ด้วยความที่ไม่ใช่ช่างภาพและไม่ได้เป็นผู้ที่ชอบศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องการถ่ายภาพมากนัก (เป็นสายเที่ยวมากกว่า ^^) เวลาอยากได้กล้องถ่ายรูปใหม่ทีไรจึงต้องอาศัยการถามคนรอบข้างที่มีฝีมือในการถ่ายรูปและรู้เรื่องกล้องเป็นอย่างดีตลอดเลย คราวนี้ก็เหมือนเดิมอีกละ อยากเปลี่ยนกล้องให้ทันสมัยสำหรับถ่ายภาพที่ต้องใช้คุณสมบัติของกล้องที่สูงขึ้นกว่ากล้องตัวเก่า แต่ก็ไม่อยากได้กล้องตัวใหญ่ๆ น้ำหนักเยอะๆ และราคาหลายหมื่น (แพง ไม่มีตังค์ 555) ใช้ฟังก์ชั่นและเมนูต่างๆ ของกล้องตัวโปรพวกนั้นไม่เป็นด้วยสิ จึงขอหากล้องที่ใช้ง่ายๆ แต่ถ่ายรูปได้ดีไม่แพ้กล้องสำหรับมืออาชีพเหล่านั้นจะดีกว่า บทสรุปที่ได้จึงลงเอยที่เจ้า Canon EOS M10 กล้อง Mirrorless ที่เน้นเรื่องความง่ายในการใช้งานเป็นหลัก
Canon รุ่นนี้เป็นกล้อง Mirrorless ที่มีขนาดเล็ก พกพาสะดวก และมีน้ำหนักค่อนข้างเบา แต่คุณภาพสู้กล้อง DSLR
ตัวละหลายหมื่นได้สบาย ขออธิบายคำว่า Mirrorless ให้เป็นภาษาปุถุชนคนไม่เล่นกล้องนิดหน่อยครับ จากที่ได้ลองอ่านข้อมูลพอให้คุยกับเค้ารู้เรื่องบ้างก็เข้าใจได้ว่า Mirrorless คือกล้องชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ซึ่งไม่มีกระจกสะท้อนภาพโดยตรงจากเลนส์ผ่านช่องมองภาพมาเข้าตาเราเหมือนกล้อง DSLR ซึ่งเป็นกล้องสำหรับมือโปร แต่จะแสดงภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งจะโชว์เลยว่าภาพที่จะถ่ายจะมีหน้าตาเป็นยังไงเมื่อตั้งค่ากล้องแบบต่างๆ แบบนี้ก็เจ๋งดิ!!
วันหยุดวันว่างสุดสัปดาห์จึงถือโอกาสไปลองใช้กล้องใหม่ถ่ายภาพที่สิงคโปร์ประเดิมเป็นทริปแรกซะเลย ทริปวอร์มอัพนี้มีเจ้าหมีน้อย Rilakkuma ไปเป็นเพื่อนร่วมทริปนี้ด้วย (งานแบ๊วต้องมา) ฮ่าๆๆ
เดินเที่ยวเล่นในสิงคโปร์ซึ่งไปกี่ครั้งก็มีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ผุดขึ้นมาตลอด แต่แลนมาร์คเดิมก็ยังต้องแวะมาเยี่ยมเยียนทุกครั้งเหมือนกัน หมีคุมะปะทะสิงโตทะเล Merlion
ไปสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของสิงคโปร์ “Gardens by the Bay” สวนพฤกษชาติขนาดยักษ์บนพื้นที่กว่า 630 ไร่ที่เนรมิตให้อลังและสวยงามด้วยพืชพรรณและดอกไม้นานาชนิด ว่ากันว่าถ้าจะเดินชมให้ทั่วทุกอาคารของสวนต้องใช้เวลาถึง 3 วันเลยทีเดียว อะไรจะใหญ่เบอร์น้าน
วันนี้อากาศแจ่มใสแดดดีครับ สามารถใช้โหมด Auto อัจฉริยะเก็บภาพกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องปรับตั้งค่าต่างๆ ได้เลย
แต่จุดเด่นที่ชอบกล้องรุ่นนี้ก็คือสามารถเลือกโหมด “ช่วยภาพสร้างสรรค์ หรือ Creative Assist” ที่เป็นสัญลักษณ์รูปกล้องมีดาวอยู่ข้างในได้เพราะเลือกใช้เอฟเฟคท์และถ่ายภาพง่ายๆ ตั้งค่าภาพให้ Background เบลอหรือคมชัด ปรับความสว่าง (Brightness) มาก/น้อย, ใช้ความเปรียบต่าง (Contrast) สูง/ต่ำ, เลือกความอิ่มตัวของสี (Saturation) ให้เป็นสีธรรมชาติหรือสีสด และใช้โทนสี (Color tone) สีเย็นหรืออุ่นได้ตามใจชอบในสไตล์ของตัวเอง รวมทั้งมีโหมดถ่ายภาพเป็นสีโทนเดียว (Monochrome) ให้เลือก เช่น สีขาว/ดำ (BW), Sepia (S), สีน้ำเงิน (B), สีม่วง (P) และสีเขียว (G) นอกจากนี้ยังสามารถเซฟจัดเก็บการตั้งค่าที่ชอบเป็น my tone เพื่อเลือกใช้ค่านั้นมาถ่ายภาพครั้งต่อไปได้อย่างสะดวก ไม่ต้องมาตั้งใหม่บ่อยๆ
ถ้าอยู่ในที่ร่มหรือที่ที่มีแสงน้อยก็สามารถลองตั้งค่าในโหมด Creative Assist โดยปรับ Brightness ให้สว่างขึ้นตามความเหมาะสม แต่ถ้าภาพสีจืดไปก็เพิ่มค่า Saturation ก็ให้สีสดยิ่งขึ้น
การเข้าสู่โหมดต่างๆ ก็ง่ายดาย เหมือนการใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้แหละครับ หน้าจอ LCD เป็นแบบทัชสกรีน เพียงใช้นิ้วสัมผัสหรือสไลด์หน้าจอแล้วแตะเลือกโหมดถ่ายภาพต่างๆ ที่ต้องการ แค่นี้ก็เลือกลองถ่ายภาพในสถานการณ์ต่างๆ ได้ตามใจแล้วครับ แถมยังใช้การแตะเพื่อเลือกตำแหน่งจับโฟกัสภาพและใช้แทนปุ่มชัตเตอร์ได้เลยด้วย


กล้อง Canon EOS M10 ถ่ายเซลฟี่ง่ายนิดเดียว แค่พลิกหน้าจอที่กว้าง 3 นิ้วขึ้น โหมด Self Portrait ก็จะทำงานทันที ถ่ายรูปตัวเองได้กว้าง หน้าไม่เต็มจอ เห็นฉากหลังเยอะ รูปสวยใสเนียนกิ๊กเหมาะสำหรับสาวๆ ที่ว่างเป็นไม่ได้ ต้องเซลฟี่ตล๊อด! ปกติแทบไม่เคยเซลฟี่เลยต้องลองบ้างซะแล้ว อิอิ
เดินทางต่อไปยัง Haji Lane แหล่งฮิปที่เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น ถนนคนเดินที่มีความยาวราว 200 เมตรนี้มีร้านค้าแฟชั่นเก๋ๆ และคาเฟ่สำหรับนั่งชิลล์จิบชากาแฟให้ชื่นใจเพราะอากาศวันนี้ร้อนเหลือเกิน ร้อนจนชุ่มคอเลย (เหงื่อนะที่ชุ่มคอ) 55+
ผมไม่ชอบแบกกล้องตัวใหญ่ๆ หนักๆ เดินเที่ยวอยู่แล้วครับ เจอรุ่นนี้เลยถูกใจใช่เลย
หมีน้อยขอแวะช้อปปิ้งก่อน
เดินไปจนสุดถนนอีกทางหนึ่งก็มีผนังอาคารเพ้นท์ลวดลายกราฟฟิตี้สีสันฉูดฉาดเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต ยืนรอนานเลยกว่าจะถ่ายรูปดีๆ ได้ ขี้เกียจรอ ถ่ายมันซะเลย 555
ตอนบ่าย แวะไปเดินเล่น (แต่ไม่ได้ช้อปปิ้ง) ที่ถนน Orchrad สัก 2 ชั่วโมง เคยมาแล้วก็มาอีก เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงสิงคโปร์ 55
ถนนออร์ชาร์ดมีห้างดังห้างใหญ่เพียบเลยครับ






เดินชมความหรูหราไฮโซตลอดสองข้างของถนนช้อปปิ้งดังระดับโลกไปเรื่อยๆ ชีวิตคนที่นี่เค้าดี๊ดีนะ
มาสิงคโปร์ต้องไม่พลาดกินบักกุ๊ดเต๋ซึ่งร้านที่ขึ้นชื่อก็คือ Song Fa Bak Kut Teh ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 1969 และขยายสาขามาเปิดที่ห้าง The Centrepoint ถนน Orchard ด้วย
เดินวนกลับไปที่สถานีรถไฟใต้ดิน Orchard
ลงไปในสถานีเพื่อขึ้นรถไฟใต้ดินสาย North South Line ไป Marina Bay
ถ่ายภาพย้อนแสงยามเย็นริมอ่าวมาริน่า หน้าชัดหลังเบลอให้ดูเป็นขวัญตาหน่อย ฝีมือธรรมดาแบบนี้ยังถ่ายได้เลยครัช
ลองถ่าย Marina Bay Sands ด้วยโหมด Auto ดูบ้าง ก็แจ่มไม่น้อยนะ
ขอตัวกลับโรงแรมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเหงื่อโชกจากความร้อนของอากาศก่อนออกไปชิลล์เอาท์ชมแสงสีและ
ไนท์ไลฟ์ริมอ่าวมารีน่า
ก่อนจะมืดขอแว่บลงไปถ่ายรูปริมแม่น้ำ Singapore ตอนแสงโพล้เพล้นิดหน่อย บรรยากาศคูลดีเหมือนกัน น่านั่งดื่มกินเพลินๆ เชียวแหละ

ตกดึกก็กลับไปที่ริมอ่าวมาริน่า ขึ้นไปนั่งชิลล์รับลมเย็นๆ ดื่มเบียร์ที่ Lantern Rooftop Bar สุดคูลบนโรงแรม Fullerton Bay พร้อมชมวิว Marina Bay ยามค่ำคืนซึ่งบริเวณรอบๆ อ่าวมีตึกระฟ้าเปิดไฟระยิบระยับเต็มไปหมด
ลองใช้โหมดถ่ายภาพกลางคืนก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะเนี่ย
ปิดท้ายวันพาน้องหมีมากินข้าวมันไก่เจ้าดัง Boon Tong Kee สาขาถนน River Valley ตอนเกือบเที่ยงคืน ลงพุงกลับบ้านแน่ๆ เดี๋ยวค่อยไปใช้กรรมออกกำลังกายที่เมืองไทยละกัน HaHa ร้านนี้เปิด 11 โมงเช้า ถึง ตี 3 เลยนะ
หนังท้องตึง หนังตาจะปิด เดินจากร้านกลับโรงแรมได้ไม่ไกลครับ
กู๊ดบายสิงคโปร์ แล้วพบเราจะพบกันใหม่ 🙂