เที่ยวเอง ย้อนรอยทริป “เบเนลักซ์ – เยอรมัน – ฝรั่งเศส” อีกครั้ง
เข้าสู่วันที่ 3 ของทริปครับ วันนี้เราจะย้ายประเทศจากเบลเยี่ยมไปเนเธอร์แลนด์กัน

สองวันก่อนเราไปเที่ยว 4 เมืองของเบลเยี่ยมมา ตามรีวิวนี้ได้เลยครับ
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 1 “Dinant, BELGIUM” เมืองริมน้ำอันงดงามดุจภาพวาด
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 2 “Brussels, BELGIUM” เมืองแห่งจัตุรัสกลางเมืองที่สวยที่สุดในโลก
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 3 “Brugge, BELGIUM” เมืองคูคลองสุดสวยจนต้องมาซ้ำ
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 4 “Gent, BELGIUM” เดินคูลๆ ในเมืองคูคลอง
ต้องขอออกตัวก่อนว่า Netherlands เป็นประเทศแรกในยุโรปที่เรามาเที่ยวและอยู่นานจนแทบทะลุปรุโปร่ง เคยไปเกือบทั่วประเทศแล้วแหละ แต่ครั้งนี้ก็ยังอยากมาเที่ยวซ้ำเมืองเดิมๆ และเพิ่มเติมที่ใหม่ๆ ที่ไม่ได้ไปเมื่อคราวก่อน
#จำทางเดินในเมืองได้หมด 😉

เริ่มเที่ยวกันเลย
เช้าวันที่ 3 เช็คเอาท์และเดินลากกระเป๋าไปสถานีรถไฟกลาง Bruxelles Central (Brussel Centraal)
เราเลือกพักที่เมือง Leiden (ก่อนถึง Amsterdam ประมาณ 35 นาที) เพราะเจอราคาโรงแรมใจกลางอัมสเตอร์ดัมแบบถูกสุด ห้องเล็กจิ๋ว คืนนึงร่วม 200 ยูโร #ไม่ไหวจะพักจริงๆ 555 จึงเลือกนั่งรถไฟไป Leiden ขบวน IC 9223 (ขบวนธรรมดา) ซึ่งออกเดินทางในเวลา 08.49 น. โดยใช้บัตรโดยสารรถไฟยุโรป “Eurail Global Pass 1st Class” ขึ้นรถไฟชั้น 1 ฟรีครับ (รถไฟขบวนนี้เป็นรถไฟตรงถึงสถานีรถไฟกลาง Amsterdam Centraal เลยในเวลา 12.06 น. ใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง 17 นาที)
แต่เราเลือกลงที่สถานีรถไฟกลาง Rotterdam Centraal ตอน 10.50 น. เพื่อต่อขบวน IC 2430 ในอีก 6 นาทีต่อมา และเดินทางถึงสถานีรถไฟกลาง Leiden Centraal 11.30 น. ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง 41 นาที
(ปกติตั๋วรถไฟ Bruxelles – Leiden ชั้น 2 ราคา 39.20 ยูโร ประมาณ 1,550 บาท)
ค้นหาตารางเวลาและราคาตั๋วได้ที่ Belgium train เลือก International travel
รูทติ้ง Bruxelles – Amsterdam นี้สามารถเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงขบวน Thalys หรือรถไฟธรรมดา (ขบวน IC) ก็ได้ครับ ถ้าอยากเร็วก็ใช้บริการรถไฟตาลีส แต่ก็ต้องจ่ายแพงกว่ารถไฟธรรมดาเยอะหน่อย และถ้ามี Eurail Pass ที่ครอบคลุมรถไฟเบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ก็ไม่สามารถใช้ขึ้นรถไฟขบวนนี้ฟรีนะ ต้องทำการจองที่นั่งเสียก่อนโดยเสียค่าจองเพิ่มอีก 25 ยูโร ส่วนตั๋วรถไฟชั้น 2 Bruxelles – Amsterdam ขบวนธรรมดาราคา 45.80 ยูโร ใช้ Eurail Pass ขึ้นฟรีได้เลย
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Eurail Pass ได้จากรีวิวตอนที่ 1 และ 2 ที่ให้ link ไว้ตอนต้นของรีวิวนี้นะครับ
ออกจากสถานีรถไฟกลาง Leiden Centraal เลี้ยวขวาเดินตามถนนหน้าสถานีรถไฟประมาณ 250 เมตรก็ถึงโรงแรม ibis Leiden Centre ที่พักแบบง่ายๆ ใกล้สถานีรถไฟและศูนย์กลางเมือง เหมาะสำหรับการเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ของเนเธอร์แลนด์ อย่าง Amsterdam ก็ใช้เวลาราว 35 นาที
ส่วนราคาก็ถูกกว่าโรงแรมที่อัมสเตอร์ดัมมากครับ ห้องพักสำหรับ 2 คน คืนนี้ราคา 89.10 ยูโร มี City Tax อีกคนละ 2.50 ยูโร รวมแล้วประมาณ 3,770 บาทต่อห้อง ไม่มีอาหารเช้าครับ (ถ้าพักในอัมสเตอร์ดัมนี่โดนคืนละเกือบหมื่นเลย)
สภาพห้องโอเคดีเลย ห้องไม่แคบเกินไป มีห้องน้ำในตัว รีเซปต์ชั่นน่ารักมาก เราลงไปขอน้ำร้อน นางบอกเอากาต้มน้ำไปใช้ที่ห้องเลย 🙂
วันนี้อากาศไม่ค่อยดีครับ ฝนตกเบาบ้างแรงบ้างไม่หยุดเลย ตัดสินใจเดินเที่ยวในเมือง Leiden ซึ่งเคยมาแล้วเมื่อ 11 ปีก่อน แล้วบ่ายแก่ๆ ค่อยไป Amsterdam เผื่ออากาศจะดีขึ้น เที่ยวอัมสเตอร์ดัมจนถึงดึก เอาบรรยากาศย่าน Red Light สุดมันส์ตอนกลางคืน สี่ห้าทุ่มค่อยนั่งรถไฟกลับ Leiden มาค้างคืน
ผมขอไม่เขียนรายละเอียดการเที่ยวเมืองไลเด้นนะครับ เมืองเล็กๆ เดินเที่ยวง่ายๆ เดินมั่วๆ วนไปวนมาไม่ไกลจากสถานีรถไฟก็ทั่วแล้วครับ แต่เอาภาพวิวที่จะสวยกว่านี้ถ้าฝนไม่ตกมาให้ดูละกันครับ ^^







มา Leiden ต้องลองร้านแพนเค้กเก่าแก่ชื่อ Oudt Leyden นะครับ ของเค้าดีจริงๆ

บ่าย 3 โมง เดินกลับสถานีรถไฟกลาง Leiden Centraal ดูตารางรถไฟที่บอร์ดในสถานี (รถไฟ Leiden – Amsterdam มีบ่อยมาก) แล้วขึ้นขบวน NS Intercity ที่กำลังจะออกโดยใช้ Eurail Global Pass ฟรีเลย
นั่งโบกี้เฟิร์สคลาสแค่ 35 นาทีก็ถึง Amsterdam แล้ว (ปกติตั๋วรถไฟ Leiden – Amsterdam ชั้น 2 ราคา 9 ยูโร)
เช็คเวลาและราคาตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ที่ Netherlands train
ออกจากสถานีรถไฟกลาง Amsterdam Centraal ฝนยังไม่เบาลงเลย ท้องฟ้าหม่นหมองไปหมด แต่มาถึงแล้วก็ต้องเที่ยวครับ
สถานีรถไฟอยู่ทางทิศเหนือของเมือง เดินลงทางใต้ก็ถึงจุดท่องเที่ยวต่างๆ แล้ว เมืองเล็ก เดินเที่ยวได้ทั่ว ยกเว้น Rijksmuseum ที่เดียวที่อยู่ไกล ต้องนั่งรถรางออกไปนอกเมืองนิดๆ ครับ

จากด้านหน้าสถานีรถไฟ เดินไปทางซ้ายซึ่งเห็นโบสถ์ใหญ่อยู่ ข้ามทางรถรางไปที่อาคาร GVB Tickets & Info หรือศูนย์บริการลูกค้า ซื้อตั๋ว GVB 1 ชั่วโมง ราคา 2.90 ยูโร คนละใบ (ซื้อได้ที่ร้าน Primera, AKO, Vivant, Techador, Cigo, Bruna เช่นกัน)
ส่วนตั๋ว GVB 24 ชั่วโมง ราคา 7.50 ยูโร สามารถใช้โดยสารรถสาธารณะทุกประเภทในเขตเมืองอัมสเตอร์ดัมได้ภายใน 24 ชั่วโมงนับตั้งแต่เวลาแรกที่ใช้ตั๋ว โดยทุกครั้งที่ขึ้นและลงจากรถจะต้องสแตมป์บัตรที่เครื่องบนรถ
อัพเดทข้อมูลได้ที่ Amsterdam transportation fares
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้รถไฟหรือรถบัสจากสนามบิน Schiphol เข้าเมืองอัมสเตอร์ดัม และใช้รถไฟใต้ดิน รถราง และรถเมล์ของ GVB ในตัวเมืองอัมสเตอร์ดัมภายใน 24, 48, 72 ชั่วโมง สามารถเลือกซื้อ Amsterdam Travel Ticket ได้
เช็คราคาได้ที่ Amsterdam Travel Ticket
เดินกลับผ่านด้านหน้าสถานีรถไฟไปรอรถรางที่ป้าย CS Tram Westzijde ที่ Stationsplein (ออกจากสถานีรถไฟ ป้ายอยู่ขวามือ) ขึ้นรถรางสาย 2 (8 ป้าย) ไปลงที่ป้าย Rijksmuseum ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ทั้งตอนขึ้นรถและตอนลงจากรถต้องสแกนตั๋วทุกครั้งนะครับ
ค้นหาเส้นทางรถสาธารณะของอัมสเตอร์ดัมได้ที่ Amsterdam transportation routes
ข้ามถนนเดินไปยังด้านหน้าของ Rijksmuseum (National Museum) ซึ่งมีไอคอนตัวอักษรขนาดยักษ์
I amsterdam ตั้งอยู่ เรียกได้ว่าใครไม่ได้ถ่ายรูปกับป้ายนี้เหมือนมาไม่ถึงอัมสเตอร์ดัมเลยครับ 55 แต่กว่าเราจะแทรกร่างเข้าไปถ่ายรูปได้ก็ต้องรอคิวและจังหวะอย่างนานนนน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเนเธอร์แลนด์แห่งนี้แรกเริ่มก่อตั้งขึ้นที่กรุงเฮกเมื่อปีค.ศ. 1800 แต่หลังจากนั้น 8 ปีจึงได้ย้ายมาอยู่ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะมาสเตอร์พีซของ Rembrandt, Frans Hals, และ Johannes Vermeer และโบราณวัตถุทรงคุณค่ารวมกว่า 8,000 รายการ
พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 09.00-17.00 น. ปิดขายตั๋วเวลา 16.30 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 17.50 ยูโร เด็กอายุต่ำกว่า 19 ปี เข้าชมฟรี ถ้าต้องการเข้าชมก็ควรซื้อตั๋วทางออนไลน์ล่วงหน้า
อัพเดทข้อมูลได้ที่ visit Rijksmuseum
ลานกว้างหน้า Rijksmuseum เรียกว่า Museumplein (Museum Square) หรือย่านพิพิธภัณฑ์ของอัมสเตอร์ดัมซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สำคัญๆ ของประเทศอีกหลายแห่ง ได้แก่
Van Gogh Museum พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานศิลปะของ Vincent Willem van Gogh หรือแวน โก๊ะห์ (แต่ชาวดัตช์ออกเสียงว่าฟาน ก๊อก) ศิลปินเอกท่านหนึ่งของโลก เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 1973 โดยภาพเขียนที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งของ Van Gogh มีชื่อว่า Slaapkamer te Arles (La Chambre à Arles) หรือ Bedroom in Arles ซึ่งวาดขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1888
พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยมีเวลาเปิด-ปิดในแต่ละช่วงเดือนไม่ตรงกัน ค่าเข้าชมราคา 17 ยูโร
เช็คข้อมูลได้ที่ Van Gogh Museum opening hour, Van Gogh Museum entrance fee
เราไม่ค่อยอินกับงานศิลป์ครับเลยไม่ได้เข้าชม ขอนำรูปมาให้ดูแทนนะครับ

อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์คือ Stedelijk Museum (Municipal Museum) พิพิธภัณฑ์ศิลปะและงานออกแบบ และอาคาร Koninklijk Concertgebouw (Royal Concertgebouw) อาคารแสดงคอนเสิร์ตที่สร้างในสไตล์นีโอคลาสสิกและเปิดใช้แสดงออร์เคสตรามาตั้งแต่ปีค.ศ. 1888
หากต้องการล่องเรือชมวิวเมืองอัมสเตอร์ดัมก็สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่า Stadhouderskade 30 ซึ่งฝั่งตรงข้ามคลองคือร้าน Hard Rock Café (จากป้ายรถราง Rijkmuseum เดินตรงตามถนน Hobbemastraat จนถึงริมคลอง) ตั๋วเรือของบริษัท Blue Boat สำหรับผู้ที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไป ราคาปกติ 17 ยูโร ถ้าซื้อล่วงหน้าทางออนไลน์ลดเหลือ 15 ยูโร ใช้เวลาล่องเรือทั้งหมดประมาณ 75 นาที ในช่วงเดือนมี.ค.-ต.ค. เรือออกทุกๆ 30 นาที เริ่มตั้งแต่ 10.00-18.00 น. ช่วงเดือนที่เหลือเรือจะออกทุก 1 ชั่วโมง โดยตั๋วเรือสามารถใช้ในรอบใดก็ได้ แต่ต้องเช็คอินก่อนรอบนั้นๆ อย่างน้อย 15 นาที
ซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ www.blueboat.nl
วันนี้ฝนตกแรงเป็นระยะๆ เลยครับ เราจึงขี้เกียจเดินไปยังแต่ละอาคารที่อยู่รอบๆ Museumplein
ขอเดินกลับไปที่ป้ายรถราง Rijksmuseum ใช้ตั๋ว GVB ใบเดิมที่ยังไม่หมดอายุ (ถ้าหมดอายุแล้วก็สามารถซื้อตั๋วบนรถได้) ตอนแรกกะจะนั่งรถรางสาย 2 หรือ 5 ย้อนกลับไปทางสถานีรถไฟ 4 ป้าย ลงที่ป้าย Koningsplein แล้วเดินไปทางขวาตามถนน Singel เลียบคลองราว 200 เมตรไป Bloemenmarkt ตลาดขายดอกไม้สดที่ลอยอยู่กลางน้ำแห่งเดียวในโลกซึ่งมีมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1862 โดยรอบๆ บริเวณมีร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้อมากมาย แต่วันนี้คงไม่เหลือสภาพตลาดดอกไม้แล้วครับ ฝนตกเละขนาดนี้
นั่งเลยป้าย Koningsplein อีก 2 ป้ายก็ลงที่ป้าย Dam (Paleisstraat) เลี้ยวขวาเข้าถนน Paleisstraat นิดเดียวก็ถึงจัตุรัสกลางเมืองชื่อ Dam (Dam Square) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่คับคั่งของเมืองและมีอาคารสำคัญๆ มากมายอยู่รอบบริเวณ เช่น
Koninklijk Paleis (Royal Palace) หรือ Paleis op de Dam พระราชวังหลวงซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระราชวงศ์แห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่จัดงานรื่นเริงและใช้ในงานราชการสำคัญ เช่น สำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของประเทศ
สามารถเข้าชมภายในพระราชวังได้ในเวลา 10.00-17.00 น. ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 10 ยูโร ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าชมฟรี
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ visit Royal Palace
ด้านข้างพระราชวังหลวงคือ Nieuwe Kerk (New Church) โบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
ตรงข้ามกับพระราชวังหลวงคือ Nationaal Monument op de Dam (National Monument on Dam Square) อนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งเด่นอยู่ที่จัตุรัส Dam
อาคารอีกด้านหนึ่งของจัตุรัส Dam เป็นตึกใหญ่ตระหง่านมีตุ๊กตาประดับอยู่ อาคารนั้นคือพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง Madame Tussaud
จากตรงนี้ถ้าเดินไปทางด้านหลัง Nationaal Monument op de Dam เข้าถนน Damstraat ก็จะเข้าสู่เขต red-light district และไชน่าทาวน์ แต่เราขอแวะไปถ่ายรูปมุมเอกลักษณ์หนึ่งของอัมสเตอร์ดัมก่อน โดยเดินตามถนน Damrak (คนละทางกับตึก Madame Tussaud) ซึ่งเป็นเส้นทางตรงกลับสถานีรถไฟกลาง เดินไปไม่ไกลทางขวามือเป็นคลองและท่าเรือ Rederij Plas ซึ่งมีเรือบริการล่องชมวิวตามคูคลองต่างๆ รอบเมืองในราคา 11 ยูโรสำหรับผู้ใหญ่ เด็ก 7 ยูโร รอบละ 1 ชั่วโมง
ข้างหน้าไม่ไกลคือสถานีรถไฟกลาง Amsterdam Centraal ครับ
จุดนี้แหละคือมุมถ่ายรูปบ้านสไตล์ดัตช์เรียงหน้ากระดานอยู่ริมน้ำที่ดูเอียงบูดเบี้ยว เจ๋งดีครับ ถ่ายรูปตอนยังสว่างไว้ก่อน เดี๋ยวใกล้จะมืดค่อยเดินกลับมาถ่ายอีกทีครับ
ฝั่งตรงข้ามถนนมีร้านขาย Patat หรือมันฝรั่งทอดคล้ายเฟรนช์ฟรายแต่มีขนาดหนาและใหญ่กว่า กินคู่กับท็อปปิ้งหลากหลาย เช่น มายองเนส ซอสมะเขือเทศ หัวหอมบด รวมทั้งซอสพีนัท ร้านดังที่มีคนต่อคิวซื้อเยอะตรงนั้นชื่อว่า Manneken Pis (ตรงจากสถานีรถไฟกลางมาประมาณ 450 เมตร)
เดินย้อนกลับไปยังจัตุรัส Dam เลี้ยวซ้ายเข้าถนน Damstraat ข้างหลัง Nationaal Monument op de Dam ซึ่งแต่ก่อนมีร้าน Coffee Shop หลายร้าน (Coffee Shop ของชาวอัมสเตอร์ดัมคือร้านขายกัญชาที่อนุญาตให้เสพและค้าขายได้อย่างเสรีซึ่งเป็นวิถีชีวิตของชาวเมืองมาช้านาน) แต่เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้วนะครับ
เดินข้ามสะพานไปแป๊บเดียวก็ถึงคลอง Oudezijds Voorburgwal ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปคลองที่เห็นยอดโดมของ Basiliek van de Heilige Nicolaas (Sint-Nicolaaskerk) หรือโบสถ์ Saint Nicholas อยู่ไกลๆ
ตรงต่อไปอีกหน่อยก็ถึงสะพานข้ามคลอง Kloveniersburgwal ที่มองเห็นอาคารคล้ายปราสาทเก่าชื่อว่า De Waag
ยังไม่เดินไปยัง De Waag แต่เลี้ยวขวาเดินเลียบริมคลองไม่ไกลนักก็ถึงสะพานดำ Aluminiumbrug เลี้ยวซ้ายไปก็เห็นสะพานขาว Staalmeestersbrug ผมจำได้ว่าเมื่อ 11 ปีที่แล้วก็มาถ่ายรูปที่สะพานนี้ครับ
เดินกลับทางเดิมไปที่สะพานข้ามคลอง Kloveniersburgwal ตรงต่อไปยังบริเวณ Nieuwmarkt (New Market) ซึ่งเป็นที่ตั้งของ De Waag คุกเก่าที่แลดูเหมือนปราสาทอันสวยงาม ปัจจุบันเปิดบริการเป็นร้านอาหารชื่อ Restaurant-Café In de Waag
รอบๆ บริเวณนี้คือ De Wallen (De Walletjes) หรือ red-light district ย่านไฟแดงอันโด่งดังที่เต็มไปด้วยร้านค้าบริการทางเพศถูกกฎหมายที่มีผู้หญิงทุกแบบทุกวัยให้เลือกใช้บริการตามความชอบส่วนบุคคล มีเซ็กซ์ช็อป คอฟฟี่ช็อป ร้านอาหาร ผับ บาร์ เรียกว่าเป็นแหล่งอบายมุขและความบันเทิงที่มีชื่อเสียงระดับโลกเลยทีเดียว 55
จาก De Waag เลี้ยวซ้ายเข้าถนนแคบๆ ชื่อ Monnikenstraat ไปถึงริมคลอง Oudezijds Voorburgwal นั่นแหละครับ “แหล่งเลย” แหล่งรวมความบันเทิงสำหรับคุณผู้ชายและผู้รักการใช้ชีวิตยามค่ำคืนสุดคึกคัก
ตอนนี้ยังไม่มืดครับ ยังไม่มันส์เท่าไหร่ 555 เลี้ยวขวาเดินไปทาง Sint-Nicolaaskerk ก่อน
ข้ามสะพานเดินผ่าน Oude Kerk (Old Church) โบสถ์เก่าแก่นี้คือสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดของอัมสเตอร์ดัมสร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1213
เลี้ยวขวาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Oudebrugsteeg ไปก็ถึงริมน้ำ ตรงไปอีกนิดก็ถึงถนน Damrak อีกครั้ง เลี้ยวขวาไปถ่ายรูปบ้านบูดเบี้ยวริมน้ำที่เดิมตอนใกล้มืดครับ
ปิดจ๊อบวันนี้ ถึงเวลากลับไปสำรวจเรดไลท์กันล้าว 555
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่อยากถ่ายรูปในเขต De Wallen หรือ red-light district ว่าให้ถ่ายบรรยากาศกว้างๆ รวมๆ อย่าถ่ายเจาะถ่ายซูมไปที่บรรดาหญิงขายบริการเพราะถือเป็นการไม่ให้เกียรติพวกเธอครับ
เดินเล่นจนทั่ว ดูทุกห้องเลย 555 ล้อเล่นๆๆ แต่ไม่ได้ใช้บริการนะครับ เดินดูพฤติกรรมของชาวอัมสเตอร์ดัมซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครก็ทำกัน นักท่องเที่ยวทั้งผู้ชายและผู้หญิงเค้าก็เดินเล่นแถวนี้กันปกติครับ
ปิดท้ายด้วยอาหารจีนในไชน่าทาวน์ที่ถนน Zeedijk ซึ่งมีร้านอาหารเอเชียให้เลือกหลากหลายตามใจชอบครับ จ่ายไม่ถึง 10 ยูโรก็อิ่มตื้อแล้ว
เดินลัดเลาะซอกซอยต่างๆ กลับไปที่ถนน Damrak ซึ่งเป็นเส้นทางตรงกลับสถานีรถไฟกลาง Amsterdam Centraal
ใช้ Eurail Global Pass ขึ้นรถไฟขบวน NS Intercity กลับ Leiden ฟรีครับ (ปกติตั๋วรถไฟ Amsterdam – Leiden ชั้น 2 ราคา 9 ยูโร) ใช้เวลาเพียง 35 นาทีก็ถึงสถานีรถไฟกลาง Leiden Centraal
เดินแค่ 200 เมตรกลับโรงแรม ibis Leiden Centre ค้างที่นี่ 1 คืน
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต