10 เหตุผลที่ควรมาเที่ยวจังหวัด Shizuoka

shizuoka, shizuoka prefecture, ชิซุโอกะ, ชิซึโอกะ, Fujisan, Fuji, green tea, ฟูจิ, ชาเขียว

ในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ คิดว่าประเทศที่คนไทยอัดอั้นอยากเดินทางไปเที่ยวมากที่สุดคงต้องเป็นดินแดนอาทิตย์อุทัย “ญี่ปุ่น” อย่างแน่นอน ถ้าทางญี่ปุ่นเปิดประเทศแล้ว คิดว่าคนไทยคงต้องเดินทางไปเที่ยวกันแน่นมากๆ โดยเฉพาะพวกเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวหลักๆ เช่น โตเกียว โอซาก้า เกียวโต ซัปโปโร รวมถึงฟุกุโอกะ 

แต่ถ้าอยากหนีความวุ่นวายในเมือง สัมผัสธรรมชาติของขุนเขาอันยิ่งใหญ่ ซึมซับวัฒนธรรมดั้งเดิม และปล่อยชิลล์กับบรรยากาศชนบทญี่ปุ่นที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงโตเกียวแล้ว เราว่าจังหวัด “Shizuoka” (ชิซึโอกะ) คือตอบโจทย์ทุกอย่างเลย เรียกว่าเป็นจังหวัดที่ครบเครื่องมากๆ เหมาะกับการใส่ไว้ในแพลนเที่ยวญี่ปุ่นหลังช่วงที่เปิดประเทศให้เดินทางถึงกันได้อย่างสะดวก

ทำไมเราถึงคิดแบบนั้น? ลองมาดูเหตุผลทั้ง 10 ข้อที่จะทำให้ตกหลุมรักชิซึโอกะกันได้เลย

*ถ้าอยากได้ข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัด Shizuoka เพิ่มเติม ไปดูที่นี่ได้เลย https://exploreshizuoka.com/

#เที่ยวเอง #exploreshizuoka

แหล่งรวมจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิสุดปัง

หนึ่งในไอคอนสำคัญของแดนอาทิตย์อุทัยยังไงก็ต้องเป็น “ภูเขาไฟฟูจิ” ซึ่งจังหวัดที่เป็นที่ตั้งของฟูจิและเห็นภูเขาไฟศักสิทธิ์แห่งนี้ได้ชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุดก็คือ “ชิซุโอกะ” ดังนั้น ถ้าอยากมาชมวิวฟูจิแล้วก็ควรมาเที่ยวเมืองต่างๆ ในจังหวัดนี้ โดยในเขตจังหวัดมีพิกัดชมวิวปังๆ หลายที่เลย ไม่ว่าจะเป็น

  • จุดชมวิวริมแม่น้ำ Urui ใกล้กับวัด Daishinji ที่สามารถมองเห็นวิวภูเขา แม่น้ำ และซากุระบานสะพรั่งในช่วงปลายเดือนมีนาคมได้พร้อมกัน
  • Lake Tanuki จุดชมวิวริมทะเลสาบอันเงียบสงบ เหมาะกับการแคมป์ปิ้ง ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่สะท้อนเงาฟูจิลงบนผิวน้ำสุดงดงาม
  • Obuchi Sasaba ไร่ชาเขียวในเขตเมือง Fuji ถ้าอยากได้รูปไร่ชาเขียวที่มีฉากหลังเป็นฟูจิต้องเป็นที่นี่ วิวสวยแบบแทบลืมหายใจของจริง
  • Fuji Bussharito Heiwa Park เพลิดเพลินกับความร่มรื่นของสวนที่เต็มไปด้วยดอกซากุระ พร้อมชื่นชมกับวิวสถูปที่ประดับด้านหลังด้วยภูเขาไฟฟูจิ
  • Nippondaira Hotel จุดชมวิวบนเนินเขาจากโรงแรมชื่อดังที่มองไปเห็นวิวอ่าว Suruga Bay และเมือง Shimizu ซึ่งด้านหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการ

แดนสวรรค์ของคนรักชาเขียว

จังหวัด Shizuoka ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงชาเขียว” เพราะเต็มไปด้วยไร่ชาเขียวมากมาย โดยเป็นจังหวัดที่ปลูกชาเขียวเป็นหลัก และ 40% ของปริมาณชาเขียวในประเทศญี่ปุ่นมาจากจังหวัด Shizuoka

ดังนั้น หนึ่งในภาพจำของที่นี่คือความเขียวชอุ่มของพรมชาเขียวที่จะสวยงามสุดตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณปลายเม.ย. – ต้น ต.ค.) โดยมีจุดเช็คอินห้ามพลาด อาทิ

  • Obuchi Sasaba ไร่ชาเขียวในแถบ Obuchi แห่งเมือง Fuji ซึ่งถือเป็นจุดชมวิวไร่ชาเขียวยอดนิยม เพราะสามารถได้วิวทั้งไร่ชาเขียวและภูเขาไฟฟูจิในเวลาเดียวกัน
  • Tea Museum, Shizuoka พิพิธภัณฑ์ที่เรียกว่าห้ามพลาดเมื่อมาเยือน Shizuoka ด้านในบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของการผลิตชาเขียวในญี่ปุ่นทั้งหมด
  • Makinohara Daicha-en ไร่ชาขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 เฮคเตอร์ โดยปริมาณใบชาเขียวถึงประมาณ 40% ในจังหวัด Shizuoka เป็นผลผลิตมาจากไร่ชาแห่งนี
  • Grinpia Makinohara ไร่ชาที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้มาเยือนได้สนุกกับกิจกรรมต่างๆ ภายในไร่ โดยมีไฮไลท์อยู่ที่การเก็บใบชาซึ่งเราสามารถนำใบชากลับบ้านไปได้อีกด้วย
  • Nanaya ร้านของหวานชื่อดังที่มีหลากหลายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมัทฉะ มาถึงร้านนี้ต้องห้ามพลาด Green Tea Chocolate ช็อกโกแลตรสชาเขียวที่สามารถเลือกความเข้มข้นของมัทฉะได้ถึง 7 ระดับ เช่นเดียวกับเมนูเจลาโต้ที่เลือกระดับความเข้มข้นได้เช่นกัน

ศูนย์รวมออนเซ็นสุดผ่อนคลาย

อีกกิจกรรมที่เป็นจุดเด่นของจังหวัด Shizuoka ก็คือ การพักค้างคืนในโรงแรมแบบเรียวกัง พร้อมแช่ออนเซ็นสุดผ่อนคลาย ท่ามกลางวิวสุดฟิน โดยในพื้นที่คาบสมุทร Izu ถือเป็นแหล่งรวมบ่อน้ำแร่ออนเซ็นตามธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็น

  • Shuzenji Onsen แหล่งออนเซ็นที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับพันปี ตั้งอยู่เกือบใจกลางคาบสมุทร Ize ริมแม่น้ำ Katsura ซึ่งงดงามแบบสุดๆ จนได้รับฉายาให้เป็น Little Kyoto of Izu
  • Atami Onsen แหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น ห่างจากโตเกียวเพียง 40 นาที ด้วยการเดินทางโดยรถไฟชิงคันเซ็น เลียบชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทร Izu พื้นที่นี้เรียงรายด้วยที่พักทั้งสไตล์ตะวันตกและญี่ปุ่นดั้งเดิมที่มีบริการบ่อออนเซ็นชมวิวทะเลแบบชิลล์ๆ
  • Kawazu ในเมือเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทร Izu เป็นอีกจุดหมายที่มีชื่อเสียงจากแหล่งออนเซ็นซึ่งจะคลาคล่ำด้วยนักท่องเที่ยวมากมายในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่เดินทางมาชมซากุระฤดูหนาวที่บานสะพรั่งทั่วเมือง

อยู่ระหว่าง 2 เมืองท่องเที่ยวหลัก

ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน ถ้าต้องเดินทางจากเมืองหลักแบบไกลๆ ใช้เวลาเดินทางมากๆ วิธีการเดินทางไม่สะดวก ขึ้นรถลงเรือหลายต่อแล้ว บางคนอาจเลืกที่จะตัดจุดหมายนั้นออกจากแพลน

แต่ไม่ใช่กับ “ชิซุโอกะ” เพราะจังหวัดนี้ตั้งอยู่ริมชายฝั่งด้านใต้ของเกาะฮอนชู ระหว่าง 2 เมืองศูนย์กลางสำคัญของญี่ปุ่นอย่างกรุงโตเกียวและโอซาก้า

ดังนั้น เลยเดินทางมาได้อย่างสะดวกรวดเร็วด้วยรถไฟชิงคันเซนที่ผ่านจังหวัดนี้ถึง 6 สถานี ได้แก่ Atami, Mishima, Shin-Fuji, Shizuoka, Kakegawa และ Hamamatsu ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากโตเกียวเริ่มต้นแค่ 40 นาทีก็ถึงแล้ว

ธรรมชาติสมบูรณ์แบบ

นอกจากความเป็นเมืองที่รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมแล้ว ในเขตจังหวัด Shizuoka ยังโดดเด่นเรื่องของธรรมชาติ อันอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ทะเลสาบ น้ำตก รวมถึงท้องทะเล

เหมาะกับการปลีกวิเวกจากความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ออกมาใช้ชีวิตเนิบช้า ทำกิจกรรมกลางแจ้งร่วมกับธรรมชาติ โดยมีอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง และกึ่งอุทยานแห่งชาติอีก 1 แห่ง ได้แก่

  • Fuji-Hakone-Izu National Park อุทยานแห่งชาติที่อยู่ใกล้กรุงโตเกียวมากๆ ซึ่งไฮไลท์ของที่นี่ก็คือการปีนเขาขึ้นภูเขาไฟฟูจิ รวมถึงการพายเรือคายักริมฝั่งคาบสมุทร Izu พร้อมผ่านคลายในบ่อน้ำแร่สุดชิลล์ที่ Shuzenji
  • Minami Alps National Park หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า Southern Alps National Park อุทยานแห่งชาติที่ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนรักการเดินเขา เพราะมีเส้นทางเดินเขาชมธรรมชาติวิวปังให้เลือกหลากหลาย
  • Oku-Mikawa Quasi-National Park อุทยานแห่งชาติที่เป็นศูนย์กลางการเที่ยวชมหมู่บ้านและศาลเจ้าอันเงียบสงบตามแนวแม่น้ำ Tenryu และแม่น้ำ Keta โดยหนึ่งในนั้นคือหมู่บ้าน Harunocho

ครบถ้วนสมบูรณ์ด้วยอาหารการกิน

เรื่องอาหารการกินของญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าอร่อยถูกปากคนไทยอยู่แล้ว ในจังหวัด Shizuoka ก็โดดเด่นไม่แพ้ที่ไหนเหมือนกัน ทั้งเมนูเมนูคาวที่ส่วนมากมาจากท้องทะเล และของหวานที่ทำมาจากชาเขียว

แน่นอนว่าเมนูห้ามพลาดคือ “ยากิโซบะ” โดยเฉพาะเมื่อมาเที่ยวในเมือง Fujinomiya ยากิโซบะของที่นี่โดดเด่นจากเส้นขนาดเล็กที่เหนียวและนุ่มมาก เมื่อรวมกับการผัดคลุกเคล้าวัตถุดิบอย่างกุ้งซากุระและกะหล่ำซอย แค่กลิ่นก็ยั่วยวนใจสุดๆ แล้ว

รวมทั้งยังมีชื่อเสียงจากการเป็นแหล่งอาหารทะเลสดที่หาได้ทั่วไปในเขตจังหวัด อาทิ มากุโร่ (ทูน่า) และปลาไหล ซึ่งมีคุณภาพอันดับต้นๆ ของประเทศ ทานพร้อมวาซาบิต้นตำรับของที่นี่คือฟิน

นอกจากนี้ ถ้าไปถึงเมืองหลวงของจังหวัดอย่าง Shizuoka City ก็ไม่ควรพลาดไปเดินเล่นหาของกินที่ถนนคนเดินที่เรียงรายด้วยร้านขายโอเด้ง

สภาพอากาศกำลังดี ไม่หนาวจัดร้อนจัดเกินไป

ถ้าไปเที่ยวที่ไหนแล้วต้องเจอสภาพอากาศแบบสุดขั้ว ไม่ว่าจะร้อนจัดหรือหนาวจัดเกินไปแล้ว ความสนุกของการเที่ยวก็ลดลงแน่นอน แต่กับจังหวัด Shizuoka แล้ว ต้องบอกว่าที่นี่มีสภาพอากาศเฉลี่ยตลอดทั้งปีไม่หนาวจัดแบบทนไม่ไหว และไม่ได้ร้อนจัดแบบอึดอัดไปหมด

อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีที่ 15 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเย็นกำลังสบาย ฤดูหนาวที่สุดคือช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดก็ยังไม่ถึงติดลบ ส่วนฤดูร้อนที่สุดคือเดือนสิงหาคมที่มีอุณหภูมิสูสุดอยู่ที่ 31 องศาเซลเซียสเท่านั้น

เทศกาลหลากหลายตามความสนใจ

ความน่าสนใจอีกอย่างของจังหวัด Shizuoka คือมีเทศกาลให้เลือกมาชมได้หลากหลาย ทั้งแนวเก่าแก่สืบทอดกันมายาวนาน แนวธรรมชาติที่มีตามฤดูกาล รวมทั้งแนวการแสดงยุคใหม่สุดตระการตา โดยเทศกาลหลักๆ ที่ถือเป็นไฮไลท์ของจังหวัดนี้ เช่น

  • Kawazu-Zakura Festival เทศกาลชมซากุระฤดูหนาวแห่งเมือง Kawazu ที่เริ่มต้นก่อนใครตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นเดือนมีนาคม โดยดอกซากุระสายพันธุ์คาวาซุกว่า 8,000 ต้น จะบานสะพรั่งเป็นสีชมพูพร้อมกันทั่วเมือง
  • Atami Waterfront Fireworks Festival เทศกาลแสดงดอกไม้ไฟที่จัดให้ชมกันเกือบตลอดทั้งปีแม้ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว โดยเน้นจัดการแสดงในวันอาทิตย์เป็นหลัก
  • Ose Festival เทศกาลเก่าแก่แห่งเมือง Numazu ที่บรรดาชาวประมงหนุ่มจะแต่งตัวเป็นผู้หญิงพร้อมเต้นรำบนเรือหาปลาที่ประดับประดาอย่างฉูดฉาดด้วยธงและใบไม้เพื่อขอพรให้มีปลาอุดมสมบูรณ์และออกเรืออย่างปลอดภัย โดยจัดขึ้นทุกวันที่ 4 เมษายนของทุกปี
  • Fukuroi Enshu Fireworks Festival เทศกาลแสดงพลุไฟที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด Shizuoka ซึ่งจัดขึ้นในช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนสิงหาคมของทุกปีที่เมือง Fukuroi
  • Shimada Obi Festival เทศกาลเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ปี 1696 แห่งเมือง Shimada ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 3 ปี โดยจะมีขบวนพาเหรดที่ผู้คนในเมืองสวมชุดญี่ปุ่นย้อนยุคพร้อมถือสายคาด Obi ออกมาเดินกันเต็มไปหมด โดยถือเป็นการขอพรให้เด็กๆ ที่คลอดออกมาปลอดภัย

ครบเครื่องเรื่องช้อปปิ้ง

อย่างที่รู้กันว่าจังหวัด Shizuoka ขึ้นชื่อเรื่องผลิตภัณฑ์จากชาเขียวและวาซาบิ เพราะเป็นแหล่งผลิตสำคัญของประเทศ ดังนั้น ถ้าอยากชิมช้อปสินค้าจำพวกชาเขียวและวาซาบิทั้งหลายแล้ว ที่นี่คือตอบโจทย์เลย

แต่ถ้าเป็นสายแบรนด์เนมกระเป๋าหนัก อยากช้อปสินค้าหรูในราคาปลอดภาษีแล้ว Gotemba Premium Outlets แห่งเมือง Gotemba หนึ่งในเอาท์เลตที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ถือเป็นจุดหมายที่เรียกว่าเป็น “สวรรค์ของนักช้อป” เลยทีเดียว

ที่ตั้งของปราสาทโบราณทรงคุณค่ามากมาย

ในแง่สถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ในจังหวัด Shizuoka ก็นับว่าน่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วยกัน โดยเฉพาะพวก ปราสาทโบราณทั้งหลายที่กระจายอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น

  • Hamamatsu-jō ปราสาทใจกลางเมือง Hamamatsu ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของ Shogun Tokugawa Ieyasu ยาวนานกว่า 17 ปี โดยได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีบทบาทสำคัญในการรวมชาติญี่ปุ่น จากชั้นบนสุดของปราสาทสามารถลองลงไปเห็นวิวเมืองได้ทั้งหมด
  • Kakegawa-jō ปราสาทบนเนินเขาเตี้ยๆ ใจกลางเมือง Kakegawa อายุเก่าแก่มากกว่า 500 ปี ซึ่งด้านในสะท้อนชีวิตในยุคเอโดะได้เป็นย่างดี
  • Sumpu-jo ปราสาทนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของโชกุนเมื่อราว 400 กว่าปีก่อน แม้ทุกวันนี้ตัวปราสาทจะถูกทำลายหลงเหลือเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่ก็ยังร่มรื่นด้วยพื้นที่สวน เหมาะกับการพักผ่อนหย่อนใจ