เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 8 “West GERMANY” เที่ยวตามแนวแม่น้ำโมเซล: Burg Eltz – Cochem

เที่ยวเอง รีวิว โคเคม แฟรงก์เฟิร์ต เยอรมัน แม่น้ำไรน์ tieweng review burg eltz cochem frankfurt germany
เที่ยวเอง ย้อนรอยทริป “เบเนลักซ์ – เยอรมัน – ฝรั่งเศส” อีกครั้ง

วันที่ 6 ของทริป เรายังอยู่ในเยอรมันและจะเที่ยวตามแนวแม่น้ำสายดังอีกสายแถบเยอรมันตะวันตกที่มีชื่อว่า Mosel (Moselle)

photo credit: www.velociped.de

โดยเริ่มต้นที่เมือง Koblenz ไปชมปราสาท Burg Eltz และเมือง Cochem นั่งรถไฟกลับ Koblenz ต่อไปแวะเดินเล่นหาอะไรรับประทานมื้อเย็นในเมือง Frankfurt และไปค้างคืนที่ Heidelberg รอเที่ยวปราสาทไฮเดลแบร์กตอนเช้ารุ่งขึ้น

photo credit: riverboatratings.com

ย้อนกลับไปอ่านรีวิว 7 ตอนที่ผ่านมาได้ที่
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 1 “Dinant, BELGIUM” เมืองริมน้ำอันงดงามดุจภาพวาด
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 2 “Brussels, BELGIUM” เมืองแห่งจัตุรัสกลางเมืองที่สวยที่สุดในโลก
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 3 “Brugge, BELGIUM” เมืองคูคลองสุดสวยจนต้องมาซ้ำ
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 4 “Gent, BELGIUM” เดินคูลๆ ในเมืองคูคลอง
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 5 “Amsterdam, NETHERLANDS” เสพสุขสีสันแห่งการใช้ชีวิต
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 6 “Giethoorn, NETHERLANDS” หมู่บ้านริมคลองน่ารักระดับโลก
เที่ยวเอง BENELUX – GERMANY – FRANCE ตอนที่ 7 “West GERMANY” เที่ยวตามแนวแม่น้ำไรน์: Cologne – Bonn – Bacharach

โปรแกรมวันนี้ดูเหมือนจะแน่นนะครับ แต่จริงๆ ไม่ได้รีบเร่งอะไรเลย ไปดูกันว่าเราจัดแผนนี้ยังไง

สถานที่แรกที่เราจะไปคือ Burg Eltz (Eltz Castle) ปราสาทโบราณในยุคกลางของยุโรปซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาไม่สูงเหนือแม่น้ำ Mosel ที่ห้อมล้อมของเทือกเขาเขียวขจี ห่างจากเมือง Koblenz ราว 38 กิโลเมตร

วิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการเช่ารถขับไปเพราะรถสาธารณะมีจำกัด แต่ขึ้นชื่อว่า “เที่ยวเอง” แล้วต้องวางแผนให้ไปโดยรถสาธารณะได้สิ 55

เช็คเอาท์และเดินไปสถานีรถไฟกลาง Koblenz Hbf เพื่อฝากกระเป๋าเดินทางไว้เลยเพราะไม่อยากเสียเวลาเดินกลับโรงแรมไปเอากระเป๋าและเดินกลับมาที่สถานีรถไฟอีก ค่าฝากกระเป๋าทั้งวัน 4 ยูโรครับ

เลือกรถไฟท้องถิ่นขบวน RB 12104 ซึ่งจะออกเดินทางตอน 08.25 น. ใช้ Eurail Global Pass ต่อเป็นวันที่ 6 นั่งรถไฟฟรี 27 นาทีไปลงที่สถานี Hatzenport Bahnhof

เช็คตารางเวลารถไฟเยอรมันได้ที่ Germany train

เดินลงไปรอรถเมล์ Burgenbus (Castle Bus) 330 ซึ่งจะมาถึงป้ายตอน 09.21 น. (รอบแรกของวัน) แต่รถเมล์จะให้บริการแค่วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 31 ต.ค. เท่านั้น ถ้ามาวันจันทร์-ศุกร์หรือมาช่วงเดือนอื่นก็ต้องเช่ารถขับหรือหาแท็กซี่ไปนะครับ แต่เราวางแผนมาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์พอดีจึงประหยัดตังค์ค่ารถได้เยอะเลย 😀

เช็คข้อมูลวิธีการเดินทางโดยรถสาธารณะและตารางรถเมล์ได้ที่ How to go to Eltz Castle

รถเมล์สายนี้ใช้ Eurail Pass นั่งฟรีด้วยครับ แต่ฝรั่งอเมริกันที่ขึ้นรถพร้อมกันต้องจ่ายค่าตั๋วเที่ยวนึง 3.70 ยูโรแหนะ #โคตรแพง

นั่งรถไป 17 นาทีก็ถึงลานจอดรถของปราสาทซึ่งต้องเดินอีกราว 15 นาที ไปยังตัวปราสาท ถ้าไม่อยากเดินก็สามารถใช้บริการรถ pendelbus ราคาเที่ยวละ 2 ยูโรไปยังปราสาทได้

ขาไปเราเลือกเดินครับเพราะเป็นทางลงเขาและจะผ่านจุดชมวิวที่มองเห็นปราสาทจากมุมสูง รูปถ่ายจึงเหมือนถ่ายจากโดรนเลยครับ

เดินลงเขาต่อไปอีก 5 นาทีก็ถึงทางเข้าตัวปราสาท

ช่วงที่เราไปปราสาทปิดปรับปรุงอยู่ครับ จะกลับมาเปิดให้เข้าชมอีกทีในวันที่ 25 มี.ค. 2018 ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่ราคา 10 ยูโร

อัพเดทข้อมูลเวลาเปิด-ปิดได้ที่ Eltz Castle opening hour and fee

รถเมล์คันเดิมขับไปสุดทางที่ Burg Pyrmont แล้ววนกลับทางเดิมมารับผู้โดยสารที่ลานจอดรถของ Burg Eltz ตอน 10.15 น. และกลับถึงสถานีรถไฟ Hatzenport 10.28 น. แต่ตอนนั้นเหลืออีกไม่ถึง 2 นาทีก็จะ 10 โมง 15 ละ นั่งรถ pendelbus กลับไปที่ลานจอดรถคงไม่ทัน เลยต้องนั่งกินที่ร้านอาหารของปราสาทฆ่าเวลาและยอมเดินกลับประหยัดค่ารถเพราะรถเมล์ Burgenbus (Castle Bus) 330 คันต่อไปจะมาถึงป้ายที่ลานจอดรถ 12.15 น. มีเวลาเหลือถมเถเลย

12.29 น. รถเมล์กลับถึงสถานีรถไฟ Hatzenport ต่อรถไฟท้องถิ่นขบวน RB เวลา 12.53 น. (ขึ้นจากชานชาลาฝั่งเดียวกับตอนขามา) นั่งชมวิวแม่น้ำโมเซลและบ้านเรือนริมน้ำที่มีหมอกจางๆ ประดับบนยอดเขาอีก 20 นาทีก็ถึงสถานีรถไฟ Cochem (Mosel)

เดินเที่ยวชม Cochem เมืองเล็กๆ ริมฝั่งแม่น้ำโมเซลกันครับ

ออกจากสถานีรถไฟ เดินไปทางขวาเลียบริมแม่น้ำไปประมาณ 600 เมตร ข้ามสะพาน Skagerak-Brücke (Moselbrücke) ไปถ่ายรูปตัวเมืองโคเคมจากฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ

จุดเด่นที่สุดในเมืองก็คือ Reichsburg Cochem (Cochem Imperial Castle) ปราสาทที่มีลักษณะเป็นป้อมปราการบนเนินเขากลางเมืองซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1130 โดยอยู่ในความครอบครองของพระเจ้า Korad ที่ 3

เดินข้ามสะพานกลับไปที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำ ลงสะพานไปทางซ้ายที่จัตุรัส Josef-Steib-Platz ทางเข้าใจกลางเมือง

เดินเข้าถนน Bernstraße ตรงเข้าสู่ศูนย์กลางเมือง

ลอดผ่าน St. Martinskirche (St. Martin Church) หรือ Sankt Martin Cochem ไปก็ถึงจัตุรัสใจกลางเมืองที่เรียกว่า Marktplatz

ตรงต่อไปและเดินตามเส้นทางขึ้นเขาไปยัง Reichsburg Cochem (Cochem Imperial Castle) ระยะทางประมาณ 600 เมตร

จาก Marktplatz มีรถ Shuttle bus สาย 781 ให้บริการขึ้นเขาไปยังปราสาท ค่ารถเที่ยวละ 2.50 ยูโร ถ้าซื้อตั๋วไป-กลับราคา 4 ยูโร

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ Cochem shuttle bus 781

ปราสาทโคเคมเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมขึ้นมาถ่ายรูปเพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองด้านล่างได้อย่างทั่วถึง

ปราสาทเปิดให้เข้าชมผ่านไกด์ทัวร์ทุกวันระหว่างวันที่ 11 มี.ค.-1 พ.ย. (ตารางปี 2017) ตั้งแต่ 09.00-17.00 น. ไกด์ทัวร์ภาษาอังกฤษเวลา 12.00 น. และ 15.00 น. ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ค่าไกด์ทัวร์สำหรับราคา 6 ยูโร เด็กอายุ 6-17 ปี 3 ยูโร แต่วันที่เราไปปราสาทปิดอีกแล้ว 55

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ visit Cochem Castle

ชมวิวเสร็จก็เดินลงเขากลับไปที่ Marktplatz ตรงผ่านโบสถ์ St. Martinskirche เดินตามเส้นทางเดิมกลับสถานีรถไฟ Cochem (Mosel) ระยะทางรวมประมาณ 1.5 กิโลเมตร

ขึ้นรถไฟขบวน RB 12119 เวลา 15.43 น. กลับถึงสถานีรถไฟ Koblenz Hbf 16.35 น.
(ค่ารถไฟเส้นทาง Koblenz – Hatzenport – Cochem ไม่แสดงราคาในเว็บไซต์ครับ)

เช็คตารางเวลารถไฟเยอรมันได้ที่ Germany train

เอากระเป๋าเดินทางที่ฝากไว้แล้วขึ้นบันไดไปยังชานชาลารอขึ้นรถไฟขบวน RE 4265 ไป Frankfurt ตอน 17.04 น. (ปกติตั๋วรถไฟ Koblenz – Frankfurt ราคา 27.40 ยูโร)

นั่งยาวไป 1 ชั่วโมง 44 นาที รถไฟก็เข้าจอดที่สถานีรถไฟกลาง Frankfurt (Main) Hbf ในเวลา 18.48 น.

เราจองที่นั่งของรถไฟด่วนพิเศษขบวน ICE เวลา 21.05 น. ไว้ล่วงหน้าแล้วจึงมีเวลาเหลือให้เข้าเมืองแฟรงก์เฟิร์ตไปเดินเล่นและรับประทานมื้อเย็นอีกเกือบ 2 ชั่วโมง (ค่าจองที่นั่งละ 9 ยูโร) แต่ขอไม่รีวิวการเที่ยว Frankfurt นะครับเพราะเมืองนี้เป็นเมืองธุรกิจสำคัญของเยอรมัน ที่เที่ยวน่าสนใจไม่ค่อยมีเท่าไหร่ และเคยมาหลายรอบแล้วจึงไม่ได้เที่ยวละเอียดอะไร แต่ผมจะให้ข้อมูลที่มีประโยชน์คร่าวๆ และลงรูปจุดท่องเที่ยวหลักๆ ของเมืองให้ชมละกันครับ 🙂

ในสถานีรถไฟกลางมีล็อคเกอร์อยู่ใกล้ชานชาลา 23 ค่าฝากกระเป๋าราคา 5-6.50 ยูโร

จากสถานีรถไฟใต้ดิน Frankfurt (Main) Hauptbahnhof ที่สถานีรถไฟกลาง นั่งรถไฟใต้ดินสาย U4 (สีชมพู), U5 (สีเขียว) ไปลงที่สถานี Dom/Römer ใจกลางเมือง ตั๋วแบบเที่ยวเดียว (Einzelfahrkarten) ราคา 2.90 ยูโร หรือจะเดินประมาณ 1.3 กิโลไปยัง Römerberg จัตุรัสกลางเมืองซึ่งเป็นที่ตั้งของ Römer (City Hall) และ Alte Nikolaikirche (Old St Nicholas Church)

รถโดยสารประเภทต่างๆ ใน Frankfurt จะคิดตามระยะทางที่เดินทาง คำนวณค่าโดยสารได้ที่ www.rmv.de

สถานที่สำคัญอื่นๆ ของเมืองอยู่ใกล้ๆ กับ Römerberg เช่น

Paulsplatz (St Paul’s Square) ที่ตั้งของ Paulskirche (St Paul’s Church)

Frankfurter Dom (Frankfurt Cathedral)

Hauptwache (Main Guard)

นั่งรถไฟ S-Bahn จากสถานี Hauptwache 2 สถานีกลับสถานีรถไฟกลาง Frankfurt (Main) Hbf ค่าตั๋วแบบเที่ยวเดียว (Einzelfahrkarten) ราคา 2.90 ยูโร

เข้าร้านอาหารเอเชียชื่อ Kim’s Pho ใกล้สถานีรถไฟ สั่งหมี่เป็ดกรอบ ได้จานยักษ์เท่านี้เลย ลองคิดออกมาเป็นเงินบาทแล้วจานนี้ 350 บาท อิ่มฟินเว่อร์!

ไป Heidelberg

เราจะใช้ Eurail Global Pass + บัตรจองที่นั่งที่จองมาล่วงหน้าแล้วขึ้นรถไฟด่วนพิเศษขบวน ICE 773 ซึ่งมีกำหนดออกเดินทางในเวลา 21.05 น. ต้องขึ้นให้ถูกโบกี้ที่ระบุในบัตรจองและนั่งตามหมายเลขที่นั่งด้วยครับ ถ้าขึ้นรถไฟขบวน ICE โดยไม่จองที่นั่งก่อนอาจถูกปรับเงินได้นะครับ

(ปกติตั๋วรถไฟ Frankfurt – Heidelberg ชั้น 2 ขบวน IC ราคา 19 ยูโร ส่วนขบวน ICE ราคา 25 ยูโร)

รถไฟความเร็วสูงใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง 3 นาทีก็เดินทางถึงสถานีรถไฟกลาง Heidelberg Hbf ในเวลา 22.08 น.

เดินประมาณ 400 เมตรไปเช็คอินที่ Hotel Central โรงแรมขนาดเล็ก ไม่ได้หรูหราอะไร ราคาห้องพักสำหรับ 2 คน คืนนี้ 95 ยูโร ไม่มีอาหารเช้า

มาถึงดึกแล้ว ต้องเลือกที่พักที่ใกล้สถานีรถไฟแต่เดินทางเข้าเมืองเก่าสะดวกไว้ก่อนครับ

*ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงข้อมูลและรูปภาพเพื่อนำไปเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต