เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 9 “West GERMANY” ชมเมืองเก่า Heidelberg สุดคลาสสิกตลอดกาล

เที่ยวเอง รีวิว ไฮเดลเบิร์ก เยอรมัน heidelberg germany
เที่ยวเอง ย้อนรอยทริป “เบเนลักซ์ – เยอรมัน – ฝรั่งเศส” อีกครั้ง

เที่ยวเมืองสุดท้ายของเยอรมันในวันที่ 7 ของทริป เช้านี้เราจะเข้าเมืองเก่า Heidelberg ไปชมบ้านเมืองสีน้ำตาลแดงที่เรียกว่า “คลาสสิก” ที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมนี

เมื่อวานเราไปเที่ยวปราสาท Eltz และเมือง Cochem แวะ Frankfurt นิดหน่อย และมาค้างคืนที่ Heidelberg ตามรีวิวนี้
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 8 “West GERMANY” เที่ยวตามแนวแม่น้ำโมเซล: Burg Eltz – Cochem

ส่วนรีวิวตอนก่อนหน้านี้ทั้งหมด อ่านได้จากลิ้งค์ด้านล่างนี้
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 1 “Dinant, BELGIUM” เมืองริมน้ำอันงดงามดุจภาพวาด
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 2 “Brussels, BELGIUM” เมืองแห่งจัตุรัสกลางเมืองที่สวยที่สุดในโลก
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 3 “Brugge, BELGIUM” เมืองคูคลองสุดสวยจนต้องมาซ้ำ
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 4 “Gent, BELGIUM” เดินคูลๆ ในเมืองคูคลอง
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 5 “Amsterdam, NETHERLANDS” เสพสุขสีสันแห่งการใช้ชีวิต
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 6 “Giethoorn, NETHERLANDS” หมู่บ้านริมคลองน่ารักระดับโลก
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 7 “West GERMANY” เที่ยวตามแนวแม่น้ำไรน์: Cologne – Bonn – Bacharach

Heidelberg ออกเสียงว่าไฮเดลแบร์ก หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “ไฮเดลเบิร์ก” คือเมืองมหาวิทยาลัยริมฝั่งแม่น้ำ Neckar ในรัฐ Baden-Württemberg ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมนี ไม่ไกลจากชายแดนฝรั่งเศส โดย Ruprecht-Karls-Universität Heidelberg (Heidelberg University) คือมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของเยอรมันก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1386

photo credit: www.dw.com

เริ่มต้นเที่ยวชมเมือง Heidelberg โดยจะขึ้นเขาไปชมวิวเมืองเก่าไฮเดลแบร์กที่มีปราสาทเก่าแก่อยู่บนเนินเขาจากมุมสูงฝั่งเหนือแม่น้ำ Neckar

ออกจากโรงแรม เดินตามถนน Belfortstraße ตรงไปยังถนน Kurfürsten-Anlage ซึ่งเป็นถนนที่ตรงมาจากสถานีรถไฟกลาง Heidelberg Hbf

รอรถเมล์ที่ป้าย Stadtwerke

ขึ้นรถเมล์สาย 34 จ่ายค่าตั๋วกับคนขับรถคนละ 1.30 ยูโร ผ่าน Bismarckplatz ซึ่งเป็นชุมทางรถหลักของเมือง ข้ามแม่น้ำ Neckar ไปลงที่ป้าย Alte Brücke Nord

photo credit: ontheworldmap.com

จากสถานีรถไฟ ถ้าจะเข้าเมืองเก่าก็นั่งรถรางสาย 5, 21 ที่ป้าย Stadtwerke 3 ป้าย ไปลงที่ป้าย Bismarckplatz ค่าตั๋วรถรางแบบเที่ยวเดียว (Einzelfahrschein Erwachsene) 1.60 ยูโร แล้วเดินตรงเข้า Hauptstrasse ถนนสายหลักเข้าสู่ Altstadt หรือเมืองเก่าของไฮเดลแบร์ก

เช็ควิธีการเดินทางได้ที่ Heidelberg transportation routes
เช็คค่ารถโดยสารได้ที่ Heidelberg transportation fares

ลงรถเมล์ที่ป้าย Alte Brücke Nord ก็เห็น Karl-Theodor-Brücke (Karl Theodor Bridge) หรือ Alte Brücke (Old Bridge) สะพานหินข้ามแม่น้ำ Neckar เชื่อมต่อเมืองเก่ากับตัวเมืองฝั่งเหนือแม่น้ำที่สร้างโดย Charles Theodore เมื่อปีค.ศ. 1788

