MOROCCO เที่ยวเองได้ ไม่ต้องเช่ารถขับ ตอนที่ 4 “Chefchaouen – Tangier” ชมเมืองสีฟ้าละลานตา และ ปิดท้ายริมทะเลช่องแคบจิบรอลตาร์

ประเทศที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่สุดแห่งหนึ่งในโลกคือ “โมร็อกโก”

เหตุผลสำคัญหนึ่งที่ทำให้ตัดสินใจกลับมาเที่ยวโมร็อกโกอีกครั้งก็คืออยากมาชมเมืองสีฟ้าที่มีชื่อว่า “Chefchaouen” นั่นเอง

นี่คือแผนที่แสดงเส้นทางของทริปทั้งหมดครับ

photo credit: moroccowhynot.com

ย้อนกลับไปอ่านเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ 6 ได้จาก 3 รีวิวด้านล่างนี้
MOROCCO เที่ยวเองได้ ไม่ต้องเช่ารถขับ ตอนที่ 1 “Casablanca – Marrakech” ชมมัสยิดอลังการ เดินตลาดเมืองแขก ก่อนเข้าทะเลทรายซาฮารา
MOROCCO เที่ยวเองได้ ไม่ต้องเช่ารถขับ ตอนที่ 2 “Sahara” ขี่อูฐรอนแรมในทะเลทรายที่ใหญ่ที่สุดในโลก
MOROCCO เที่ยวเองได้ ไม่ต้องเช่ารถขับ ตอนที่ 3 “Fez” เมืองแห่งการหลงทางอันน่าหลงใหล

เมื่อวานเรานั่งรถบัสจาก Fès มาถึง Chefchaouen ตอนค่ำ และค้างคืนที่โรงแรมใกล้เมืองเก่า

วันที่ 7

เมื่อคืนเราพักที่ Hôtel Sevilla (Alilti Fatima) ใกล้ถนนหลักของเมืองชื่อ Avenue Allal Ibn Abdellah ทางใต้ของเขต Médina หรือเมืองเก่า

ถ้าพักใกล้สถานีรถบัสจะต้องเดินประมาณ 900 เมตรไปเริ่มต้นที่ Place Mohammed V ทางตะวันตกของเมืองเก่า (เบอร์ 3 ในแผนที่) เดินผ่านลานของจัตุรัสตรงตามถนน Boulevard Hassan 2 ราว 400 เมตรไปเข้า Médina ทางประตูเมือง Bab el Ain ทางช่วงแรกเป็นทางขึ้นเขา เดินค่อนข้างเหนื่อยเลย แนะนำให้เรียกแท็กซี่ไปส่งที่ประตูเมืองเก่าเลยดีกว่า ค่ารถไม่เกิน 20 MAD

photo credit: openstreetmap.ma

วันนี้มีเวลาเดินเที่ยวเมือง Chefchaouen เช้าถึงเย็นเลย

Chefchaouen (شفشاون‎) หรือ Shafshawen เรียกสั้นๆ ว่า Chaouen (ชาอวน) คือเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของโมร็อกโกซึ่งเป็นที่รู้จักจากบ้านเมืองสีฟ้าสดตามไหล่เขาในเขตเมืองเก่า Médina จึงได้ฉายาว่า The Blue Pearl (الجوهرة الزرقاء)

ออกจากโรงแรม ขึ้นบันไดไปยังถนนข้างบนที่ชื่อ Avenue Hassan II เลี้ยวซ้ายเดินไปแป๊บนึงก็ถึงประตูเมือง Bab el Ain (باب العين) ฝั่งตรงข้ามประตูเมืองมีธนาคาร แลกเงินเพิ่มได้

เดินลอดโค้งประตูทางซ้ายแล้วตรงเข้าซอกนี้เลย

เดินตามทางไม่ไกลก็เจอทางแยกซ้ายขวา ทางขวาเหมือนจะเป็นทางตัน ส่วนทางซ้ายดูโล่งกว่า

ลองเดินไปทางซ้ายก่อน นิดเดียวก็ถึง Plaza El Hauta จัตุรัสเล็กๆ ซึ่งมีทางเดินขึ้นเขาไปยัง Dar Sababa แล้วเลี้ยวขวาไปนิดก็จะถึงจุดถ่ายรูปเอกลักษณ์ของเชฟชาอวนคือ Derb El Assri

เรายังไม่เดินขึ้นไปตอนนี้ แต่เดินกลับไปที่แยกเมื่อกี๊แล้วเดินไปอีกทางแป๊บเดียวก็ถึง Place Outa el-Hammam จัตุรัสหลักกลางเมืองเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งของ Grand Mosquée (المسجد الأعظم بشفشاون) มัสยิดประจำเมืองที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 โดย Moulay Mohamed Ben Ali Ben Rachid ลูกชายของผู้ก่อตั้งเมือง

ข้างกันคือ Kasbah ป้อมกำแพงเมืองเก่าที่สร้างตามคำสั่งของ Moulay Ali Ben Moussa Ben Rached El Alami ผู้ก่อตั้งเมือง ในสไตล์ Andalusian-Maghrebian เพื่อป้องกันการโจมตีของโปรตุเกสและสเปนในช่วงศตวรรษที่ 15-16 และเป็นคุกคุมขังนักโทษ ประกอบด้วยหอคอยทั้งหมด 11 หอ บางหอสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของเมืองได้ ถ้าอยากเข้าชมต้องจ่ายเงิน 20 MAD ถ้าจำไม่ผิด

แถวนี้มีร้านอาหารดังหลายร้าน เช่น Morisco, Aladin เดี๋ยวตอนเย็นจะกลับมากินที่ร้าน Aladin ซึ่งตกแต่งเหมือนภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องอะลาดินกับตะเกียงวิเศษเลย

เดินผ่านร้าน Aladin ไปก่อน เดินขึ้นเนินไต่ระดับภูเขาไม่ไกลก็เห็นมุมสวยๆ จุดแรกที่ถนน Calle Hach Mujtar

เดินตามถนนหลัก Rue Ibn Asskar ไปเรื่อยๆ ผ่าน Hotel Sandra ระหว่างทางเห็นมุมไหนสวยก็หยุดถ่ายรูป สรุปหยุดแทบตลอดทาง 555

เดินต่อตามถนน Rue Ibn Asskar ไม่ไกลก็เห็นบันไดอยู่ซ้ายมือ

ขึ้นบันไดไปแล้วเดินไปทางขวาแป๊บเดียวก็ถึงประตูเมืองเก่าทางทิศตะวันออกชื่อ Bab El Onsar

มองไปทางขวาก็เห็น Mosquée Jemaa Bouzafar (مسجد بوزعافار) หรือ Mosquée Bouzâafar โบสถ์สเปนเล็กๆ อยู่บนยอดเขา ตรงนั้นคือจุดชมวิว Mirador de Bouzafar

ออกนอกเขต Médina ไปหน่อยมีน้ำตกเล็กๆ ชื่อ Ras el-Ma จุดนี้เป็นแหล่งนัดหมายพบปะของคนท้องถิ่นที่จะมาเล่นน้ำคลายร้อนและซักพรมในวันที่แดดดี

เดินขึ้นทางชันขวามือประมาณ 650 เมตรไปยังจุดชมวิว Mirador de Bouzafar บนเขาเพื่อถ่ายรูปมุมสูงของเมืองเชฟชาอวนที่บ้านเรือนทาสีฟ้าสลับขาวคล้ายๆ ที่เกาะ Santorini ของกรีซ และ Júzcar หมู่บ้านสเมิร์ฟส์ทางใต้ของสเปน

เดินลงเขากลับเข้าไปในเขต Médina เดินหามุมถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย

พิกัดต่อไปคือ Calle Sidi Buchuka หรือถนน Sidi Bouchouka (เมืองเชฟชาอวนใช้ทั้งภาษาสเปนและฝรั่งเศส คำว่าถนนจึงใช้คำว่า calle และ rue)

อธิบายทางยากอยู่ เอาเป็นว่าให้เดินอีกทางตามถนนแคบๆ บนเขา ไม่ใช่ถนนที่อยู่ข้างล่างแถวป้อม Kasbah เหมือนตอนเช้า search Google map ว่าจะไป Dar Sababa ก่อนจะถึงมีบันไดอยู่ขวามือ นั่นแหละ Calle Sidi Buchuka

ไม่ต้องขึ้นบันไดไป แต่เดินเลยไปอีกนิดก็ถึง Callejon El Asri (Derb El Assri) จุดถ่ายรูปที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายกัน ที่จริงสีไม่ได้ฟ้าสดปรู๊ดปรี๊ดเหมือนรูปที่ขายในเว็บขายรูปนะครับ อันนั้นแต่งสีเยอะมาก

