ภูเก็ตคือเมืองท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลกทางภาคใต้ฝั่งอันดามันของไทย ทุกคนคงรู้กันดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีโรงแรม รีสอร์ท ที่พัก มากมายทั่วทั้งจังหวัด ทั้งในตัวเมือง ริมชายหาด และบนเกาะน้อยใหญ่ต่างๆ แต่จะมีสักกี่แห่งที่ออกแบบตกแต่งอย่างเรียบหรูให้ลุคสุดคูล มีหายทรายส่วนตัวให้นั่งชิลล์หรือนานอาบแดดแบบไม่ต้องกังวล สามารถใช้ชีวิตช้าๆ อยู่ได้ทั้งวัน แต่ราคาเข้าถึงได้แบบไม่หนักกระเป๋าจนเกินไป ที่ว่าไปทั้งหมดมีอยู่ที่ Cape Panwa Hotel and Spa นี่เอง
มาภูเก็ตครั้งนี้ผมได้มาพักที่โรงแรม เคป พันวา ซึ่งตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปถึงก็รู้สึกเลยว่าโรงแรมนี้สวยงามและเข้ากับธรรมชาติของทะเลอย่างกลมกลืน
ผมชอบโรงแรมที่อยู่ติดชายหาดเลยนะ แต่ก็ชอบโรงแรมที่มีพื้นที่สูงต่ำหรืออยู่บนที่สูงและมีบ้านพักลดหลั่นไปตามแนวเนินเขาลงสู่ทะเล สิ่งที่ผมชอบหาได้ที่นี่ครบเลย
หลังจากเช็คอิน พนักงานสาวก็พาเราไปส่งที่ห้อง ห้องพักของเราคือห้องแบบ Cape Signature Suite อันกว้างขวาง โออ่า แบบถ้าเอาโต๊ะเตียงออกนี่เตะบอลได้สบาย 555
สักพักก็มีพนักงานนำผลไม้มาเสิร์ฟที่ห้อง
ห้องพักแบบนี้ราคาคืนละ 8,200 บาทในช่วง low season ตั้งแต่ 16 เม.ย.-31 ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่เราไปพอดี สำหรับช่วง high season ตั้งแต่ 1 พ.ย.-15 เม.ย. ราคาจะอัพขึ้นเป็น 10,100 บาท
ส่วนห้องประเภทอื่นๆ ที่ราคาถูกกว่าก็มี Junior Suite ราคา 5,500 บาทในช่วง low season และ 6,700 บาท ตอน high season อีกห้องคือ Cape Suite ราคาจะสูงขึ้นเป็น 7,000 บาทในช่วง low season และ 9,100 บาท เมื่อเข้า high season ครับ
ภายในห้อง Cape Signature Suite ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นโดยใช้ไม้เป็นหลัก โทนสีหลักคือขาวและน้ำตาลทำให้บรรยากาศดูนุ่มนวลเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพักผ่อน
ห้องน้ำดีงาม มีอ่างอาบน้ำให้แช่น้ำอุ่นๆ ให้สบายตัว
แต่ถ้ายังสบายไม่พอ ออกไปนวดตัวในอ่างจากุซซี่ที่ชานด้านนอกต่อก็ตามใจเลย
หรือจะนั่งอ่านหนังสือเพลินๆ พลางชมวิวทะเลสีฟ้าครามก็ไม่มีใครว่า
ถ้าหิวเมื่อไหร่ก็สามารถไปหาอาหารดีๆ รับประทานได้ที่ห้องอาหารซึ่งมีให้เลือก 6 ห้อง กับอีก 2 บาร์ เรามีปัญญาชิมอาหารได้แค่ 3 ที่คือ Café Andaman, Top of the Reef และ Bamboo Bar
ไปดูที่ Café Andaman ก่อนเลย มื้อกลางวันขอโดนซีฟู้ดเป็นเมนูแรก จัดเซ็ตใหญ่มาเลย
ต่อด้วยการไปเดินหายใจทิ้งริมชายหาดส่วนตัวของโรงแรมซึ่งมีฝรั่งนานาชาติมานอนอาบแดดและแช่น้ำทะเลเล่นเพียบ
ที่ชายหาดมีร้านอาหารกึ่งบาร์ให้บริการอาหารและของกินเล่นง่ายๆ ทั้งไทยและเทศ พวกเบอร์เกอร์ พิซซ่า เฟรนช์ฟราย และของทอดต่างๆ ชื่อว่า Bamboo Bar จะนั่งกินที่ร้านหรือจะสั่งไปนั่งกินริมหาดเลยก็ได้ครับ
ยังไม่ทันหายอิ่มก็จัดไปอีกหลายเมนู จุดนั้นแน่นขึ้นมาถึงลิ้นปี่เลย ฮ่าๆ
ใกล้ๆ กับ Bamboo Bar มีร้านอาหารซิกเนเจอร์ของที่นี่คือ Panwa House ซึ่งเปิดตั้งแต่ 18.30-23.00 น. วันนี้เลยต้องขอบายไปก่อน
เดินย่อยรอบๆ บริเวณของโรงแรมซึ่งแบ่งเป็นหลายตึกและมีห้องแบบ Pool Villa ที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วย
อากาศร้อนๆ อย่างนี้ต้องขอลงแช่น้ำคลายร้อนและออกกำลังกายเบาๆ ซะหน่อย
แช่จนพระอาทิตย์ตกและหายอิ่มก็ไปรับประทานมื้อค่ำซึ่งเปลี่ยนบรรยากาศจากแบบเรียบง่ายไปเป็นเรียบหรูที่ห้องอาหารฝรั่งเศสและอินเตอร์เนชันแนลที่มีชื่อว่า Top of the Reef ซึ่งอยู่ที่เดียวกับ Otter’s Bar แขกที่มารับประทานที่ห้องอาหารนี้จะต้องแต่งตัวให้ดูดีสมฐานะ ไม่ควรใส่เสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ เรียกว่าเป็นดินเนอร์สุดหรูเลยแหละ
พิธีรีตองของการรับประทานอาหารฝรั่งเศสคือเริ่มจากเมนู starter อย่างแซลมอนสดๆ และหอยเชลล์ราดซอสฮอลแลนด์ ดื่มคู่กับไวน์ขาวรสนุ่มจากแอฟริกาใต้
ตามมาด้วยเมนคอร์สเป็นกุ้งกุลาดำผัดซอสโหระพาและเนื้อสันในแกะย่างกับซอสหัวหอม
ปิดท้ายด้วยของหวานที่เชฟลงทุนออกจากครัวมาทำเครปส้มกับไอศกรีมวานิลลาให้เราชิมกันสดๆ แถมอีกของอร่อยคือ Chocolate Soufflé รสเข้มข้นถึงใจ
วันนี้กินแค่นี้พอก่อน แค่นี้หรอ? ของเดิมยังย่อยไม่หมดเรย น่าจะอีกหลายชั่วโมงกว่าจะหลับได้ 555
ตื่นแต่เช้ารับแสงอรุณของวันใหม่ ห้องของเรามองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเต็มๆ แบบนี้
วันนี้เรายังคงค้างที่ Cape Panwa อีก 1 คืน ทั้งวันก็ไม่มีโปรแกรมอะไรมาก เน้นพักผ่อนและกินล้วนๆ 55
เรานั่งรถ shuttle บริการฟรีของโรงแรมลงเขาไปลงที่โรงแรม Kantary Bay ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือ เดินเล่นริมทะเลเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
ด้านหน้าโรงแรมมีคาเฟ่เก๋ๆ ให้นั่งกินขนมและเครื่องดื่มชิลล์ ร้าน Café Kantary นี้คนเยอะตลอด ที่นี่มีขนมน่ากินหลายอย่าง ที่ฮิตๆ ก็มีเครปไส้ต่างๆ และไอติมสารพัดรสให้เลือกสั่งตามใจชอบเลย
ข้างๆ กันคือร้านอาหารทะเลชื่อแหลมพันวา เดี๋ยวเย็นๆ แดดร่มลมตกค่อยกลับมากินซีฟู้ดที่นี่
นั่งรถขึ้นเขากลับโรงแรมไปนอนเล่นริมหาดดูฝรั่งใส่บิกินี่อาบแดดดีกว่า ^^
ได้เวลามื้อเย็นก็นั่งรถลงเขาไปที่ร้านแหลมพันวาซึ่งเปิดตั้งแต่ 17.30-23.00 น.
สั่งจัดเต็มมา 5 อย่างเลย แต่ละอย่างของโปรดทั้งนั้น มื้อนี้ฟินกับซีฟู้ดสุดๆ ไปเลย
จบทริปกินนอนที่ภูเก็ตแบบต้องกลับกรุงเทพฯ ไปเบิร์นผลาญแคลอรี่ชุดใหญ่เลย สองสามวันนี้มีแต่นั่ง กิน นอน กิน 555 ลงพุงกันไปตามระเบียบครับ 😀
ลองเข้าไปดูรายละเอียดและจองห้องพักได้ที่ www.capepanwa.com ได้เลยครับ