เที่ยวเอง ย้อนรอยทริป “เบเนลักซ์ – เยอรมัน – ฝรั่งเศส” อีกครั้ง
ช่วงครึ่งเช้าวันที่ 7 ของทริป เราเดินเที่ยวชมเมือง Heidelberg ของประเทศเยอรมัน ตามรีวิวนี้ครับ
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 9 “West GERMANY” ชมเมืองเก่า Heidelberg สุดคลาสสิกตลอดกาล
ย้อนความเดิม 8 ตอนที่ผ่านมาได้จากรีวิวด้านล่างครับ
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 1 “Dinant, BELGIUM” เมืองริมน้ำอันงดงามดุจภาพวาด
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 2 “Brussels, BELGIUM” เมืองแห่งจัตุรัสกลางเมืองที่สวยที่สุดในโลก
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 3 “Brugge, BELGIUM” เมืองคูคลองสุดสวยจนต้องมาซ้ำ
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 4 “Gent, BELGIUM” เดินคูลๆ ในเมืองคูคลอง
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 5 “Amsterdam, NETHERLANDS” เสพสุขสีสันแห่งการใช้ชีวิต
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 6 “Giethoorn, NETHERLANDS” หมู่บ้านริมคลองน่ารักระดับโลก
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 7 “West GERMANY” เที่ยวตามแนวแม่น้ำไรน์: Cologne – Bonn – Bacharach
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 8 “West GERMANY” เที่ยวตามแนวแม่น้ำโมเซล: Burg Eltz – Cochem
หลังนั่งรถไฟจากเยอรมันข้ามพรมแดนฝรั่งเศสมาถึงสถานีรถไฟ Gare de Strasbourg-Ville เมืองสตราสบูร์ก และเข้าเช็คอินเก็บข้าวของที่โรงแรม Ibis Budget Strasbourg Centre Gare เรียบร้อยแล้ว
ช่วงเย็นของวันที่ 7 เป็นคิวเดินเที่ยวชมเมือง Strasbourg เมืองหลวงของแคว้น Grand Est ซึ่งรวมหลายแคว้นทางตะวันออกของฝรั่งเศสติดกับพรมแดนเยอรมัน รวมถึงอดีตแคว้น Alsace ด้วย

สตราสบูร์กเป็นที่ตั้งของ European Parliament (EP) หรือรัฐสภาแห่งสหภาพยุโรป เมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายโดยหลายแห่งอยู่บน Grande Île (Grand Island) หรือเกาะใหญ่ซึ่งเป็นเขตเมืองเก่าของสตราสบูร์ก สามารถเดินเที่ยวถ่ายรูปแบบสบายๆ ใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงกำลังดีครับ

เข้าเกาะเมืองเก่าของสตราสบูร์กกันเลย
ออกจากโรงแรม Ibis Budget Strasbourg Centre Gare ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟ Gare de Strasbourg-Ville เดินไปทางซ้ายตามถนน Place de la Gare (ทางขวามือคือสถานีรถไฟ) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Rue du Maire Kuss (ถนนที่ตรงจากสถานีรถไฟมา) ตรงไปข้ามสะพานข้าม canal du Faux-Rempart
แล้วเลี้ยวขวาเดินเลียบริมคลองอีกราว 350 เมตรก็ถึง Ponts Couverts กลุ่มสะพานข้ามแม่น้ำ Ill 3 สะพานและหอคอย 4 หอซึ่งเป็นจุดชมวิวแม่น้ำ Ill (อิล) และ Petite France (Little France) เขตประวัติศาสตร์ของเมืองซึ่งมีบ้านเรือนสไตล์ Alsace อันน่ารักตั้งอยู่ตามริมคลอง บริเวณนี้ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ. 1988
เดินไปจนสุดสะพานเลี้ยวขวาไปขึ้น Barrage Vauban (Vauban Dam) สะพานข้ามแม่น้ำ Ill อีกแห่งเพื่อถ่ายรูปลงไปยังสะพาน Ponts Couverts มาตอนเย็นๆ จะได้ภาพแสงส่องไปยังสะพานกูแวร์เกิดเป็นเงาสะท้อนน้ำอันงดงามแบบนี้
เดินกลับไปที่ Ponts Couverts เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานแรกแล้วเลี้ยวขวาเดินไปจนสุดทาง เลี้ยวซ้ายเดินผ่านโรงแรม Régent Petite France ข้ามสะพานสั้นๆ เลี้ยวขวาเดินตามป้ายบอกทางไป Quai des Moulins
เดินหาจุดถ่ายรูปวิว Petite France (Little France) ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนที่สร้างด้วยปูนผสมกับไม้ซึ่งเรียกว่า half-timbered style บ้านศิลปะโดดเด่นแบบนี้สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในแถบอัลซาซและทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมัน
ข้ามสะพานไปยังฝั่ง Grande Île (Grand Island) เกาะใหญ่ซึ่งเป็นบริเวณเมืองเก่าของสตราสบูร์ก เดินไปยัง Place Benjamin Zix หน้าโบสถ์ Église évangélique méthodiste de Strasbourg (Temple de Sion de Strasbourg)
เดินเข้าถนน Rue du Fossé-des-Tanneurs ด้านข้างโบสถ์ พอถึงสี่แยกก็เลี้ยวขวาเดินตามถนน Grand’Rue ถนนการค้าสายหลักอีกแห่งของเมือง
ตรงผ่านทางรถรางต่อเข้าถนน Rue Gutenberg ก็เห็นยอดแหลมของ Cathédrale Notre-Dame de Strasbourg (Strasbourg Cathedral) เดินต่อจนถึง Place Gutenberg
ตรงต่อไปยังมหาวิหารแห่งสตราสบูร์ก ที่หัวมุมถนนเป็นที่ตั้งของ Maison Kammerzell (Kammerzell House) อาคารหน้าตาโดดเด่นซึ่งเป็นร้านอาหารยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง
เลี้ยวขวาไปยัง Cathédrale Notre-Dame de Strasbourg หรือ Cathedral of Our Lady of Strasbourg เรียกย่อๆ ว่า Cathédrale de Strasbourg (Strasbourg Cathedral) โบสถ์สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป
มหาวิหารแห่งสตราสบูร์กแห่งนี้เคยเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกถึง 227 ปี ตั้งแต่ปีค.ศ. 1647-1874 และเป็นโบสถ์โกธิคที่สูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ภายในมี Horloge astronomique หรือนาฬิกาดาราศาสตร์โบราณเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเข้าชม
โบสถ์เปิดให้เข้าชมวันจันทร์-เสาร์ 09.30-11.15 น. และ 14.00-17.45 น. วันอาทิตย์เปิด 13.00-17.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อายุ 19 ปีขึ้นไปราคา 3 ยูโร
อัพเดทข้อมูลได้ที่ visit Strasbourg Cathedral
เดินผ่านหน้าโบสถ์เลี้ยวซ้ายอ้อมไปด้านข้างโบสถ์ เดินผ่านอาคาร Musée archéologique ซึ่งเป็นด้านหลังของ Palais des Rohan
เลี้ยวขวาเข้าถนนแคบๆ ตรงไปที่สะพาน Pont Sainte Madeleine ก็ถึงด้านหน้า Palais des Rohan (Rohan Palace) พระราชวังสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสแท้ๆ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศสจัดให้เป็นอนุสรณ์ทางประวัติศาสตร์ของประเทศตั้งแต่ปีค.ศ. 1920 ปัจจุบันเปิดเป็น Musée des beaux-arts, Musée des arts décoratifs (Museum of Decorative Arts) และ Musée archéologique
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องเวลาเปิด-ปิดและค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ของสตราสบูร์กได้ที่ www.strasbourg.info
ข้ามแม่น้ำ Ill เลี้ยวซ้ายเดินเลียบแม่น้ำจนพ้นเขตเกาะเมืองเก่า Grande Île (ระยะทางราว 600 เมตร)
เลี้ยวซ้ายข้ามสะพาน Pont Royal ที่มีทางรถรางผ่าน เดินตามถนน Avenue de la Marseillaise ประมาณ 300 เมตร ตรงเข้าประตูไปยัง Place de la République วงเวียนขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยอาคารสไตล์นีโอคลาสสิก
อาคารสำคัญๆ เช่น
Théâtre National de Strasbourg (TNS) หรือ National Theatre of Strasbourg ซึ่งในอดีตเคยเป็นอาคารสภานิติบัญญัติของมณฑล Alsace-Lorraine
Bibliothèque nationale et universitaire de Strasbourg (BNU) หรือ National and University Library ห้องสมุดสาธารณะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Palais du Rhin
Palais du Rhin (Palace of the Rhine) อดีต Kaiserpalast หรือ Imperial palace
และ Préfecture de la région Grand-Est et préfecture du Bas-Rhin อาคารที่ทำการแคว้น
เดินไปทางซ้ายข้ามสะพาน Pont du Théatre ข้าม canal du Faux-Rempart กลับเข้าสู่เกาะเมืองเก่า Grande Île อีกครั้ง อาคารข้างหน้าคือ Opéra national du Rhin ตรงไปยังด้านหน้าของโรงโอเปร่า
เดินต่อตามทางรถรางบนถนน Place Broglie ตรงเข้าถนน Rue de la Mésange ไม่ไกลก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Rue des Grandes Arcades ไปยัง Place Kléber (ระยะทางราว 600 เมตร)
Place Kléber คือจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดใน Grande Île ซึ่งมี Statue du Général Kléber หรือรูปปั้นของนายพล Jean-Baptiste Kléber อยู่ตรงกลางจัตุรัส รอบๆ บริเวณนี้เป็นย่านค้าขายสำคัญของเมืองที่มีช็อปแบรนด์เนมไฮเอนด์มากมาย
โพล้เพล้พอดี ได้เวลาเดินกลับไปถ่ายรูปที่ Petite France (Little France) ก่อนมืดสนิทซึ่งจะได้อีกฟีลลิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากตอนสว่าง แล้วค่อยหาร้านแถวนั้นรับประทานมื้อเย็น
จาก Place Kléber เดินข้ามทางรถรางเข้าถนน Rue de la Grange สุดทางก็เลี้ยวซ้ายเดินตามถนน Rue du Coin Brûlé ตรงลอดใต้ประตูเข้าถนน Rue des Drapiers (ถ้าเลี้ยวขวาตรงนี้เข้าถนน Rue du Vingt-Deux Novembre ตรงไปข้ามสะพานเดิมเข้าถนน Rue du Maire Kuss ตรงไปอีกนิดก็จะเห็นสถานีรถไฟ Gare de Strasbourg-Ville)
แต่เราเดินตรงไปไม่ไกลก็กลับถึง Place Benjamin Zix และโบสถ์ Église évangélique méthodiste de Strasbourg (Temple de Sion de Strasbourg) อีกครั้ง
ตรงนี้คือ Petite France ที่เดิม นั่นเอง
เดินตามเส้นทางเดิมกลับไปที่สะพาน Ponts Couverts และ Barrage Vauban (Vauban Dam)
แล้วเดินกลับโรงแรม ค้างคืนแรกที่ Strasbourg ครับ
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต