ประเทศในยุโรปมีความโดดเด่นในแง่วัฒนธรรมที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าเป็นฝรั่งเศสแล้ว หนึ่งในวัฒนธรรมที่ถือเป็นเอกลักษณ์และแบบอย่างชั้นสูงคงหนีไม่พ้นเรื่อง “การกินดื่ม” แน่นอน ชาวฝรั่งเศสพิถีพิถันและให้ความสำคัญกับอาหารเป็นอย่างมากโดยเฉพาะอาหารมื้อเย็น เพราะถือเป็นเวลาที่สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงใช้เวลาอยู่ร่วมกันเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ โดยอาจใช้เวลาบนโต๊ะอาหารนานถึง 2-3 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่จานเรียกน้ำย่อย จานหลัก และของหวานตบท้าย ดังนั้นหากไปเยือนถึงกรุงปารีสซึ่งถือเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศสทั้งที เรื่องอาหารการกินจึงเป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอาหารฝรั่งเศสขนานแท้ที่พบเห็นได้ทั่วไป
บทความนี้ “เที่ยวเอง” จึงอยากแนะนำ 8 ร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูในปารีสที่นอกจากรสชาติอาหารที่ดีงามแล้ว บรรยากาศของร้านยังเลิศเลอไม่แพ้กันมาให้เป็นทางเลือกเผื่อใครอยากไปดื่มด่ำความโรแมนติกกับคู่รักหรืออยากสัมผัสความเป็นฝรั่งเศสให้มากยิ่งขึ้นครับ
Chez Julien (เชซ์ ฌูเลียง)
ร้านอาหารเก่าแก่ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1870 บรรยากาศจึงมีกลิ่นอายของยุคศตวรรษที่ 20 ครบถ้วน ด้านในตกแต่งอย่างคลาสสิกด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตนูโวที่เน้นกระจกบานใหญ่และการแกะสลักขอบกำแพงและเพดานอันวิจิตรงดงามจนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมือง
ส่วนเมนูอาหารเป็นแบบฝรั่งเศสดั้งเดิมที่เน้นการใช้วัตถุดิบชั้นยอด เสิร์ฟเป็นคอร์สตั้งแต่ starter, main course และปิดท้ายด้วยของหวานตามสูตร ถ้าอยากลอง Escargot หรือเมนูหอยทากที่นิยมรับประทานเป็น starter ในฝรั่งเศสและสเปนแล้ว ร้านนี้จัดได้ว่าแจ่มเลย
ราคา: Lunch Course เริ่มต้นที่ 26 ยูโร อาหารจานหลักทั่วไปเริ่มต้นที่ 28 ยูโร ควรจองล่วงหน้า
การเดินทาง: สถานีรถไฟใต้ดิน Pont Marie
เว็บไซต์: www.julienparis.com
Café Marly (กาเฟ่ มัคร์ลี่)
ร้านอาหารสุดหรูบริเวณพิพิธภัณฑ์ Louvre ที่สามารถกินลมชมวิวพิระมิดแห่งลูฟวร์ได้อย่างจุใจ ถ้าไม่ใช่ฤดูหนาวควรเลือกจองที่นั่งตรงระเบียงด้านนอกที่บรรยากาศดีมากๆ แต่ถ้ามาหน้าหนาวก็ควรเลือกนั่งด้านในที่หรูหราไม่แพ้กันแทน แต่ถ้าใครทนหนาวได้ก็ไม่ว่ากัน
เมนูอาหารเน้นไปที่ความร่วมสมัยและความคิดสร้างสรรค์ที่นำเสนอออกมาได้อย่างหรูหราด้วยวัตถุดิบคุณภาพชั้นดี แถมยังคงเทสต์ความเป็นฝรั่งเศสดั้งเดิมได้อย่างเยี่ยมยอด นอกจากอาหารจานหลักที่อร่อยมากแล้ว ของหวานยังรสชาติดีไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ Mille-feuille (มิลล์-เฟยล์) ที่นุ่มละมุนชวนฝันมากๆ
ราคา: อาหารจานหลักเริ่มต้นที่ 26 ยูโร ควรจองล่วงหน้า
การเดินทาง: สถานีรถไฟใต้ดิน Palais Royal Musée du Louvre
เว็บไซต์: cafe-marly.com/fr
Jules Verne (จูลส์ แวร์น)
ร้านอาหาร French Gastronomy แท้ๆ บนชั้น 2 ของหอไอเฟลที่สูงจากระดับพื้นด้านล่างประมาณ 125 เมตร ไม่เพียงแต่ร้านอาหารบรรยากาศเลิศหรูแห่งนี้จะเสิร์ฟคอร์สอาหารตำรับฝรั่งเศสที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากภูมิภาคต่างๆ แล้ว บรรยากาศด้านในยังได้อรรถรสจากการดีไซน์อย่างเรียบหรูของ Patrick Jouin นักออกแบบตกแต่งภายในชื่อดัง
อีกทั้ง วิวจากมุมสูงบนหอไอเฟลที่มองไปเห็นสวน Champ de Mars แม่น้ำแซน และบริเวณรอบๆ ก็ยิ่งเพิ่มบรรยากาศความโรแมนติกจนคิดว่ากำลังอยู่ในความฝัน การเข้ามารับประทานอาหารที่นี่ต้องแต่งชุดสุภาพ สวมสูทหรือเดรสได้ยิ่งดี ส่วนรสชาติอาหารที่เสิร์ฟทั้งหมด 5-6 คอร์สถือว่าอยู่ในระดับดีพอควร ถ้าใครชอบอาหารฝรั่งเศสก็อาจรู้สึกชอบมาก
ราคา: Dinner course เริ่มต้นที่ 190 ยูโร ควรจองล่วงหน้าหลายเดือน
การเดินทาง: สถานีรถไฟ Champ de Mars Tour Eiffel หรือสถานีรถไฟใต้ดิน Bir-Hakeim
เว็บไซต์: www.lejulesverne-paris.com
Pierre Sang (ปิแอร์ แซง)
ร้านของ Pierre Sang เชฟชื่อดังระดับโลกเจ้าของรางวัลชนะเลิศจากรายการ Top Chef ของฝรั่งเศสเมื่อปี 2011 มีอยู่ทั้งหมด 3 ร้านในละแวกเดียวกัน แต่ละร้านมีจุดเด่นต่างกันไป โดยร้านที่เราไปเป็นสาขาที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ถนน Gambey เชฟผู้นี้เป็นลูกกำพร้าเกิดที่เกาหลีใต้แต่ได้รับการอุปการะมาอยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ทำให้เขาซึมซับวัฒนธรรมต่างๆ ของชาวฝรั่งเศสจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
แน่นอนว่าความโดดเด่นของร้านอาหารแห่งนี้อยู่ที่การผสมผสานของอาหารฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายความเป็นเอเชียได้อย่างลงตัว โดยไฮไลต์คือเมนูแต่ละวันจะไม่ซ้ำเดิม แปรเปลี่ยนไปตามจินตนาการและแรงบันดาลใจของเชฟ ทำให้ผู้มารับประทานได้รับประสบการณ์แปลกใหม่อยู่เสมอ นอกจากนี้บรรยากาศในร้านที่ดูเป็นกันเอง เชฟคอยเอาใจใส่ดูแลแขก และดูไม่ซีเรียสจนเกินไป ก็เป็นอีกอย่างที่ส่วนตัวแล้วชอบมากๆ
ราคา: แบบคอร์ส มื้อกลางวันเริ่มต้นที่ 20 ยูโร มื้อเย็น 49 ยูโร ควรจองล่วงหน้า
การเดินทาง: สถานีรถไฟใต้ดิน Oberkampf หรือ Parmentier
เว็บไซต์: www.pierresang.com
Bateaux Parisiens (บาโตซ์ ปารีเซียง)
ปารีสขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศสุดโรแมนติกริมฝั่งแม่น้ำแซนอยู่แล้ว ดังนั้นอีกประสบการณ์สุดพิเศษก็คือการได้ดื่มด่ำบรรยากาศอาหารมื้อพิเศษบนเรือกระจกใส เรือสุดหรูลำนี้จะล่องไปตามแม่น้ำแซนเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่งพร้อมกับเสิร์ฟอาหารสไตล์ฝรั่งเศสที่มาเป็นคอร์สซึ่งสามารถเลือกล่วงหน้าได้
ลองจินตนาการว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าได้รับประทานอาหารตำรับฝรั่งเศสขนานแท้พร้อมกับชมวิวสถาปัตยกรรมสุดงดงามของปารีสตลอดสองข้างของแม่น้ำแซน โดยพนักงานจะคอยบอกตลอดว่าอาคารนี้คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ทำให้นอกจากอิ่มท้องและอิ่มบรรยากาศแล้วยังได้ความรู้ติดตัวกลับไปด้วย
ราคา: Dinner Course เริ่มต้นที่ 99 ยูโร ต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้า
การเดินทาง: ใกล้ที่สุดคือป้ายรถเมล์ Tour Eiffel หรือสถานีรถไฟ Champ de Mars-Tour Eiffel
เว็บไซต์: www.bateauxparisiens.com
La Fourmi Ailée (ลา ฟูร์คมี เอเย่)
เดิมทีร้านอาหารบรรยากาศน่ารักนั่งสบายๆ ที่ดัดแปลงมาจากร้านขายหนังสือเก่าแห่งนี้เป็นแหล่งรวมพลของเหล่าปัญญาชนที่มักมาจิบชากาแฟนทานขนมยามบ่ายพร้อมอ่านหนังสือหรือพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะระหว่างกัน แต่ระยะหลังเริ่มมีเมนูอาหารจานหลักเพิ่มมากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกรับประทานได้ทั้งมื้อหนักและมื้อเบา
แม้ร้านจะมีพื้นที่ไม่มากนักแต่ก็ประดับประดาตกแต่งในแบบย้อนยุคได้อย่างสวยงามลงตัว โดยเน้นที่หนังสือเก่าที่เรียงตัวอยู่บนชั้นวางและภาพวาดอาร์ทๆ ที่แปะอยู่ตามผนัง ภาพรวมเป็นร้านที่บรรยากาศสบายเหมือนอยู่บ้าน เหมาะมานั่งรับประทานอาหารฝรั่งเศส จิบชา และพูดคุยกันจริงๆ
ราคา: อาหารจานหลักเริ่มต้นที่ประมาณ 16 ยูโร
การเดินทาง: สถานีรถไฟใต้ดิน Saint-Michel – Notre-Dame หรือ Cluny – La Sorbonne
เว็บไซต์: la-fourmi-ailee.zenchef.com
Les Ombres (เลส์ ซอมบร์)
ร้านอาหารหรูวิวสุดอลังการที่ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของพิพิธภัณฑ์ Quai Branly ซึ่งอยู่ใกล้กับหอไอเฟล ดังนั้นวิวของร้านอาหารที่ทำเป็นหลังคากระจกใสแห่งนี้จึงสวยงามอย่างไม่ต้องสงสัย สามารถเลือกนั่งได้ทั้งแบบ indoor และ outdoor แต่ถ้าเป็นหน้าหนาวก็เหมาะนั่งในอาคารมากกว่า
ส่วนเมนูอาหารเป็นสไตล์เฟรนช์โมเดิร์นฟิวชั่นที่มีส่วนผสมจากหลากหลายทวีปทั่วโลก มีเมนูเฉพาะที่หาทานได้ในฝรั่งเศส อาทิ ขากบ หรือนกพิราบ ให้เลือกด้วย จัดได้ว่ารสชาติดีมากๆ เหมาะกับการพาคู่รักมานั่งชมวิวหอไอเฟลเป็นที่สุด กลางวันก็สวยอีกแบบ กลางคืนก็ได้อีกฟีลลิ่ง
ราคา: Lunch Course เริ่มต้นที่ 32 ยูโร ต้องสำรองที่นั่งก่อน
การเดินทาง: ใกล้ที่สุดคือป้ายรถเมล์ Tour Eiffel หรือสถานีรถไฟ Champ de Mars Tour Eiffel
เว็บไซต์: www.lesombres-restaurant.com
ORE (อ๊อคร์)
ร้านอาหารบรรยากาศเรียบหรูดูแพงสะท้อนกลิ่นอายฝรั่งเศสยุคพระเจ้าหลุยส์ของเชฟชื่อก้องโลกอย่าง Alain Ducasse ด้วยความที่ตั้งอยู่ในพระราชวังแวร์ซายส์ การประดับตกแต่งจึงเน้นโทนสีเหลืองทองตัดกับสีขาวดูแล้วให้ความรู้สึกสบายตาเหมาะแก่การรับประทานอาหาร โดยคำว่า Ore เป็นภาษาละตินแปลว่า “ปาก”
สไตล์อาหารเน้นความร่วมสมัยที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์ ความหลากหลายของเมนูมีทั้งอาหารมื้อหนัก ของว่างเบาๆ และขนมอบชนิดต่างๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็น French Gastronomic หรือศิลปะการปรุงอาหารขั้นสูงตำรับชาววังดั้งเดิมอย่างแท้จริง
ราคา: Lunch Course เริ่มต้นที่ 22 ยูโร ควรจองล่วงหน้าหรือซื้อแบบเหมารวมพร้อมกับค่าเข้าชมพระราชวัง
การเดินทาง: สถานีรถไฟ Versailles Château – Rive Gauche แล้วเดินต่อมาที่พระราชวังแวร์ซายส์
เว็บไซต์: www.ducasse-chateauversailles.com
Special Thanks to Paris Tourisme and World Surprise Travel
