชานชาลาคือ A12, โบกี้ 3 และที่นั่งหมายเลข 11D ต้องขึ้นให้ถูกตู้และนั่งตามที่นั่งที่ระบุไว้นะครับ
10.25 น. รถไฟความเร็วสูงออกจากซีอาน (เส้นทางนี้มีรถไฟออกค่อนข้างถี่ เช่น 07.35, 07.40, 08.07, 08.12, 08.36, 09.25, 09.34, 09.51, 10.15, 10.25, 10.37 น.)
เช็คเวลารถไฟและราคาตั๋วได้ที่ http://trains.ctrip.com เลือก translate เป็นภาษาอังกฤษได้นะครับ
รถไฟความเร็วสูงของจีนใหม่ ทันสมัย และสะอาดมากครับ แล่นด้วยความเร็วกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขาไปนี้รถไฟจอดแค่สถานีเดียวคือ Huashan ซึ่งเป็นสถานีสำหรับเดินทางต่อไปขึ้นเขาหัวซาน จากนั้นตียาวรวดเดียวถึงสถานีรถไฟ Luòyáng Lóngmén (洛阳龙门) อ่านว่า “ลั่วหยาง หลงเหมิน” เมืองลั่วหยาง (洛阳) มณฑลเหอหนาน (Hénán) ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 28 นาที กับระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร
รถไฟมีประกาศเป็นภาษาอังกฤษนะครับ ไม่ต้องกลัวลงผิดสถานีแน่นอน
เที่ยงตรง ขอหาอะไรกินมื้อเที่ยงในสถานีรถไฟก่อน ตัวเลือกที่เวิร์คที่สุดหนีไม่พ้น KFC ครับ 555
จากนั้นเดินตามป้ายบอกทางไปเรียกแท็กซี่ บอกคนขับรถว่าไปหลงเหมินสือคู สะกดแบบนี้ครับ Lóngmén Shíkū (龙门石窟) ส่วนภาษาอังกฤษสำหรับ search หาจาก google map คือ Longmen Grottoes ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Luòyáng Lóngmén ประมาณ 6 กิโลเมตร จ่ายค่าแท็กซี่แบบกดมิเตอร์ไป 14 หยวน
ไม่นานแท็กซี่ก็มาจอดส่งที่ทางเข้า Lóngmén Shíkū
เข้าไปในอาคารซื้อตั๋วเข้าชมราคา 100 หยวน (500 บาท) และขอจ่ายค่าบริการรถกอล์ฟคนละ 10 หยวนไปส่งที่หน้าทางเข้าถ้ำแทนการเดินกว่า 2 กิโลเมตร
จากทางเข้าต้องเดินอีกระยะหนึ่งถึงจะถึงถ้ำหลัก
ระหว่างทางเดินริมแม่น้ำ Yī มีวิวงามๆ ให้ชื่นชมตลอดครับ ช่วงปลายเดือนตุลาอากาศดีมาก ไม่หนาว ไม่ร้อน อุณหภูมิประมาณ 13-16 องศา ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีแล้วด้วย
ถ้ำเล็กถ้ำน้อยที่เกิดจากการเจาะภูเขาเข้าไปแกะสลักพระพุทธรูป นางฟ้า เทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ มีให้เห็นตลอดทางครับ
ในที่สุดเราก็เดินมาถึงทางขึ้นไปยังถ้ำที่ใหญ่และสวยงามที่สุดของ Lóngmén Shíkū ที่ชื่อว่า Fèngxiàn หรือถ้ำ
เฟิ่งเซียน
Lóngmén Shíkū (龙门石窟) ถ้ำหลงเหมินหรือถ้ำหินประตูมังกร (Dragon’s Gate Grottoes) ตามคำแปลของชื่อหลงเหมินสือคู ถ้ำอันน่าอัศจรรย์ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปีค.ศ. 2000 แห่งนี้เป็นถ้ำในพุทธศาสนา 1 ใน 4 ของประเทศจีนที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ถ้ำหลายร้อยถ้ำเกิดจากฝีมือการแกะสลักของคนจีนตั้งแต่ปีค.ศ. 439 ในสมัยจักรพรรดิเซี่ยวเหวินตี้ ค่อยๆ แกะสลักภูเขาหินแกรนิตเพิ่มเรื่อยๆ ตลอด 400 กว่าปีของสมัยเป่ยฉี สุย ถัง และซ่ง
ตามแนวภูเขาเต็มไปด้วยถ้ำเล็กบ้างใหญ่บ้างซึ่งเป็นกุฏิลักษณะคล้ายรังผึ้งกว่า 2,000 ถ้ำ มีรูปแกะสลัก 1 แสนกว่ารูป เจดีย์ 400 กว่าองค์ ศิลาจารึก 3,600 กว่าประโยค
ถ้ำเฟิ่งเซียนเริ่มแกะสลักเมื่อปีค.ศ. 672 ในช่วงต้นราชวงศ์ถังเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดโดยกว้างถึง 36 เมตร ลึก 41 เมตร และสูง 22 เมตร พระพุทธรูปและเหล่าเทพมีความสวยงามและคงสภาพสมบูรณ์ที่สุด โดยพระประธานคือพระรจนา (Vairocana Buddha) มีความสูง 17.14 เมตร พระพักตร์เอิบอิ่ม พระเนตรมีแววเมตตา พระกรรณ (ใบหู) ทั้งสองข้างยาวซึ่งชาวจีนถือว่าเป็นลักษณะของผู้มีอายุยืน
ต้องยอมรับในความวิริยะอุตสาหะของคนสมัยโบราณจริงๆ ครับ สมแล้วที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก
ขากลับ เดินออกประตูอาณาเขตของถ้ำหลงเหมินข้ามสะพานไปอีกฝั่งของแม่น้ำ เดินไปที่จุดถ่ายรูปกลับไปยังถ้ำ
เฟิ่งเซียน
ขึ้นรถกอล์ฟอีก 10 หยวนกลับไปยังจุดขายตั๋วที่เดิม แนะนำให้ออกไปเรียกแท็กซี่ที่เดียวกับตอนขามาเพราะถ้าเรียกจากข้างในจะโดนโก่งราคาเป็น 30-40 หยวน เราจ่ายค่าแท็กซี่แบบกดมิเตอร์ขากลับสถานีรถไฟ Luòyáng Lóngmén (洛阳龙门) 15 หยวนครับ
ซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง Luoyanglongmen (洛阳龙门) – Xi’anbei (西安北) ขบวน 16.24 น. อีก 174.50 หยวน (ขากลับมีรถไฟในเวลา เช่น 15.23, 16.24, 16.48, 17.17, 17.27, 17.48, 18.38, 18.48, 19.01, 19.06, 19.15, 19.20, 19.34 น.)
เดินเข้าไปในอาคารสถานีรถไฟขึ้นรถไฟตามหมายเลขชานชาลาที่ระบุในตั๋ว ขึ้นโบกี้และนั่งให้ถูกเบอร์
รถไฟกลับซีอานขบวนนี้จอดมากสถานีกว่าขามา ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่งก็เดินทางถึง Xī‘ānběi Zhàn (西安北站) หรือสถานีรถไฟความเร็วสูงซีอานเป่ย
ซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินกลับสถานี Zhōnglóu Zhàn (钟楼站) หรือ Bell Tower อีกใบละ 4 หยวน นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 (สีแดง) อีกราว 25 นาทีก็กลับถึงใจกลางเมือง
ออกจากสถานีไปที่ทางเข้า Muslim Street ที่ชื่อถนน Běiyuàn Mén (北院门) มองไปเห็น Drum Tower อยู่ไม่ไกล
ขึ้นบันไดไปถ่ายรูป Zhōnglóu (钟楼) หรือ Bell Tower ยามค่ำซึ่งเปิดไฟอย่างสวยงาม
หอระฆังแห่งซีอานหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1384 ในช่วงต้นราชวงศ์หมิง ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสก่อด้วยอิฐดำกว้างและยาวด้านละ 35.5 เมตร ความสูงรวมฐาน 38 เมตร ประตูทั้ง 4 ทิศสูงและกว้าง 6 เมตร เดิมมีระฆัง 1 ใบใช้สำหรับตีบอกเวลาตอนกลางวัน
หอระฆังนี้ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญหนึ่งของซีอาน เปิดให้ขึ้นชมทุกวันตั้งแต่ 07.00-22.00 น. ค่าผ่านประตู 35 หยวน ถ้าซื้อแบบรวมค่าเข้าหอกลองด้วยราคา 50 หยวน (ทางเข้าอยู่ใต้ดินเพราะหอระฆังอยู่ตรงกลางวงเวียนขนาดใหญ่)
ลงบันไดตรงเข้าถนน Běiyuàn Mén (北院门) ซึ่งแปลว่า North Gate ไปทาง Gǔlóu (鼓楼) หรือ Drum Tower หอกลองแห่งซีอาน เย็นนี้เรายังไม่เข้าหอกลองครับ เดี๋ยววันพรุ่งนี้ค่อยมาเข้าตอนก่อนฟ้ามืดสนิทดีกว่า
เดินผ่านร้านค้าและแผงขายของกินมากมายไปจนถึงต้นทาง Muslim Street จากตรงนี้มีป้ายบอกทางไป Xi’an Mosque หรือ Xīān Dà Qīngzhēnsì ซึ่งพรุ่งนี้ค่อยเดินไปเช่นกัน
เก็บภาพบรรยากาศถนน Huímín Jiē (回民街) หรือ Muslim Street ถนนคนเดินที่เต็มไปด้วยร้านขายของกินทั้งคาวหวานของชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในซีอาน ตอนกลางคืนที่นี่จะคึกคักเป็นพิเศษครับ
ต่อไปจะเป็นรูปของกินรัวๆ ครับ
แล่เนื้อแพะกันสดๆ เอามาทำหยางโย่วหรือเนื้อแพะย่างครับ ไม้นึง 10 หยวน ผมว่ารสชาติโอเคนะ แต่กลิ่นสาบแพะมันรุนแรงไปหน่อยอ่ะ
ปูนิ่มทอดกรอบไม้นี้ 25 หยวน
ของหวานก็มา
ร้านนี้แนะนำเลยครับ “ฉันยุ่งมาก” มีหลายสาขา น้ำมะม่วงแก้วยักษ์ 35 หยวน
โยเกิร์ตนมแพะอร่อยมาก ขวดละ 10 หยวน
หยางโย่วอีกแล้ว
ยิ่งดึกยิ่งเดินเข้าไปลึกคนยิ่งเยอะครับ
เดินไปกินไป แต่มื้อค่ำนี้เราก็ยังขอจัดอาหารท้องถิ่นซีอาน นั่นคือ หมี่เย็นราดด้วยซอสถั่ว รสชาติแปลกๆ พอกินได้ครับ และเมนูหน้าตาคล้ายขนมผักกาดบ้านเรา แต่ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่
หนังท้องตึง หนังตาหย่อน คืนนี้ขอตัวลากลับไปนอนให้สบายที่โรงแรมก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยเที่ยวกันใหม่
วันที่ 3
วันนี้เราจะไปชมสถานที่สำคัญที่สุดของซีอาน นั่นก็คือ “สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้” ครับ
ออกจากโรงแรมตรงไป Gǔlóu (Drum Tower) เหมือนเมื่อวาน แต่เลี้ยวซ้ายไปรอรถเมล์ที่ป้ายคนละฝั่งกับหอกลอง ขึ้นรถเมล์สาย 201, 205 หรือ 611 ที่แล่นไปทางหอระฆัง ค่าตั๋วรถเมล์ 2 หยวน (ถ้านั่งแท็กซี่ไปก็ไม่น่าเกิน 15 หยวน)
นั่งประมาณครึ่งชั่วโมงไปลงสุดสายที่ Xī‘ān Zhàn (西安站) หรือสถานีรถไฟซีอาน (พอเห็นกำแพงเมืองอยู่ข้างหน้าก็เตรียมตัวลง)

หันหน้าเข้าหาอาคารสถานีรถไฟ
เดินไปทางขวาก็เห็นลานจอดรถเมล์สาย 306, 914, 915 เราเลือกขึ้นสาย 306 ขึ้นไปก่อนแล้วค่อยจ่ายตังค์ 7 หยวน (สาย 914 และ 915 ตั๋วราคา 8 หยวน) รถเต็มก็ออกครับ
นั่งรถไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างทางรถจอดให้ลงที่วัง Huaqing (华清池) หรือหวาชิงฉือ วังฤดูร้อนของก๊กฉินในสมัยราชวงศ์ถังที่ภายในบริเวณมีบ่อน้ำร้อนอยู่หลายสิบบ่อ ค่าเข้าชม 110 หยวน แต่เราไม่ได้แวะเที่ยวที่นี่ครับ
อีกชั่วโมงถัดมารถเมล์ก็จอดสุดสาย ต้องเดินอีกราว 300 เมตรไปยังจุดขายตั๋วเข้าชมสุสาน
ซื้อตั๋วราคา 150 หยวน (750 บาท) ผ่านประตูเข้าไปแล้วต้องเดินอีกไกลอยู่กว่าจะถึงอาคารพิพิธภัณฑ์และสุสาน
(จะนั่งรถกอล์ฟไปคนละ 5 หยวนก็ได้)
Qínshǐhuáng bīngmǎyǒng (Mausoleum of the First Qin Emperor) สุสานฉินสื่อหวง (秦始皇兵馬俑) หรือสุสานทหารดินเผาของฉินซีฮ่องเต้ คำว่าฉินสื่อหวงปิงหมาหย่งแปลว่าหุ่นทหารและม้าของฉินสื่อหวงหรือจิ๋นซีฮ่องเต้ที่คนไทยรู้จักกันดี
สุสานแห่งนี้ถูกค้นพบอย่างบังเอิญโดยชาวนาเมื่อปีค.ศ. 1974 ลึกลงไป 76 เมตรใต้ดินมีกำแพง 2 ชั้นล้อมรอบที่ฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ (Qín Shǐ Huángdì) ปฐมจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ฉินและประเทศจีนผู้รวมแผ่นดินจีนเป็นปึกแผ่นสำเร็จเมื่อปีพ.ศ. 322 ทั่วบริเวณสุสานมีกองทัพดินเผาทั้งรูปปั้นทหารขนาดเท่าคนจริงในอิริยาบถต่างๆ 8,000 ตัว ม้าศึก 520 ตัว รถม้า 130 คัน อาวุธ เครื่องปั้นดินเผา รวมนับหมื่น ใช้เวลาสร้างนานกว่า 38 ปีตามรับสั่งของจิ๋นซีฮ่องเต้ให้ช่างฝีมือปั้นรูปปั้นมากมายนำไปฝังไว้ทางด้านตะวันออกเพื่อเป็นกองทัพเฝ้าสุสาน สันนิษฐานว่ายังมีกองทัพรูปปั้นทางทิศตะวันตก ทัพหน้า และทัพหลัง ซึ่งแสดงถึงแสนยานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่สามารถรวม 7 ก๊กให้เป็นหนึ่งเดียว
ปัจจุบันค้นพบแล้ว 3 หลุมและสร้างอาคาร 3 หลังคลุมไว้เพื่อป้องกันรักษาโบราณสถานโบราณวัตถุล้ำค่าและเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม สุสานแห่งนี้ได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปีค.ศ. 1987
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://whc.unesco.org
เดินเข้าอาคาร Exhibition Hall ทางขวามือก่อน ชมของมีค่าทางประวัติศาสตร์มากมายที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์
เดินต่อเข้าอาคารที่ 2 ซึ่งเป็นหลุมฝังรูปปั้นทหารศึกและเครื่องปั้นดินเผาสมัยโบราณ
เข้าอาคารหลักที่มีขนาดใหญ่ประมาณสนามฟุตบอล อาคารนี้มีรูปปั้นกองทัพดินเผานับพันอย่างที่เห็น
บ่ายโมง ออกจากสุสานไปหาร้านอาหารท้องถิ่นรับประทานมื้อกลางวัน เมนูอาหารซีอานที่ควรลองคือเบอร์เกอร์จีน แป้งนุ่ม ไส้ข้างในเป็นไก่ฉีก รสชาติดีเลยครับ
เดินกลับไปที่ท่ารถเดิม นั่งรถเมล์สาย 306 อีก 7 หยวน กลับไปลงที่สถานีรถไฟ Xī‘ān Zhàn (西安站) เดินไปที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามกับตอนขามา ขึ้นรถเมล์สาย 201 เหมือนเดิมกลับไปที่ Bell Tower
เดินไป Gǔlóu (鼓楼) หรือ Drum Tower หอกลองแห่งซีอานสร้างในสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์หมิงและชิงมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1380 ฐานก่อด้วยอิฐสูง 7.7 เมตร หลังคาเป็นโครงไม้ 3 ชั้น รวมความสูงหอคือ 33 เมตร หอกลองสร้างเพื่อใช้ตีกลองบอกเวลาตอนกลางคืน ค่าเข้าชม 35 หยวน ถ้าซื้อแบบรวมค่าเข้าหอระฆังด้วยราคา 50 หยวน มีการแสดงตามเวลาในป้ายด้วยครับ
ท้องฟ้ายังไม่มืด ยังไม่ได้เวลาขึ้นหอกลอง เลยเดินตามถนน Běiyuàn Mén (北院门) ทางเดียวกับเมื่อวานตรงตามป้ายบอกทางไป Xi’an Mosque
เดินผ่านตลาดขายของพื้นเมืองต่างๆ ไม่ไกลก็ถึง Xīān Dà Qīngzhēnsì (西安大清真寺) หรือ Great Mosque of Xi’an มัสยิดแห่งซีอานเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน แต่ลักษณะกลับเหมือนวัดจีนมากกว่า ค่าเข้าชม 25 หยวน แต่เราไม่ได้เข้านะครับ
เดินเล่นตาม Huímín Jiē (回民街) หรือ Muslim Street ในย่านชุมชนชาวจีนมุสลิมอีกทางที่เมื่อวานยังเดินไปไม่ถึง บรรยากาศแถวนี้แลดูเป็นตลาดพื้นเมืองขายของสด ถั่ว ผัก ผลไม้แห้ง และขนมมากกว่าของกินประเภทปิ้งย่างครับ
ออกนอกเขตชุมชนชาวมุสลิมไปที่ถนนใหญ่อีกข้างหนึ่งของหอกลอง
เดินวนกลับไปที่ทางเข้าหอกลอง จ่ายค่าผ่านประตูคนละ 35 หยวน แล้วขึ้นบันไดไปถ่ายรูป Bell Tower และบ้านเมืองของซีอาน
หอกลองมีกลองโบราณขนาดยักษ์เรียงอยู่รอบๆ อาคาร บางกลองมีอายุเป็นพันปีเลยทีเดียว
ปิดท้ายวันนี้ด้วยมื้อเย็นแบบจัดเต็มที่ร้านหั่วกัว (huŏguō) หรือ hot pot ใกล้ๆ โรงแรม ฮอตพอตแบบจีนนิยมใส่พริกและหมาล่า (เครื่องเทศที่ให้รสเผ็ดซ่ามาก) ในน้ำแกง น้ำจะเป็นสีแดงฉ่าเผ็ดสุดๆ ครับ ถ้ากินเผ็ดไม่เก่งให้ถามคนขายว่าสามารถกั้นหม้อให้น้ำพริกและหมาล่าอยู่ตรงกลางและน้ำซุปอื่นอยู่รอบๆ ได้มั้ย? ตามรูปนี้ครับ
มื้อนี้กินกัน 4 คน หมดไปไม่ถึง 200 หยวน หารกันคนละประมาณ 250 บาท
วันที่ 4
วันนี้มีเวลาเที่ยวซีอานตั้งแต่เช้าจนถึงทุ่มนึงแล้วค่อยไปสนามบินครับ
ยังเหลือสถานที่น่าสนใจอีก 2-3 แห่งซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของเมือง ต้องนั่งรถเมล์ออกนอกประตูกำแพงเมืองทิศใต้ครับ
ตัวเมืองชั้นในของซีอานล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองโบราณทุกทิศ นับเป็นแนวกำแพงเมืองที่ยาวที่สุดในโลก

ออกจากโรงแรม เดินตามเส้นทางเดิมไปยัง Drum Tower เลี้ยวขวาไปทาง Bell Tower ถึงวงเวียนเลี้ยวขวาอีกทีไปที่ป้ายรถเมล์ ขึ้นรถเมล์สาย 609 จ่ายค่าตั๋วคนละ 2 หยวน
ยืนไปเกือบครึ่งชั่วโมง พอเห็นลานกว้างที่มีเจดีย์สูงอยู่ด้านหลังก็เตรียมตัวลงที่ป้ายหน้า ลงรถแล้วเดินย้อนกลับไปข้ามถนนเข้าทางด้านข้างของ Dàyàn tǎ (大雁塔) แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า Giant Wild Goose Pagoda หรือ Big Wild Goose Pagoda
ต้าเอี้ยนถ่าแปลเป็นภาษาไทยว่าเจดีย์ห่านป่าใหญ่ (หงส์ใหญ่) เดิมมีชื่อว่าฉือเอินซื่อหรือวัดฉือเอินซึ่งมีความหมายว่า “ตอบแทนพระคุณ” ตามพระประสงค์ของพระเจ้าถังเกาจง หลี่จื้อ ที่สร้างวัดนี้เพื่อตอบแทนพระคุณมารดา ตามตำนานเล่าว่ามีหงส์บินตกลงมาตายที่นี่หนึ่งตัว ชาวบ้านเข้าใจว่าหงส์ตัวนั้นคือพระ จึงสร้างเจดีย์ขึ้นในปีค.ศ. 652 เจดีย์มี 10 ชั้น ความสูงรวมฐาน 64.1 เมตร
เลี้ยวขวาเดินไปยังประตูทางเข้าด้านหน้า ค่าเข้าชมวัด 50 หยวน ถ้าจะขึ้นเจดีย์ต้องจ่ายอีก 30 หยวน
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.chinahighlights.com
ห่างจากเจดีย์ห่านป่าใหญ่ราว 1.5 กิโลเมตรเป็นที่ตั้งของ Shǎnxī Lìshǐ Bówùguǎn (陕西历史博物馆) หรือ Shaanxi History Museum พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซี
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ visit Shaanxi History Museum
เราไม่ใช่สายพิพิธภัณฑ์จึงขอตัดออกจากโปรแกรมครับ
ขากลับเข้าตัวเมืองสามารถนั่งรถเมล์สาย 609 ผ่านประตูกำแพงเมืองทางทิศใต้เหมือนเดิมได้ แต่ป้ายรถเมล์อยู่ไกลคนละทางกับตอนขามา เราจึงเรียกแท็กซี่ไปส่งที่ประตู Yongning (永宁门) หรือ South Gate บอกคนขับรถว่า “หนานเหมิน” (Nánmén) ซึ่งแปลว่าประตูใต้ครับ นั่งประมาณ 10 นาที จ่ายค่ารถ 15 หยวน
ระหว่างทางเราไม่ได้แวะลงไปชม Xiǎoyàn Tǎ (小雁塔) หรือ Small Wild Goose Pagoda คือวัดเสี่ยวเอี้ยนถ่าหรือเจดีย์ห่านป่าเล็กเพราะไม่สวยเท่าเจดีย์ห่านป่าใหญ่ครับ

ลอดอุโมงค์ใต้ถนนไปซื้อตั๋วขึ้น Xī‘ān Chéngqiáng (西安城墙) อ่านว่า “ซีอานเฉิงเฉียง” แปลว่า Xi’an City Wall กำแพงเมืองซีอาน ค่าผ่านประตู 54 หยวน
ขึ้นไปบนกำแพงเมืองโบราณทางทิศใต้ แนวกำแพงอิฐยาวสุดลูกหูลูกตานี้สร้างในสมัยราชวงศ์หมิงเมื่อราว 500 กว่าปีก่อน ตัวกำแพงหนา 12-14 เมตร สูง 12 เมตร ความยาวรวมทั้ง 4 ด้าน 13 กิโลเมตร มีช่องธนู 5,894 ช่อง ถือเป็นกำแพงเมืองที่เก่าแก่และยาวที่สุดในโลก
เดินไปอีกทางหนึ่งก็เห็นถนนตรงไปสู่หอระฆังครับ
เลยต่อไปมีบ้านเรือนเก่าแก่แต่มีเสน่ห์ตามแบบฉบับจีนจริงๆ
หิวข้าวแล้ว มื้อกลางวันนี้เราเล็งร้านที่แอ็ปวงในของจีนให้ 5 ดาวรัวๆ ไว้ครับ
ลงบันไดกำแพงเมืองออกประตูเดิม ลอดอุโมงค์เดินไปทางเจดีย์เก่าเข้า Shūyuàn Mén (书院门) หรือ Shuyuan Gate ทางตะวันออกของประตูกำแพงเมืองทิศใต้
ถนนนี้มีชื่อว่า Shūyuànlù (书院路) แปลว่าถนนแห่งการเขียน สองข้างของถนนจึงเต็มไปด้วยร้านขายพู่กันและร้านรับเขียนป้ายอักษรจีนอันชดช้อย เป็นถนนเก่าแก่ที่ให้อารมณ์เหมือนกำลังเดินตลาดในหนังจีนกำลังภายในโบราณเลยครับ 55
ร้านอาหารที่เราตามรอยวงในจีนมาก็อยู่แถวนี้แหละครับ หายากนิดนึง ต้องลอดประตูโค้งตามรูปนี้ แล้วก็เจอร้าน Zui Chang An (醉長安)
ร้านนี้ดังในหมู่คนซีอานแต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ครับ เมนูเป็นภาษาจีนล้วน คนในร้านพูดได้แต่ภาษาจีนด้วย 555 แล้วจะสั่งอะไรยังไง?? เอารูปให้ดูสิครับ ไม่เห็นยาก มาที่นี่ต้องลองแมงกะพรุน ไก่ทอด และปลาเปรี้ยวหวาน พูดเลยว่าสุดยอดทุกจาน มื้อนี้ราคา 232 หยวน แชร์กันจ่ายคนละ 290 บาท ฟินสุดๆ เลยครับ 😉
ช่วงบ่าย มีเวลาเหลืออีก 4 ชั่วโมงก่อนจะต้องเตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน ว่างๆ ชิลล์ๆ แบบนี้ ช้อปปิ้งสิครับ 55
ซีอานเป็นเมืองใหญ่ที่เจริญมากๆ ถนนการค้าสายหลักๆ ของเมืองเต็มไปด้วยศูนย์การค้าและร้านค้าหลากหลายตั้งแต่แบรนด์เนมระดับโลกไปจนถึงร้านของท้องถิ่น เราเลือกเดินแถวถนนคนเดินชื่อ Luomashi ใกล้กับหอระฆัง
เดินเหนื่อยแล้วก็ไปนั่งชิคๆ ที่คาเฟ่เก๋ชื่อ Caffè Bene (search พิกัดใน google map ได้เลย) เราต้องขอยกให้ร้านนี้เป็นคาเฟ่ที่สวยที่สุดของซีอานเลย แต่ราคาอาหาร ขนม ของหวาน และเครื่องดื่ม หนักหน่วงอยู่
นั่งหายใจทิ้งอยู่เป็นชั่วโมง 555 จากนั้นเดินกลับโรงแรมไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ แล้วเดินไปสถานีรถไฟใต้ดิน Zhōnglóu Zhàn (钟楼站) หรือ Bell Tower ซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินไปสถานี Xī’ānběi Zhàn ราคา 4 หยวน นั่งรถไฟใต้ดินสาย 2 (สีแดง) ไปทางทิศเหนือลงสุดสายที่สถานี Xī‘ānběi Zhàn (西安北站) หรือ Xi’an North Railway Station ใช้เวลาประมาณ 25 นาที (เส้นทางเดียวกับวันที่มาขึ้นรถไฟความเร็วสูงไปลั่วหยาง)
เรามาไม่ทันเวลารถ Airport Bus ไปสนามบินซึ่งจะออกทุกนาทีที่ 0 และ 30 (ขาไปสนามบินดูเวลาข้างบนครับ)
ขี้เกียจรอคันต่อไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมงและเมื่อรวมค่าตั๋วใบละ 25 หยวน 4 คน 100 หยวน ก็น่าจะพอๆ กับค่าแท็กซี่ เลยเดินไปเรียกแท็กซี่ไปสนามบิน Xi’an Xianyang (西安咸阳国际机场) ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็เอาตัวหนังสือจีนให้เค้าดูเลยครับ
ตอนแรกคนขับจะกดมิเตอร์แต่คิดไปคิดมาน่าจะได้ค่ารถไม่ถึง 100 หยวน เฮียแกเลยบอกว่าขอค่ารถ 100 หยวนรวมค่าทางด่วนได้มั้ยเพราะรอคิวนานกว่าจะได้ลูกค้า เราจึงหยวนๆ ยอมเฮียแกไป (ถ้ากดมิเตอร์จริงๆ น่าจะไม่เกิน 80 หยวน) นั่งรถประมาณ 25 กิโลก็ถึงสนามบิน
ไฟลท์ FD589 ของสายการบิน Air Asia จะออกเดินทางกลับประเทศไทยในเวลา 22.50 น. และถึงสนามบิน
ดอนเมือง 01.25 น.
สรุปค่าใช้จ่ายต่อคนโดยประมาณ
- ค่าวีซ่า 1,500 บาท
- ค่ารถไป-กลับ สนามบิน-เมืองซีอาน 80 หยวน (400 บาท)
- ค่าโรงแรม 3 คืน คนละ 525 หยวน (2,630 บาท)
- ค่ารถในเมืองซีอานและลั่วหยาง 60 หยวน (300 บาท)
- ค่ารถไฟความเร็วสูงไป-กลับ ซีอาน-ลั่วหยาง 350 หยวน (1,750 บาท)
- ค่าอาหาร 3 วัน วันละประมาณ 100 หยวน 300 หยวน (1,500 บาท)
- ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ 390 หยวน (1,950 บาท)
รวม 10,030 บาท
ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดจาก Air Asia นะครับ