เลยไปนิดก็เห็น Dar Sababa ลงบันไดตรงนี้ผ่านจุดถ่ายรูปสวยๆ ถ้าเจอทางแยกให้เดินไปทางซ้ายไว้ก่อน ไม่ไกลเท่าไหร่ก็ลงเขากลับไปที่ Plaza El Hauta จัตุรัสแรกที่มาถึงเมื่อเช้า

เดินตามเส้นทางเดียวกับเมื่อเช้ากลับไปยัง Place Outa el-Hammam จัตุรัสกลางเมืองเก่าที่ตั้งของมัสยิด Grand Mosquée และป้อมกำแพงเมืองเก่า Kasbah

เดินไปร้าน Aladin หรือ Restaurant Casa Aladdin ทางเข้าร้านต้องอ้อมไปทางหลังตึกที่มีป้ายชื่อร้าน

อย่างที่บอกไปตอนแรกๆ ว่าตอนเย็นเราจะกลับมากินข้าวที่ร้านนี้ซึ่งตกแต่งในธีม “อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ” เจ๋งมากกก ชอบๆๆ

มองจากร้านออกไปก็เห็น Kasbah และจัตุรัส Place Outa el-Hammam

ขึ้นไปนั่งที่ชั้นดาดฟ้า สั่งเมนู Specialites จานละ 120 MAD ไปเลย ชมวิวพระอาทิตย์ตกไปพลางๆ ด้วย

ก่อนสองทุ่ม เดินผ่านจัตุรัส Place Outa el-Hammam เข้าถนน Rue Assaida Alhorra ออกนอกเมืองเก่าอีกทางกลับโรงแรม (ระยะทางราว 400 เมตร)

เอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้ แล้วยกลงบันไดไปเรียกแท็กซี่ที่ถนนหลัก Avenue Allal Ibn Abdellah ไปสถานีรถบัส CTM, Chefchaouen ค่ารถ 20 MAD นั่งแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว

ไป Tangier (Tanger)

เราซื้อตั๋วรถบัสรอบ 20.40 น. ทาง www.ctm.ma ไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั๋วรถบัส Chefchaouen-Tangier ราคา 50 MAD

ตอนแรกจะซื้อรอบ 15.30 น. แต่รถเต็ม อีกรอบคือ 18.30 น. ก็เต็ม 2 รอบนั้นใช้เวลาเดินทาง 3 และ 2 ชั่วโมง ตามลำดับ

23.15 น. รถบัสมาถึงสถานีรถบัส Gare Voyageurs (CTM station Tanger) ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 35 นาที (สถานีรถบัสใหม่อยู่ทางทิศใต้ห่างจากสถานีรถไฟ Gare Tanger Ville 3.6 กม.)

พอออกจากอาคารก็มีคนขับแท็กซี่มารุมถามเลยว่าจะไปไหน พยายามต่อราคาแล้วแต่สุดท้ายต้องยอมไปที่ราคา 40 MAD (จริงๆ ไม่น่าเกิน 30 MAD)

นั่งแท็กซี่ 4 กม. ไปเช็คอินที่ Dar Omar Khayam ห้องพักคืนนี้ราคา 55.70 ยูโร รวมอาหารเช้า

ทีแรกกะว่าจะพักที่ Hotel Continental เพราะเป็นโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง อยู่ในเขตเมืองเก่า เดินเที่ยวตอนเช้าสบาย มองจากโรงแรมออกไปเห็นช่องแคบ Gibraltar ไปสถานีรถไฟก็ใกล้ ราคาไม่แพงด้วย แต่เรามาถึงแทนเจียร์ดึก ไม่ทันเวลาเช็คอิน เลยต้องเลือกที่พักแบบ dar ซึ่งอยู่ก่อนถึงเมืองเก่าแทน

ค้างคืนที่ Tangier

วันที่ 8

เดินเที่ยวเมือง Tangier

Tangier (طنجة‎) หรือ Tanger คือเมืองท่าขนาดใหญ่ริมช่องแคบ Gibraltar ทางภาคเหนือของโมร็อกโก ตรงข้ามทะเลกับประเทศสเปน มีเรือข้ามทวีปเส้นทาง Tangier-Tarifa, Tangier-Algeciras, Tangier-Gibraltar ให้บริการด้วย

photo credit: www.andalucia.com

เรามาเมืองนี้เพื่อนั่งรถไฟความเร็วสูงกลับ Casablanca เพราะกลับจาก Chefchaouen ไม่ค่อยสะดวก ต้องนั่งรถบัสขึ้นเหนือไปเมือง Tétouan แล้วบินหรือนั่งรถบัสกลับ Casablanca นั่งรถบัสเลยอีกไม่ไกลมากลับจาก Tangier ใช้เวลาอยู่บนรถบัส+รถไฟน้อยกว่าครับ

แทนเจียร์เป็นเมืองธุรกิจการค้า ไม่ใช่เมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามอะไร เราจึงเดินเที่ยวแค่ในเมืองเก่าครึ่งวันพอ

photo credit: latangerina.com

ออกจากที่พัก เดินไปทางซ้ายตามถนน Rue Antaki แค่ 200 เมตรก็เจอถนนใหญ่เลียบทะเลชื่อ Avenue Mohammed VI เลี้ยวซ้ายเดินไปยัง Médina

ตอนแรกกะจะเดินไปถึงวงเวียนแล้วเลี้ยวซ้ายเดินตามถนน Rue de la Plage ไปเลี้ยวขวาที่สี่แยกเข้าถนน Rue du Portugal เข้าสู่ Médina หรือเมืองเก่า Tangier แล้วตรงอีกนิดก่อนเลี้ยวซ้ายไปยัง Légation américaine de Tanger (المفوضية الأميركية في طنجة‎) หรือ Tangier American Legation Institute for Moroccan Studies (Tangier American Legation) สาธารณะสมบัติแห่งแรกของชาวอเมริกันที่อยู่นอกประเทศสหรัฐฯ สถานที่นี้เป็นอนุสรณ์ประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ กับราชอาณาจักรโมร็อกโก ปัจจุบันเป็นศูนย์วัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ และห้องสมุดสำหรับการวิจัยและการศึกษาภาษาอารบิก

เดินต่อไปจนสุดทาง เลี้ยวซ้ายและเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Rue Abdallah Ben Hachimi ตรงไปสุดทางก็จะถึง Rue Siaghine (زنقة الصياغين) หรือ Silversmith’s Street เลี้ยวซ้ายเดินอีกหน่อยออกไปที่ Grand Socco (Place du Grand 9 Avril 1947)

เดินกลับเข้า Rue Semarine (ซอยแคบๆ ข้างประตู Bab Al Fahs) ตรงต่อตาม Rue Siaghine (زنقة الصياغين) ไปยัง Petit Socco หรือ Little Square จัตุรัสเล็กกลาง médina ที่ชาวเมืองเรียกว่า Souk Dakhli แถวนี้เป็นที่อยู่ของนักเขียนที่มีชื่อเสียงและคนร่ำรวยของเมือง ตอนนี้เป็นตลาด ร้านอาหาร และคาเฟ่

เลยไปอีกนิดคือ Grand Mosquée de Tanger (طنجة‎ المسجد الأعظم) หรือ Grand Mosque of Tangier คือมัสยิดกลางและมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของเมือง (Friday mosque) สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1685 ตามคำสั่งการของสุลต่าน Moulay Ismail ibn Sharif คนมุสลิมเท่านั้นที่สามารถเข้ามัสยิดได้

เดินต่อไปแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Rue Hadj Mohamed Torres เลี้ยวขวาที่สามแยก ตรงไปเลี้ยวขวาที่สามแยกที่ 2 เดินตามถนน Rue Bab Assa ผ่าน Kasbah de Tanger (Kasbah Museum) ตรงออกประตู Bab Al Bahr (ระยะทาง 550 เมตร) ก็จะเห็นท่าเรือ Tanger และช่องแคบ Gibraltar อยู่ด้านล่าง แล้วค่อยเดินกลับไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Kasbah

แต่ไม่ได้เดินตามแผนเลย 555 ถึงเวลาจริงเลือกเดินเลียบทะเลตามถนนหลัก Avenue Mohammed VI ยาวผ่านท่าเรือ, Hotel Continental บนเมืองเก่า ไปจนถึง Mosquée du Port มัสยิดใหม่ติดท่าเรือ

เดินกลับไปขึ้นบันไดไปบน Muraille de Tanger หรือกำแพงเมืองเก่าแทนเจียร์

มองลงมาก็เห็น Mosquée du Port และท่าเรือ Port de Tanger Ville

ตอนนี้เราขึ้นมาอยู่ในเขตเมืองเก่าแล้ว น่าจะอยู่แถว Borj Dar el-Baroud ถนนในนี้ค่อนข้างแคบ ยึกยักไปมา มีทางแยกเยอะ และไม่มีป้ายบอกทาง เอาเป็นว่าให้เดินไปทางขวาไว้ก่อน search Google map เลยว่าจะไป Bab Al Bahr (ระยะทางราว 600 เมตร)

เดินผ่านกำแพงของ Kasbah de Tanger ตรงไปออกประตู Bab Al Bahr ตามแผนเดิมได้แล้ว ตรงนี้เป็นจุดชมวิวช่องแคบจิบรอลตาร์ แผ่นดินที่เห็นไกลๆ คือประเทศสเปนครับ

เดินกลับทางเดิมไปเข้าชม Kasbah de Tanger (Kasbah Museum) หรือ Musée des Arts Marocains et des Antiquités (Museum of Moroccan Arts) พิพิธภัณฑ์จัดแสดงผลงานศิลปะจากทั่วประเทศ รวมถึงอาวุธปืนที่ประดับด้วยมุก พรม และไหมจากเมือง Fes ต้องเสียค่าเข้า 20 MAD

เดิมทีที่ตรงนี้คือ Dar el-Makhzen (Sultanate Palace) พระราชวังที่ประทับของสุลต่านแห่งโมร็อกโกขณะเสด็จเยือน Tanger

ที่นี่คือแลนด์มาร์คของเมืองแล้ว แต่จริงๆ ไม่ได้มีมุมถ่ายรูปอะไรมาก

เดินกลับไปที่ประตู Bab Al Bahr ไม่ออกประตูแต่เลี้ยวซ้ายเดินเลียบกำแพงหินตรงตามทางไปออกประตู Bab Kasbah (باب القصبة) แล้วเลี้ยวซ้ายเดินลงเนินตามถนน Rue de la Kasbah ประมาณ 600 เมตรก็ลงไปถึง Grand Socco

Grand Socco (Place du Grand 9 Avril 1947) จัตุรัสใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งค้าขายหลักของเมืองเก่า ทิศตะวันตกของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของ Mosquée Sidi Bou Abib (مسجد سيدي بو عبيد) หรือ Sidi Bou Abib Mosque มัสยิดที่สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1917

ด้านหลังมัสยิด Sidi Bou Abib เป็นที่ตั้งของ St. Andrew’s Church (كنيسة القديس أندرو) โบสถ์อังกฤษที่สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1905

เราไม่ได้เดินไปครับ แต่นั่งแท็กซี่จาก Grand Socco ผ่านตอนขากลับที่พัก

กลับไปเก็บของ เช็คเอาท์ และเรียกแท็กซี่ไปสถานีรถไฟ Gare Tanger Ville (محطة طنجة المدينة‎) ระยะทางประมาณ 2.5 กม. ค่ารถ 30 MAD แพงไปหน่อย ถ้าคนขับยอมกดมิเตอร์น่าจะแค่ 15-20 MAD

เราซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูง Tangier-Casablanca ชั้น 1 ราคา 299 MAD (965 บาท) ออนไลน์ทาง www.oncf.ma ไว้แล้ว (ตั๋วชั้น 2 ราคา 187 MAD) พอไปถึงสถานีรถไฟก็เข้าไปนั่งรอรถไฟในเลานจ์ได้เลย

รถไฟความเร็วสูงขบวน Al Boraq เส้นทางนี้มีให้เลือกหลายเวลาต่อวัน ต้องไปแสดงตัวก่อนเวลารถไฟออก 15 นาที

กลับถึง Casablanca ที่ Gare Casa Voyageurs (محطة الدار البيضاء المسافرين) หรือสถานีรถไฟ Casa-Voyageurs เหมือนเดิม

ค้างคืนที่เดิมที่ Al Walid Hôtel

เช้าวันสุดท้าย

ก่อน 7 โมง เดินไปสถานีรถไฟ Casa-Voyageurs นั่งรถไฟไป Aéroport international Mohammed V (مطار محمد الخامس الدولي) ถึงสถานีรถไฟ Aéroport Med V เวลา 07.37 น. ตั๋วรถไฟชั้น 1 ราคาใบละ 70 MAD, ชั้น 2 ราคา 50 MAD

เช็คตารางเวลารถไฟและซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ www.oncf.ma

รอเวลาสายการบิน Gulf Air ออกตอน 10 โมงตรงไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบิน Bahrain กลับกทม.

*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต