ประเทศที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่สุดแห่งหนึ่งในโลกคือ “โมร็อกโก”
อีกหนึ่งที่สุดในโลกที่เราต้องพิชิตให้ได้ นั่นก็คือ “ทะเลทรายซาฮารา”

อ่านรีวิววันแรกและวันที่ 2 ของทริปก่อนเพื่อความเข้าใจแผนการเดินทางทั้งหมดได้ที่
MOROCCO เที่ยวเองได้ ไม่ต้องเช่ารถขับ ตอนที่ 1 “Casablanca – Marrakech” ชมมัสยิดอลังการ เดินตลาดเมืองแขก ก่อนเข้าทะเลทรายซาฮารา

photo credit: moroccowhynot.com
เราใช้เมืองใหญ่อย่าง Marrakech เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเข้าสู่ทะเลทรายซาฮารา
แน่นอนว่าวิธีการที่สะดวกที่สุดคือการซื้อทัวร์ท้องถิ่นไป ไม่แนะนำให้เช่ารถขับเองเพราะเส้นทางจาก Marrakech ไปยังเมืองปากทางเข้าทะเลทรายคือ Merzouga นั้นไกลกว่า 560 กิโล เส้นทางหลายช่วงเป็นเทือกเขาสูง ถนนแคบและคดเคี้ยว ใช้เวลาขับ 9-10 ชั่วโมงแบบไม่แวะพักเลย ที่สำคัญคนที่นี่ขับรถกันเละเทะมาก ขับเร็วและบีบแตรตลอดตามสไตล์เมืองแขก
อีกวิธีที่นั่งรถใกล้กว่าคือบินมาลงที่ Ouarzazate เมืองใหญ่ที่ใกล้ทะเลทรายซาฮารากว่า Marrakech แล้วหาทัวร์ท้องถิ่นพาเข้าทะเลทราย
เราจึงลองหาทัวร์จาก Marrakech เข้าทะเลทรายซาฮาราดูซึ่งมีหลายเจ้าให้เลือก แผนของเราคือจะไปเมือง Fès (Fez) ต่อ เลยลองหาว่ามีทัวร์ไหนบ้างที่พาเข้าซาฮาราแล้วไปส่งที่ Fès โดยไม่ต้องย้อนกลับไป Marrakech อีก แล้วก็เจอทัวร์ Marrakech to Fes desert tour นี้
ค่าทัวร์ 3 วัน 2 คืน คนละ 120 ยูโร ต้องจ่ายมัดจำก่อน 24 ยูโร ที่เหลือไปจ่ายที่ Marrakech อีก 96 ยูโร ราคานี้รวมค่ารถ ค่าที่พัก ค่าอาหารเช้าและเย็น ค่าขี่อูฐ แต่ไม่รวมค่าอาหารกลางวัน 3 มื้อที่ต้องจ่ายเพิ่มเอง
เส้นทางใกล้เคียงกับแผนที่นี้

ถ้าไม่มีทัวร์นี้จะต้องเสียเวลาอีกหลายวันและเสียเงินอีกเยอะกว่าจะไปถึง Fès ได้ เพราะต้องย้อนไปย้อนมา ช่วงระหว่างทะเลทราย Sahara กับ Fès คือช่วงที่หาวิธีเดินทางยากที่สุดถ้าไม่เช่ารถขับและระยะทางไกลมาก ขับรถเช้ายันเย็นเลยทีเดียว พอไปถึง Fès แล้วจะไปเมืองไหนต่อก็ไม่ไกลเท่าไหร่แล้ว
วันที่ 3
นัดคนขับรถมารับที่ที่พักตอน 7 โมงครึ่ง
รถคันนี้ไปรับลูกค้าอีก 4-5 คน แล้วพาไปเจอกับรถอีกคัน จัดแบ่งกรุ๊ปกันเรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทาง
นั่งรถข้ามเทือกเขา Haut Atlas (اَلْأَطْـلَـس الْـكَـبِـيْـر) หรือ High Atlas (Grand Atlas) และเส้นทาง Tizi n’Tichka (تيزي نتيشكة) ระหว่างทางมีหมู่บ้านของชาว Berber ชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายซาฮารา

คนขับจอดรถให้ลงไปถ่ายรูปแป๊บนึง


ไป Aït Benhaddou
Aït Benhaddou (آيت بن حدّو) อ่านว่า “ไอต์ เบนฮัดดู” คือหมู่บ้านป้อมหรือที่เรียกว่า Ksar หรือ qsar (قصر) หรือ ighrem ซึ่งได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกขององค์การ UNESCO เมื่อปีค.ศ. 1987
เราอยากมา Aït Benhaddou มากเพราะดูหนังเรื่อง The Mummy ซึ่งมีฉากที่มาถ่ายทำที่หมู่บ้านนี้ และยังเป็นฉากในภาพยนตร์ดังอีกหลายเรื่องด้วย เช่น Game of Thrones
นั่งรถมาถึงที่นี่ตอนเที่ยงกว่า แต่ไกด์ยังไม่พาไปร้านอาหาร แกพาเดินขึ้นไปยังป้อมบนจุดสูงสุดของเมืองเก่าเลย

เดินข้ามแม่น้ำ Ounila เข้าไปยัง Ksar Aït Ben Haddou หรือ Kasbah Ait Ben Haddou (قصر أيت بن حدو) เมืองป้อมโบราณที่สร้างบ้านดินอยู่ตามไหล่เขา ปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายของเก่า ของที่ระลึก และร้านอาหารมากกว่าใช้เป็นบ้านอยู่อาศัยจริง




เดินขึ้นเขาไปยังจุดชมวิว Ounila valley, เทือกเขา Anti-Atlas (الأطلس الصغير) หรือ Lesser Atlas และจุดเริ่มต้นของทะเลทรายซาฮารา ฝั่งตรงข้ามกับ Ksar Aït Ben Haddou ที่เราอยู่คือเมืองใหม่ของ Aït Benhaddou


ระหว่างทางพยายามสอดส่ายสายตามองหาร้านซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปฮอตฮิต ไม่รู้ว่าร้านชื่ออะไร รู้แค่อยู่ตรงจุดพักกลางทางขึ้นไปยังป้อมโบราณบนยอดเขา พิกัดใน Google map ประมาณร้าน Salon Du Thé Panoramique หาไม่ยากครับ เสียค่าถ่ายรูปคนละ 5 MAD (16 บาท)


เดินลงเขาอีกทางข้ามสะพานข้ามแม่น้ำกลับไปยังฝั่งเมืองใหม่


ไกด์พาเข้าร้านอาหารอย่างดี เมนูส่วนใหญ่ที่เจอมีไม่กี่อย่าง เช่น Tajine de …. (เนื้อ…อบหม้อดิน), Brochettes de … (เนื้อ…เสียบไม้ย่าง) และ Couscous (คล้ายๆ ข้าว แต่ละเอียดเป็นผงกว่า+เนื้อสัตว์ต่างๆ ตามสั่ง)
มื้อกลางวันต้องจ่ายเพิ่มเอง ไม่รวมอยู่ในค่าทัวร์ เตรียมเงินมื้อละ 80-120 MAD โอเคแล้วครับ


มีค่าทิปไกด์ท้องถิ่นคนละนิดหน่อย 20-30 MAD แล้วแต่จะให้
บ่าย นั่งรถต่อตามแนว Oued Dadès หรือแม่น้ำ Dadès ไปยังเมือง Boumalne Dades (بومالن دادس) แต่วันนี้ทัวร์เกินเวลาไปพอสมควร เลยไม่ได้แวะ คนขับเลยไปส่งที่ที่พักชื่อ Canyon Dades ใกล้จุดชมวิว Pattes de Singes (Monkey Paw) หรือภูเขาอุ้งตีนลิงในบริเวณที่เรียกว่า Dadès Gorges


สภาพห้องโอเคนะ อาหารเย็นก็จัดเต็มและรสชาติถูกปาก แต่สัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่แรง ต้องลงมานั่งเล่นที่ล็อบบี้

ตอนแรกที่เขียนในโปรแกรมทัวร์ เรานึกว่าจะพาไปจุดชมวิว Gorges Dadés ซึ่งต้องขับขึ้นไปทางเหนืออีกประมาณ 15 กิโล จุดนั้นจะมองเห็นถนนคดเคี้ยวลงเขาหลายพับและมีธารน้ำแคบๆ อยู่ระหว่างช่องเขาสองข้าง แต่สรุปคือไม่ได้พาไป เซ็งหน่อยๆ
ค้างคืนแถว Dadès Gorges
วันที่ 4
ช่วงเช้า ไปเมือง Tinghir (تنغير)
ไกด์ท้องถิ่นมารับที่รถแล้วพาเดินลัดท้องร่องไปในตัวเมือง Tinghir ซึ่งเป็นซอกซอยแคบๆ ที่มีบ้านดินติดๆ กัน พาเข้ามาช้อปปิ้งครับ ไม่ได้พามาเที่ยวอะไร 555 ได้เสื้อชาว Berber เผ่าเร่ร่อนในทะเลทรายซาฮาราและผ้าโพกหัวไว้ใส่ถ่ายรูปเท่ๆ ตอนขี่อูฐจนได้ 55

เดินออกไปขึ้นรถอีกทางหนึ่ง

นั่งรถขึ้นเขาไปชมวิวโอเอซิสแห่ง Tinghir


เดินทางต่อตามแนวแม่น้ำ Todra สู่ Todgha Gorge (مضيق تودغا) หรือ Todra Gorge (พิกัด Les gorges du todra ใน Google map)

รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านแถวนี้ สั่ง Brochettes มากินอีกแล้ว
บ่าย นั่งรถยาวอีกราว 210 กม. ไปขี่อูฐที่ Erg Chebbi (عرق الشبي) เนินทราย (erg) สีทองของทะเลทรายซาฮาราใกล้หมู่บ้าน Merzouga (مرزوكة)

แนะนำให้จัดเตรียมเสื้อผ้า น้ำดื่ม ข้าวของ เครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับค้าง 1 คืนในทะเลทรายใส่เป้หรือกระเป๋าสะพายให้พร้อม เพราะต้องเก็บกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ท้ายรถตู้ เดินลากลุยทรายหนาๆ ไปที่เต๊นท์ไม่ไหวจริงๆ
ขี่อูฐลึกเข้าไปในทะเลทรายซาฮาราประมาณครึ่งชั่วโมง เก็บภาพสวยๆ ได้ตามที่มโนไว้ก่อนมาเลย





จากนั้นก็ลงแล้วเดินตามแนวสันทรายชันข้ามเนินทรายสูงไปชมพระอาทิตย์ตกในซาฮารา





แนะนำให้ใส่รองเท้าหุ้มข้อสูงหน่อยหรือรองเท้ารัดส้นสำหรับลุยน้ำลุยทะเลไปเลย เพราะเดินยังไงก็จมทราย กว่าจะเคาะทรายออกจากรองเท้าหมด นานมากกก
เดินลงเนินทรายกลับไปรอน้องอูฐที่จุดนัดหมาย

ขี่น้องกลับไปที่จอดรถ ขนข้าวของไปเก็บในเต๊นท์ส่วนตัว แต่เป็นห้องน้ำรวมมีห้องส้วมชักโครก 2 ห้อง และอ่างล้างมือตรงกลาง คืนนี้ไม่ได้อาบน้ำนอน ต้องซักแห้งสิ 555
พอมืดแล้ว อากาศในทะเลทรายจะหนาวขึ้นมาก ยิ่งตอนเช้ามืดคือหนาวสุดๆ เลย
เดินไปที่เต๊นท์ส่วนกลาง รับประทานอาหารเย็นแบบ Saharawi และตั้งแคมป์ไฟแบบพวก nomad

ตอนดึกไม่ยอมหลับยอมนอน ขึ้นไปบนเนินเหนือแคมป์ที่พัก ตั้งขาตั้งกล้องถ่ายทางช้างเผือกและดูดาวเต็มท้องฟ้ากลางทะเลทรายซาฮารา คืนนี้เป็นข้างแรม ท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีแสงจันทร์รบกวน แต่โชคดีไม่มากพอ เห็นแค่หางช้างเท่านั้น ถ่ายมาได้เท่านี้แหละ

ค้างคืนใน Sahara
วันที่ 5
เดินไปรับประทานอาหารเช้าที่เต๊นท์ส่วนกลางและถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้น


ระหว่างรอรถตู้คันใหม่มารับก็หามุมถ่ายรูปเนินทรายสีทองยามแสงเช้า พูดเลยว่าโคตรสวย




ทีมงานจัดแบ่งว่าใครจะกลับ Marrakech ให้มาขึ้นรถคันไหน ใครจะไป Fès ก็มาขึ้นอีกคัน
โปรแกรมวันนี้จะแวะเที่ยวระหว่างทางไป Fès หลายที่อยู่ เช่น ทุ่งปาล์มในโอเอซิสแห่ง Tafilalet (تافيلالت) และเมือง Rissani (الريصاني)
ข้าม Ouled Ziz หรือแม่น้ำ Ziz ไปยัง Ziz valley หมู่บ้านป้อมในเทือกเขาแอตลาส
พักรับประทานอาหารกลางวันที่หมู่บ้าน Midelt (ميدلت)
จากนั้นนั่งรถต่อไปยังเมือง Azrou (أزرو) อาจจะได้เห็นลิง Maggot ในป่า Cedar ระหว่างทางไปเมือง Ifrane (إيفران) แล้วมุ่งหน้าไปยังเมือง Fès
แต่ความจริง นั่งรถไปยังไม่ถึงครึ่งทางก็เกิดอุบัติเหตุ รถเราแซงรถข้างหน้าตามรถอีกคันที่แซงไปก่อน แต่จังหวะที่รถเราจะแซงต่ออีก ปรากฏว่ารถคันหน้าดันเบี่ยงออกมาเพื่อจะแซงคันหน้าอีกครั้ง เบรคไม่ทันสิคร้าบ ชนตูดเปรี้ยงเต็มๆ กระจกคันหน้าแตก กันชนรถเราหัก แต่ทุกคนในรถไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
เสียเวลารอตำรวจและประกันมาเคลียร์เกือบ 2 ชั่วโมงครับ แผนเที่ยวยกเลิกหมด กว่าจะได้กินข้าวเที่ยงเกือบ 4 โมงเย็น
แต่คนขับรถก็ซิ่งทำเวลาจนไปถึงเมือง Fès ตามกำหนดก่อนสองทุ่ม
เราจองที่พักชื่อ Dar Bouanania ซึ่งเดินเข้า Fès el Bali (Old Fez) ทาง Bab Boujloud (Blue Gate) ไม่ไกล แต่รถไปส่งที่วงเวียนไม่ไกลจากประตูเมืองเก่า พอลงจากรถก็มีชายรับจ้างเข็นรถขนกระเป๋าไปส่งที่ที่พักให้ จ้างไปเลยถูกๆ ราคาเหมาแค่ 20 MAD (64 บาท) ให้เค้านำทางด้วยเพราะที่พักในเมืองเก่าเฟซไม่ได้หาเจอกันง่ายๆ ตรอกซอกซอยเยอะแยะไปหมด
ค้างคืนที่ Fès
*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต