ไปเที่ยว “สเปน” ไปทำอะไรดี – Things to do in Spain

madrid, มาดริด, spain, สเปน

แดนกระทิงดุ “สเปน” ถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ Top 10 ของโลกมาตลอดหลายปีให้หลัง นั่นเป็นเพราะเสน่ห์ความมีชีวิตชีวาของผู้คน สีสันแห่งการใช้ชีวิต วัฒนธรรมอันรุ่มรวยมาแต่อดีต อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแนวตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกรูปแบบอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น เมืองโบราณยุคโรมัน ชายหาดตากอากาศ ธรรมชาติสีเขียว ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงแหล่งช้อปปิ้งนำเทรนด์แฟชั่น

สำหรับคนที่ไปเที่ยวสเปนครั้งแรกก็คงเลือกไปเยือน 2 เมืองใหญ่อย่าง Madrid และ Barcelona อยู่แล้ว แต่บางครั้งก็อาจไม่รู้ว่าควรทำอะไรดี มีอะไรให้ทำบ้าง ไปที่ไหนถึงแจ่ม ดังนั้นลองมาหาคำตอบได้จากบทความนี้เลยครับ รับรองว่าจะทำให้การเที่ยวสเปนในเส้นทางพื้นฐานสนุกและเต็มอิ่มมากขึ้นแน่นอน

สัมผัสความอลังการผลงาน Gaudí ใน Barcelona

พูดถึง Barcelona เชื่อว่าชื่อของ Antoni Gaudí ศิลปินเอกชาว Catalan คงอยู่ในความคิดแรกๆ ของหลายคนแน่นอน เพราะมรดกของ Gaudí นั้นมีอยู่มากมายในเมืองจริงๆ เริ่มตั้งแต่ผลงานชิ้นหลักของเขาอย่าง Sagrada Família มหาวิหารคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก สัญลักษณ์คู่เมืองบาร์เซโลนาซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกและชิ้นสุดท้ายของเขา วิหารแห่งนี้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 1883 จนกระทั่งปัจจุบันผ่านมาแล้ว 130 กว่าปีก็ยังสร้างไม่เสร็จ ยังมีเครนก่อสร้างเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Unfinished Church รัฐบาลสเปนคาดว่าน่าจะก่อสร้างเสร็จสิ้นภายในปี 2026

Parc Güell (Park Güell) สวนสาธารณะขนาดใหญ่บนเนินเขาทางเหนือของเขตเมืองที่สร้างขึ้นโดยความตั้งใจของ Eusebi Güell ที่ต้องการจะสร้างสวนแห่งบาร์เซโลนา จึงว่าจ้าง Antoni Gaudí สถาปนิกชื่อดังเป็นผู้ออกแบบเมื่อปี 1914 ด้านในงดงามและโดดเด่นจากรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนสวนใดในโลกโดยเน้นการประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบสีสันต่างๆ หนึ่งในไฮไลต์คือ “el drac” หรือ the dragon รูปปั้นมังกรกระเบื้องเคลือบสีที่มีลักษณะคล้ายกับกิ้งก่ายักษ์มากกว่า

นอกจากนี้ยังมีอาคารสำคัญใจกลางเมืองอีก 2 หลัง ได้แก่ Casa Batlló สถาปัตยกรรมหน้าตาประหลาดที่ออกแบบเมื่อปี 1904 และ Casa Milà หรืออีกชื่อหนึ่งว่า La Pedrera บ้านหลังสุดท้ายของ Gaudí ที่สร้างขึ้นเมื่อปี 1906-1912 โดยองค์การ UNESCO ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี 1984 ทุกสถานที่เปิดให้เข้าชมได้ทั้งหมด แนะนำให้ซื้อตั๋วทางออนไลน์ล่วงหน้าเพื่อประหยัดเวลาการต่อคิวซื้อตั๋วหน้างาน

ดื่มด่ำบรรยากาศพระอาทิตย์ตกบน Rooftop Bar ใน Madrid

เมืองหลวงอย่างกรุง Madrid เป็นเมืองการค้าอันทันสมัยที่เต็มไปด้วยอาคารยุคศตวรรษที่ 20 มากมาย จุดชมวิวที่สามารถเห็นวิวเมืองได้รอบด้านคือจาก Círculo de Bellas Artes อาคารที่ทำการด้านวัฒนธรรมขององค์การไม่แสวงหากำไรซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 1880 ด้านในเป็นสถานที่จัดนิทรรศการ ฉายภาพยนตร์ แสดงคอนเสิร์ต และเวิร์คช็อป โดยชั้นบนมีร้านอาหารและคาเฟ่ให้ขึ้นไปได้ในราคา 4 ยูโร ถ้าอยากสั่งอะไรมารับประทานเพิ่มก็แล้วแต่ แนะนำให้ขึ้นไปตอนช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามโรแมนติกจริงๆ

ตะลุยกิน Tapas ในเขตเมืองเก่า

ไลฟ์สไตล์การับประทานมื้อเย็นของชาวสแปนิชส่วนมากนิยมแนว Tapas Bar ซึ่งเป็นลักษณะการสังสรรค์หลังเลิกงานรูปแบบหนึ่ง โดยเดินไปตามร้าน Tapas ที่กระจายอยู่ทั่วไป แล้วสั่ง Tapas ซึ่งมีหลายรูปแบบ โดยมากเป็นขนมปังโปะด้วยแฮม ชีส ไส้กรอก หรือเป็นพวกของทานเล่น เช่น กุ้งกระเทียม ทานคู่กับไวน์ บ้างนั่ง บ้างยืนคุยกันสักพัก แล้วก็เดินไปร้านอื่นต่อ ทั้งเขตเมืองเก่าของ Madrid และ Barcelona นั้นเหมาะมากที่จะลองสัมผัสวิถีท้องถิ่นเพราะเรียงรายด้วยร้าน Tapas แจ่มๆ มากมาย

ย้อนไปในยุคโรมันที่ Segovia

เพียงออกจากกรุง Madrid ไปแค่ 1 ชั่วโมง ก็เหมือนได้เดินทางย้อนอดีตมาสู่ยุคโรมันอีกครั้งเพราะในเขตเมืองเก่าของ Segovia นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO เมื่อปี 1985 ในฐานะเมืองโรมันโบราณที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ Acueducto de Segovia (Aqueduct of Segovia) สะพานส่งน้ำโรมันยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง Catedral de Segovia (Segovia Cathedral) มหาวิหารสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคยุคปลายที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลาง Plaza Mayor หรือจัตุรัสกลางเมือง โดยสร้างขึ้นระหว่างปี 1525-1577 และ Alcázar de Segovia (Segovia Fortress) พระราชวังหลวงมรดกโลกที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 บนแท่งหินสูงเหนือจุดบรรจบกันของแม่น้ำ 2 สายซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบแรงบันดาลใจในการออกแบบปราสาทเทพนิยายของดิสนีย์

ลิ้มลองรสชาติอาหารสแปนิชดั้งเดิม

สเปนเป็นประเทศที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตและวัฒนธรรมโดดเด่นชัดเจนมาก โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน มื้อเช้าของชาวสแปนิชมีแค่กาแฟกับขนมปัง ช่วงสายหน่อยจัดอีกมื้อย่อยเป็นพวกแซนด์วิชกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เบาๆ สักบ่าย 3 ถึงเป็นมื้อเที่ยงที่จัดหนักสุดของวัน แล้วมื้อเย็นเริ่มราว 3 ทุ่ม

อาหารสเปนที่ห้ามพลาดคือ Paella ที่มีลักษณะคล้ายกับข้าวผัดบ้านเรา แต่ใช้ข้าวเม็ดใหญ่ผัดกับซอสตำรับสเปนและเนื้อสัตว์ต่างๆ ซึ่งส่วนมากเป็นอาหารทะเล อีกเมนูคือ Cochinillo หรือหมูหันฉบับแคว้น Castile ซึ่งนิยมรับประทานในเทศกาลสำคัญ ถ้าไปเมือง Segovia ก็อย่าลืมสั่ง นอกจากนี้อาหารของแคว้น Aragon ในเมือง Zaragoza นั้นก็อร่อยไม่แพ้กัน เมนูเด็ดคือ Ternasco Con Patatas สเต๊กเนื้อแกะกับมันฝรั่งสูตรชาว Arogonese

เดินเล่นชิลล์ๆ ริมแม่น้ำที่เมือง Zaragoza

ถ้าเดินทางระหว่าง Madrid กับ Barcelona ด้วยรถไฟต้องผ่านเมือง Zaragoza อยู่แล้ว แนะนำให้แวะเที่ยวเมืองนี้ด้วย Zaragoza คือเมืองหลวงของเขตการปกครองตนเอง Aragon โดยมีชื่อเสียงจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาว Aragonese ซึ่งรวมถึงอาหารการกินและกลุ่มอาคารเก่าแก่ที่ผสมผสานศิลปะแบบคริสต์และอิสลามซึ่งเรียกว่า Iglesias Mudejares ที่เป็นส่วนหนึ่งของเขตมรดกโลกของ UNESCO และที่สำคัญบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำ Ebro ในช่วงเย็นที่มองไปเห็น Catedral-Basílica de Nuestra Señora del Pilar (Basilica-Cathedral of Our Lady of the Pillar) มหาวิหารศิลปะบาโรคที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 1 และ 2 บนฝั่งแม่น้ำ Ebro เพื่ออุทิศให้แก่ Our Lady of the Pillar อุปการีชาวสเปนนั้น ต้องบอกว่าเหมือนดินแดนในฝันเลยทีเดียว