เดินไปที่เชิงสะพานมีทางเดินแคบๆ ขึ้นเขาอยู่ทางซ้ายมือ เส้นทางนี้เป็นทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวเมืองเก่าตามที่บอกไปตอนต้นครับ

ขึ้นบันไดเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักถ่ายรูปตามจุดพักที่มีเป็นระยะๆ

ค่อยๆ เดิน ไม่รีบเร่งประมาณ 20 นาทีก็ถึงจุดชมวิวที่ต้องการ จุดนี้เรียกว่า Philosophenweg (Philosopher’s Walk) มองลงไปด้านล่างก็เห็นวิวทั่วเมืองเก่าสวยงามตามท้องเรื่องครับ 🙂

ถ่ายรูปรัวๆ เสร็จแล้วก็เดินลงเขากลับทางเดิมไปข้ามสะพาน Karl-Theodor-Brücke (Karl Theodor Bridge) หรือ Alte Brücke (Old Bridge) เข้าสู่ฝั่งเมืองเก่า

เดินตามถนน Steingasse ตรงไปยัง Marktplatz จัตุรัสใจกลางเมืองเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งของ Heiliggeistkirche (Church of the Holy Spirit) โบสถ์สำคัญที่สุดของเมือง

เดินเข้าถนน Mittelbadgasse จนสุดทางที่ถนน Zwingerstraße เลี้ยวซ้ายเดินตรงไปยัง Station Kornmark เพื่อขึ้นรถรางไฟฟ้าสาย Heidelberger Bergbahn ไปยัง Heidelberger Schloss

photo credit: www.lahistoriaconmapas.com

จ่ายค่าตั๋วรถรางซึ่งรวมค่าเข้าชมปราสาทและค่าเข้า Deutsches Apotheken-Museum ราคา 7 ยูโร แล้วนั่งรถรางไฟฟ้าขึ้นเขา

เดินผ่าน Elisabethentor (Elisabeth’s Gate) ประตูคืนเดียวที่มีชื่อเสียงเรื่อง “พลังแห่งความรัก” โดยเจ้าชาย Elector Frederic ที่ 5 ทรงมีพระบัญชาให้สร้างประตูให้เสร็จภายในคืนเดียวเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดแด่พระมเหสี
อลิซาเบธ

เข้าไปยังอาณาบริเวณของ Heidelberger Schloss (Heidelberg Castle) ปราสาทที่สร้างด้วยหินทรายสีแดงในสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 โดยเจ้าชาย Elector Ruprecht ที่ 3 บนเนินเขา Königstuhl สูง 80 เมตรจากเมืองเก่า ปราสาทเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 900 ปีแห่งนี้ปัจจุบันบางส่วนถูกสร้างขึ้นใหม่หลังพังทลายลงเกือบทั้งหมดจากเหตุสงครามและไฟไหม้ระหว่างศตวรรษที่ 17-18 แม้ว่าบางส่วนจะหลงเหลือเป็นซากปรักหักพังก็ตาม

ชมวิวเมืองเก่าไฮเดลแบร์กที่มีโบสถ์ Heiliggeistkirche โดดเด่นอยู่ใจกลางเมือง

เดินไปยังทางเข้าปราสาท

ถ้าจะเข้าชมภายในปราสาทจะต้องซื้อไกด์ทัวร์ซึ่งให้บริการทุกวันตั้งแต่ 08.00-18.00 น. ต้องเข้าชมก่อนเวลาปิด 30 นาที วันที่ 24 และ 31 ธ.ค. ปิด 13.00 น. ปิดวันคริสต์มาส โดยต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 5 ยูโรสำหรับผู้ใหญ่ ภายในปราสาทมีถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีความจุถึง 220,000 ลิตรเป็นไฮไลต์สำคัญ

เช็ครายละเอียดเวลาไกด์ทัวร์ภาษาอังกฤษและค่าเข้าชมต่างๆ ได้ที่ visit Heidelberg Castle

เราไม่ได้เข้าชมปราสาทครับ ขอเดินเล่นรอบๆ บริเวณ ชมวิวและพิพิธภัณฑ์บางส่วนที่เข้าชมฟรี

