แน่นอนว่าหนึ่งในกิจกรรมซึ่งเป็นที่ชื่นชอบมากๆ ของคนไทยเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่นก็คือการพักผ่อนสบายๆ ท่ามกลางวิวธรรมชาติ พร้อมแช่ออนเซ็นให้ผ่อนคลาย เสริมสร้างสุขภาพของผิวพรรณ
ถ้าใครหลงใหลการแช่น้ำแร่แบบนี้เหมือนกัน อีกแหล่งใกล้กรุงโตเกียวที่เราอยากแนะนำให้ลองไปเยือนต้องเป็น “Izu Peninsula” (คาบสมุทรอิซุ) แหล่งออนเซ็นเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นซึ่งทุกวันนี้เต็มไปด้วยโรงแรมหลากหลายสไตล์ให้เลือกพักผ่อนกันได้เต็มที่
Izu Peninsula คือคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในมหาสมุทรซิฟิก ส่วนหนึ่งของจังหวัด Shizuoka (ชิซุโอกะ) ซึ่งมีเป็นที่รู้จักจากการเป็นที่ตั้งของภูขาไฟฟูจิ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว โดยเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นไปที่สถานี Atami แค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
นอกจากชื่อเสียงเรื่องการเป็นแหล่งน้ำแร่บำบัดแล้ว ในบริเวณคาบสมุทรแห่งนี้ยังมีเส้นทางเลียบแนวชายฝั่งทะเลอันงดงาม พร้อมด้วยหาดทรายสีขาวและหน้าผาสูงชันทอดตัวยาวต่อกันไป รวมถึงตอนในยังมีความสวยงามของที่ราบสูงและภูเขามากมายอีกด้วย
ครั้งหน้าถ้าจะแพลนเที่ยวระหว่างโตเกียว นาโกย่า หรือโอซาก้า ก็อย่าลืมใส่คาบสมุทร Izu เข้าไปด้วยละกัน ที่นี่มีอะไรน่าเที่ยวน่าชมบ้าง เราลิสต์มาให้แบ่งตามเมืองต่างๆ มาให้แล้ว 😀
ในคาบสมุทร Izu มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกเพียบเลย เข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.explore-izu.com/
เช่นเดียวกับในเขตจังหวัด Shizuoka ที่มีจุดท่องเที่ยวเต็มไปหมด ดูรายละเอียดได้ที่ https://exploreshizuoka.com/
#เที่ยวเอง #IzuPeninsula #Izu #Shizuoka #travel #Japan #exploreshizuoka #visitjapanth #exploreizu
เมือง Atami – Atami Onsen
ย่านน้ำแร่ออนเซ็นในเขตเมือง Atami (อาตามิ) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมานานกว่า 200 ปีแล้ว ในบริเวณนี้เรียงรายด้วยที่พักมากมายทั้งสไตล์โมเดิร์นและแนวเรียวคังย้อนยุคที่มีบริการออนเซ็นจากแหล่งน้ำร้อนธรรมชาติหลบซ่อนตัวอยู่มากมาย ถ้าพักแถวนี้จะได้เพลิดเพลินกับวิวอ่าวชายฝั่งทะเลและบรรยากาศเก่าแก่แบบญี่ปุ่นสมัยก่อนแน่นอน
การเดินทางมา: รถไฟชินคันเซ็นสาย Tokaido มาที่สถานี Atami


เมือง Atami – Atami Castle
ปราสาทยุคใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นในสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณเมื่อปี 1959 เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดชมวิวมุมสูงของเมือง Atami และอ่าว Sagami เพราะสร้างขึ้นบนเนินเขาทางใต้ของเขตเมืองความสูง 100 เมตรจากระดับน้ำทะเล ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความแตกต่างของปราสาทในญี่ปุ่น และมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำหลากหลาย โดยใกล้กันยังมี Atami Trick Art Museum ให้เข้าชมได้อีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด: 9.00-17.00 น. (เข้าชมก่อน 16.30 น.)
ค่าเข้าชม: 1,000 เยน
การเดินทางมา: จากสถานี Atami ใช้รถบัสสาย Yuyu Sightseeing Loop Bus (ราคา 250 เยน หรือตั๋ว 1 day-pass ราคา 800 เยน)

เมือง Atami – MOA Museum of Art
พิพิธภัณฑ์ศิลปะรูปทรงโมเดิร์นบนยอดเขาทางเหนือของเมือง Atami ที่เปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่ปี 1982 ด้านในจัดแสดงผลงานศิลปะอันล้ำค่าของญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกมากมายกว่า 3,500 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด งานประติมากรรม การประดิษฐ์ตัวอักษร และงานฝีมือมรดกทางวัฒนธรรมอื่นๆ อีกเพียบ โดยด้านนอกมีสวนหย่อมสไตล์ญี่ปุ่นให้เพลิดเพลินพร้อมกับโรงน้ำชาและโรงละครที่มีการจัดการแสดงหลากหลายอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด: 9.30-16.30 น. (เข้าชมก่อน 16.00 น.) ปิดทุกวันพฤหัสบดี
ค่าเข้าชม: 1,600 เยน
การเดินทางมา: จากสถานี Atami ใช้รถบัสที่ไปยัง MOA Bijutsukan ลงสถานีปลายทาง (ราคา 170 เยน)


เมือง Atami – Akao Herb & Rose Garden
สวนดอกไม้และสมุนไพรบนเนินเขาริมทะเลที่สามารถมองไปเห็นวิวอ่าว Sagami ได้อย่างสวยงาม ภายในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์หมุนเวียนไปตามฤดูกาล อาทิ ซากุระในช่วงปลายกุมภาพันธ์ – ต้นมีนาคม ทิวลิปในช่วงฤดูใบไม้ผลิ รวมถึงกุหลาบในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เป็นต้น โดยสามารถเดินเที่ยวเริ่มจากด้านบนวนลงมาด้านล่างได้อย่างสะดวก
เวลาเปิด-ปิด: 9.00-17.00 น. (ธันวาคม-มกราคมจะเปิดถึงเวลา 16.00 น.)
ค่าเข้าชม: 1,500 เยน (ธันวาคม-กุมภาพันธ์ ราคา 1,200 เยน)
การเดินทางมา: จากสถานี Atami ใช้รถบัส Tokai Bus ปลายทาง Ajiro -asahicho ลงที่ป้าย Akao Herb & Rose Garden

เมือง Atami – Atami Ekimae Shopping Street
ถนนช้อปปิ้งสายหลักของเมือง Atami ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟ Atami ซึ่งขนาบด้วยถนนสายช้อปปิ้งอีก 2 สายคือ Nakamise กับ Heiwadori บริเวณนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย เพราะเรียงรายด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และร้านขายขนมมากมาย โดยขนมห้ามพลาดเมื่อมาถึงเมือง Atami ก็คือ “ออนเซ็นมันจู” ขนมที่มีลักษณะเป็นชิ้นแป้งหนานุ่มสอดไส้ถั่วแดงกวนรสชาติเฉพาะตัวซึ่งมีให้เลือกมากมายบนถนนเส้นนี้ นอกจากนี้ ยังมีอีกย่านช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันคือ Atami Ginza shopping street ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวเช่นกัน
การเดินทางมา: เดินจากสถานี Atami ได้เลย

เมือง Mishima – Mishima Skywalk
สะพานจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการในเขตเมือง Mishima (มิชิมะ) สะพานที่มีชื่อเต็มว่า The Hakone Seiroku Mishima Suspension Bridge แห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวสัมผัสวิวงดงามของธรรมชาติเมื่อปลายปี 2015 ตัวสะพานมีความยาว 400 เมตร และสูง 70.6 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งถือเป็นสะพานแขวนคนข้ามที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น รวมทั้งยังมองไปไกลๆ เห็นวิวอ่าว Suruga ซึ่งเป็นอ่าวที่ลึกที่สุดในญี่ปุ่นได้อีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด: 9.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม: 1,000 เยน
การเดินทางมา: จากสถานี Mishima ใช้รถบัส Tokai Bus ที่ป้ายหมายเลข 5 ลงที่ป้าย Mishima Skywalk ใช้เวลา 20 นาที

เมือง Mishima – ลิ้มลองรสชาติปลาไหล Mishima อันเลื่องชื่อ
เมื่อมาถึงเมือง Mishima แล้ว ยังไงต้องห้ามพลาดเมนูอาหารจานเด็ดของที่นี่ นั่นคือ “ปลาไหลน้ำจืด” ความพิเศษอยู่ที่การล้างทำความสะอาดปลาไหลด้วยน้ำผุดจากหิมะบนภูเขาไฟฟูจิที่ละลายมาซึ่งช่วยขจัดกลิ่นและไขมันส่วนเกินได้ โดยแนะนำให้ไปที่ร้าน Sakuraya ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1856 ซึ่งโด่งดังจากเมนูปลาไหลย่างรสชาติเด็ดขาด
เวลาเปิด-ปิด: 11.00 – 20.00 น. (ปิดร้านเมื่อของหมด)
การเดินทางมา: จากสถานี Mishima ใช้รถไฟ Izuhakone Railway สาย Sunzu มาที่สถานี Mishima-Hirokōji หรือจะเดินประมาณ 12 นาทีจากสถานี Mishima เลยก็ได้

เมือง Shuzenji – Shuzenji Onsen
เมืองเล็กๆ บนภูเขาใจกลางคาบสมุทร Izu ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นเมืองน้ำพุร้อนที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในบริเวณคาบสมุทร
ในเขตเมืองที่ยังคงกลิ่นอายเสน่ห์แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมไว้เต็มเปี่ยมนั้นเต็มไปด้วยที่พักแบบเรียวคังซึ่งมาพร้อมออนเซ็นสไตล์ท้องถิ่นที่เขียวชอุ่มไปด้วยป่าไผ่
นอกจากนี้ ถ้ามีเวลาก็ไม่ควรพลาดขึ้นไปยัง Darumayama จุดชมวิวบนภูเขาที่สามารถมองข้ามทะเลไปเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน ถือเป็นอีกมุมที่ไม่ค่อยเคยเห็นเท่าไร โดยต้องเรียกแท็กซี่ขึ้นมา
การเดินทางมา: จากสถานี Mishima ใช้รถไฟ Izuhakone Railway สาย Sunzu ไปลงที่สถานี Shuzenji ประมาณ 30 นาที แล้วต่อรถบัสไปที่ป้าย Shuzenji Onsen อีกราว 5-10 นาที

เมือง Kawazu – Kawazu-Zakura
เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์จนถึงต้นเดือนมีนาคมของทุกปี ถือเป็นช่วงพีกของเมือง Kawazu (คาวาซุ) เมืองริมชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทร Izu เพราะทั้งเมืองจะบานสะพรั่งเป็นสีชมพูด้วยดอกซากุระพันธุ์คาวาซุที่บานเร็วกว่าพันธุ์อื่นๆ โดยในเมืองมีการจัดงานเทศกาล Kawazu Cherry Blossom Festival ที่ประดับไฟยามค่ำคืนสุดงดงาม ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลนหลามเพราะเดินทางแบบไปเช้า-เย็นกลับมาจากกรุงโตเกียวได้สะดวก
การเดินทางมา: จากสถานี JR Atami ใช้รถไฟสาย Ito / Izu Kyuko มาลงที่สถานี Kawazu ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที


เมือง Kawazu – Kawazu Nanadaru
สำหรับสายธรรมชาติแล้ว จุดหมายห้ามพลาดคือน้ำตกทั้ง 7 แห่งเมือง Kawazu เส้นทางเดินเขาชมความงามของสายน้ำที่สามารถเดินเชื่อมต่อถึงกันได้ในระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร โดยน้ำตกทั้ง 7 แห่งประกอบด้วย Kama-daru, Ebi-daru, Hebi-Daru, Shokei-daru, Kani-daru, Deai-daru และ Oo-daru โดยระหว่างทางมีรูปปั้นตัวละครในเรื่อง “The Dancing Girl of Izu” เรื่องสั้นของนักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมอย่าง Kawabata Yasunari ให้ชมอีกด้วย
การเดินทางมา: จากสถานี Kawazu ใช้รถบัส Tokai มาลงที่ป้าย Mizutare แล้วเดินจากน้ำตกแรกถึงจุดสุดท้าย ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง

เมือง Ito – Mt. Omuro
ภูเขาไฟที่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของคาบสมุทร Izu ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งทางตะวันออกของคาบสมุทร ทางทิศใต้ของเมือง Ito ภูเขาไฟที่มีความสูง 580 เมตรจากระดับน้ำทะเลแห่งนี้มีลักษณะคล้ายชามข้าวคว่ำอยู่ โดยมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 300 เมตร ซึ่งใช้เวลาเดินวนรอบประมาณ 15-30 นาที ถ้าอยากชมวิวมุมสูงก็สามารถขึ้นกระเช้าไปที่ปากปล่องภูเขาไฟได้ โดยในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสยังสามารถมองไปเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ออกไปไกลมากได้อีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด: วันที่ 6-15 มีนาคม เปิด 9.00-16.45 น. วันที่ 16 มีนาคม – 30 กันยายน เปิด 9.00-17.15 น. และวันที่ 1 ตุลาคม – 5 มีนาคม เปิด 9.00-16.15 น.
ค่าเข้าชม: กระเช้าแบบไป-กลับ ราคา 700 เยน
การเดินทางมา: รถบัส Shaboten Koen bound bus จากสถานี Ito ใช้เวลา 40 นาที หรือจากสถานี Izu Kogen ใช้เวลา 20 นาทีก็ได้เช่นกัน ลงปลายทางแล้วต่อกระเช้าขึ้นไป

เมือง Ito – Jogasaki Coast
ชายฝั่งทะเลที่งดงามด้วยหน้าผาตัดสูงชันสูงหลายสิบเมตรทอดตัวเป็นระยะทางยาวราว 9 กิโลเมตร ซึ่งเกิดจากการถูกคลื่นกัดเซาะเป็นเวลานานนับพันปี ตลอดแนวความยาวของชายฝั่งเป็นเส้นทางเดินป่าชมธรรมชาติที่มีดอกไม้ชนิดต่างๆ ให้ชมตามฤดูกาล เช่น ดอกไฮเดรนเยียในเดือนมิถุนายน และดอกลิลลี่ในเดือนกรกฎาคม เป็นต้น โดยบนเส้นทางมีจุดเช็คอินที่เป็นไฮไลท์ อาทิ ประภาคาร Kadowakizaki จุดชมวิวที่มองไปเห็นหมู่เกาะ Izu Shichito และ Kadowaki Suspension Bridge สะพานแขวนความยาว 48 เมตรที่อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลด้านล่าง 23 เมตร
การเดินทางมา: จากสถานี Izu Kogen ใช้รถบัสไปยัง Kaiyo Koen ลงที่ป้าย Izu Kaiyo Koen ใช้เวลาประมาณ 10 นาที


เมือง Shimoda – Shirahama Beach
ชายหาดความยาว 800 เมตร ทางตะวันออกของเมือง Shimoda (ชิโมดะ) ที่เป็นแหล่งทำกิจกรรมทางทะเลยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น เล่นกระดานโต้คลื่น ดำน้ำตื้น และดำน้ำลึก โดยตลอดแนวความยาวของชายหาดเรียงรายด้วยร้านค้าและร้านสะดวกซื้อที่ขาย street food มาเดินเล่นชายทะเลแล้วก็ได้อิ่มท้องกลับไปแน่นอน นอกจากนี้ ใกล้กับชายหาดนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Shirahama Shrine ศาลเจ้าซึ่งมีเสาโทริเป็นประตูของศาสนาชินโตอีกด้วย
การเดินทางมา: จากสถานี Izukyu-Shimoda ใช้รถบัสที่มุ่งหน้าไป Itadoichiki ลงที่ป้าย Shirahama Kaigan ใช้เวลาราว 10 นาที


เมือง Shimoda – Perry Road
ถนนสายประวัติศาสตร์ที่เชื่อมระหว่างสวนสาธารณะ Shimoda กับวัด Ryosenji ทางด้านใต้ของเมือง Shimoda ถนนบรรยากาศย้อนยุคที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้สายนี้โดดเด่นด้วยคูคลองที่ขนาบด้วยบ้านเรือนเก่าแก่ที่ปัจจุบันปรับเปลี่ยนเป็นร้านกาแฟ ร้านขายเสื้อผ้า และร้านขายของที่ระลึก ถ้าชื่นชอบฟีลเก่าๆ ย้อนยุค ถนนสายนี้คือใช่เลย
การเดินทางมา: จากสถานี Izukyu-Shimoda เดินมาประมาณ 15 นาที