เดินชมประวัติศาสตร์ของ Barcelona ในเขต Barri Gòtic

ไม่ว่าเป็นคนที่ชอบเมืองเก่าหรือไม่ รับรองว่าในเขต Barri Gòtic (Gothic Quarter) เขตเมืองเก่าของ Barcelona จะทำให้เคลิ้มได้แน่นอน ย่านนี้นับเป็นพื้นที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองที่ยังคงหลงเหลือซากกำแพงโบราณตั้งแต่ยุคโรมัน รวมทั้งอาคารยุคกลางบางส่วน โดยบ้านเรือนส่วนมากนั้นสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20

อาคารสำคัญในบริเวณนี้ ได้แก่ Catedral de la Santa Creu i Santa Eulàlia หรือเรียกสั้นๆ ว่า Catedral โบสถ์เก่าแก่สไตล์โกธิคที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ปี 1448 ตั้งอยู่ที่จัตรัส Plaça de la Seu นอกจากนี้ยังมี Pont del Bisbe สะพานเล็กๆ ที่เชื่อมระหว่างอาคารซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี 1928 รวมทั้ง Ayuntamiento de Barcelona หรือที่ว่าการเมืองบริเวณจัตุรัส Plaça de Sant Jaume นอกจากนี้ยังมีร้าน Tapas น่านั่งหลายร้าน อาทิ Xarcuteria La Pineda, La Plata และ La Palma

ชิมของทานเล่นต้นตำรับสุดอร่อย

หลายคนอาจรู้จักของทานเล่นอย่าง Churro กันดีอยู่แล้วเพราะในเมืองไทยก็มีขายทั่วไป แต่อาจไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วขนมชนิดนี้มีต้นกำเนิดมาจากสเปน ดังนั้นถ้าได้มาสเปนทั้งทีก็ไม่ควรพลาดเป็นอันขาด ส่วนมากหาได้ตามร้านเบเกอรี่หรือห้องอาหารเช้าของโรงแรม แต่แนะนำให้เข้าร้านที่ขายเฉพาะ Churro โดยเฉพาะเลยดีกว่า แค่กลิ่นหอมๆ ของเส้นแป้งทอดคล้ายโดนัทก็ชวนใจละลายอยู่แล้ว ยิ่งจิ้มกับ hot chocolate ร้อนๆ ข้นๆ รับรองฟินลืม!

ชมวิวมุมสูงของ Barcelona บนเนินเขา Montjuïc

จุดชมวิวที่สามารถเห็นวิวมุมสูงของเมือง Barcelona มีอยู่หลายที่ แต่พิกัดที่เราอยากแนะนำพิเศษคือบริเวณ Mirador del Poble Sec สวนสาธารณะบนเนินเขา Montjuïc ทางทิศใต้ของเมือง จากจุดนี้สามารถมองเห็นวิวเมืองได้เกือบทั้งหมด เรียกว่าขึ้นมาทีเดียวคุ้มเลย โดยเฉพาะบรรยากาศแสงอ่อนๆ ยามเช้านั้นดีต่อใจจริงๆ เหมาะแก่การวิ่งออกกำลังกายไปชมวิวไปมากๆ

ตามรอยเส้นทางแสวงบุญที่ Montserrat

อีกจุดหมายที่สามารถไปเที่ยวแบบ one day trip จากเมือง Barcelona ได้ก็คือ Montserrat แนวภูเขาสูงในแคว้น Catalonia ห่างจากนคร Barcelona ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 60 กิโลเมตร ภูเขายอดแหลมหลายยอดที่เกิดจากการกัดกร่อนของธรรมชาติแห่งนี้เป็นที่รู้จักจาก Santa Maria de Montserrat สำนักบวชโบราณยุคศตวรรษที่ 11 ในเขตชุมชน Monistrol de Montserrat ซึ่งทุกวันนี้ยังคงมีนักบวชอาศัยอยู่ราว 70 คน สำนักบวชแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์นิกายคาทอลิก โดยนักแสวงบุญจากทั้งในแคว้นกาตาลันและจากทั่วยุโรปนิยมเดินทางมาเยี่ยมเยียน

การเดินทาง: วิธีการสะดวกสุดคือรถไฟจาก Plaça d’Espanya ไปที่สถานี Montserrat-Aeri ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง แล้วขึ้นกระเช้าไปยังสำนักบวชประมาณ 5 นาที หรือจะไปที่สถานี Monistrol (ถัดจากสถานี Montserrat-Aeri ไป 1 สถานี) แล้วขึ้นรถรางต่อไปที่สำนักบวชอีกประมาณ 15 นาทีก็ได้เช่นกัน ทั้ง 2 วิธี ค่าตั๋วแบบไป-กลับ รวมทุกอย่างแล้วราคา 22 ยูโร ซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ในสถานี Plaça d’Espanya

*Special Thanks to Turespaña