เกือบเที่ยงแล้ว เดินกลับไปที่สถานีรถรางไฟฟ้า นั่งรถรางลงเขาไปยังเมืองเก่าด้านล่างและเดินกลับ Marktplatz

เดินไปทางหอคอยสูงของโบสถ์ Heiliggeistkirche ตาม Hauptstrasse ถนนสายหลักที่เชื่อม Altstadt หรือเมืองเก่าของไฮเดลแบร์กกับ Bismarckplatz ผ่านอาคารสวยงามชื่อ Hotel Zum Ritter Sankt Georg (Knight St. George) บ้านเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1592 ซึ่งหลงเหลืออยู่หลังจาก War of Succession ปัจจุบันได้ปรับปรุงเป็นโรงแรม 4 ดาว

แวะกินอาหารง่ายๆ เร็วๆ ที่ร้าน My Currywurst ซึ่งขาย Currywurst ของกินขึ้นชื่อของเยอรมันเลย

จากนั้นเดินตามถนน Hauptstrasse ยาวไปจนเห็น Jesuitenkirche หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Parish Church Holy Spirit and St. Ignatius โบสถ์สไตล์บาโรคที่สร้างขึ้นในช่วงปีค.ศ. 1712-1759

ตรงต่อไปขึ้นรถรางสาย 5 หรือ 21 จากป้าย Bismarckplatz ไปลงที่ป้าย Stadtwerke ตั๋วรถรางแบบเที่ยวเดียว (Einzelfahrschein Erwachsene) ราคา 1.60 ยูโร

ระยะทางจาก Marktplatz ถึง Bismarckplatz ประมาณ 1.3 กิโลเมตร

เดินกลับโรงแรมไปเอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้แล้วเดินแค่ 5 นาทีไปสถานีรถไฟกลาง Heidelberg Hbf เพื่อขึ้นรถไฟไปเมือง Strasbourg ประเทศฝรั่งเศส

photo credit: en.wikipedia.org

เราจะใช้ Eurail Global Pass นั่งรถไฟท้องถิ่นขบวน S 3 เวลา 13.18 น. ฟรี (ปกติตั๋วรถไฟ Heidelberg – Strasbourg ชั้น 2 ราคา 32-46 ยูโร แล้วแต่ขบวน)

เช็คตารางเวลารถไฟเยอรมันได้ที่ Germany train

เราไม่อยากเสียเงินค่าจองที่นั่งเพิ่มสำหรับโดยสารรถไฟด่วนพิเศษขบวน ICE และ TGV บางช่วงของเส้นทางนี้ จึงต้องเลือกใช้รถไฟท้องถิ่นซึ่งต้องเปลี่ยนขบวนหลายต่อ ดังนี้

14.00 น. รถไฟ S 3 เดินทางถึงสถานีรถไฟกลาง Karlsruhe Hbf
14.09 น. รถไฟ RE 63529 ออก
14.50 น. ถึงสถานีรถไฟ Appenweier
15.10 น. รถไฟ SWE87440 ออกเดินทางเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส


15.35 น. เดินทางถึงสถานีรถไฟ Gare de Strasbourg-Ville

ใช้เวลาเดินทางรวม 2 ชั่วโมง 17 นาที  เส้นทางช่วงนี้ยกกระเป๋าขึ้นลงรถไฟเหนื่อยนิดนึงนะครับ ^^

ออกจากสถานีรถไฟไปที่ Place de la Gare ข้ามถนนเดินไปเช็คอินที่ Ibis Budget Strasbourg Centre Gare โรงแรมแบบประหยัดใกล้สถานีรถไฟสุดๆ เดินเข้ากลางเมืองก็ง่าย ราคาห้องพักสำหรับ 2 คน คืนละ 64 ยูโร (2,650 บาท) ไม่รวมอาหารเช้า

ผมจองล่วงหน้าผ่าน www.booking.com ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ได้ราคาโปรลดไปเกิน 20 ยูโรเลยครับ
ขั้นตอนการจองก็ง่ายมาก ทำ 2 นาทีเสร็จ ดูแผนที่ที่ตั้งโรงแรมชัดเจน ถ้าอยากเลือกโรงแรมอื่นก็คลิกที่ที่ตั้งของโรงแรมนั้นเข้าไปดูรายละเอียดได้เลย

เราจะพักที่นี่ 2 คืน คือ คืนนี้และคืนพรุ่งนี้หลังกลับจาก Colmar

*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต